สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการกีฬาเป็นธรรมเนียมประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยคัดเลือกจากบุคคลกีฬาที่มีข่าวฮือฮา หรือมีความโดดเด่นในสายตาของสื่อมวลชนสายกีฬาในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อยกย่อง และหยิกแกมหยอก สำหรับ'ฉายาคนกีฬา' ประจำปี 2564 ที่ผ่านมา มี 12 ฉายา 13 ท่านดังนี้
1.'ประมุขเร้นกาย' ฉายานี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตคบอลแห่งประเทศไทย รับไปเต็มๆ ในช่วงที่ผ่านมา 'บิ๊กอ๊อด' พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง โดนมรสุมชีวิตอย่างต่อเนื่องในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งกรณี 'บอส กระทิงแดง' หรือความล้มเหลวในวงการฟุตบอลที่ทีมชาติไทยผลงานล้มเหลวทุกชุดแถม ฟุตบอลลีกอาชีพยังเจอโควิด-19 ขายสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ต้องเลิกสัญญาลิขสิทธิ์มูลค่าหมื่นล้านกับ “เซ้นท์” ตกเป็นกระแสโดนโจมตีจากแฟนบอลอย่างต่อเนื่อง
ทำเอา 'บิ๊กอ๊อด' ต้องหลบฉากงดให้สัมภาษณ์ และปรากฏตัวในวงสังคมค่อนข้างน้อย นอกจากจำเป็นจริง ๆ พร้อมกับแต่งตั้ง 'มาดามแป้ง' นวลพรรณ ล่ำซำ มาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทยแบ่งเบาภาระ และรับแสงสปอตไลต์จากสื่อและแฟนบอลไปแทน จึงเป็นฉายาของ “ประมุขเร้นกาย” ด้วยประการฉะนี้
2.'มาดามขี่ม้าขาว' จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก'มาดามแป้ง'นวลพรรณ ล่ำซำ ก็เพราะในช่วงที่ผลงานทีมชาติไทยย่ำแย่เกือบทุกชุดทำให้กระแสฟุตบอลไทยตกต่ำสุดขีด “มาดามแป้ง” ก็ขันอาสาเข้ามากู้วิกฤติศรัทธา รับบทผู้จัดการทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก โดยควบทั้งชุด U23 และชุดใหญ่ ซึ่งการเข้ามารับงานครั้งนี้แม้จะเป็นเผือกร้อนแต่กระแสการตอบรับจากแฟนบอลและสื่อค่อนข้างดี
ประเดิมด้วย U 23 ที่ 'มาดามแป้ง' ใช้คอนเนคชั่นระดมนักเตะลูกครึ่งจากต่างประเทศมาผนึกกำลังกับนักเตะในไทย แม้ผลงานจะกระท่อนกระแท่นแต่ก็สามารถเป็นตัวแทนกลุ่มเข้าไปเล่น U 23 ชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้ายได้สำเร็จ ต่อด้วยเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่โชว์ฝีมือประสานสิบทิศดึงนักเตะชั้นยอดจากทุกสโมสรทั้งในและต่างประเทศมาได้มากที่สุด ในรอบหลายปีและทำผลงานรอบแรกได้อย่างยอดเยี่ยม โอกาสจะคว้าแชมป์อาเซียนไม่หนีไปไหน ฉายา “มาดามขี่ม้าขาว” ที่เข้ามากอบกู้วงการฟุตบอลไทยคงไม่หนีไปไหนเป็นแน่แท้
3.'ราชันอาเซียน' ต้องคนนี้'มุ้ย' ธีรศิลป์ แดงดา สำหรับ “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ หัวหอกทีมชาติไทยเป็น 1 ใน 30 ผู้เล่นชุดเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ถูกสบปรามาสว่าแก่เกินแกง สภาพโรยราลงไปเยอะ แต่ มาโน่ โพกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ยังเชื่อมั่นในศักยภาพว่าเขาจะเป็นดาวยิงคนสำคัญที่จะถล่มประตูให้ “ช้างศึก” นอกจากเป้าหมายการคว้าแชมป์แล้ว ตำแหน่งดาวยิงสูงสุดอาเซียน ที่มุ้ยยิงได้ 15 ประตูตามหลัง นอห์ อลัม ชาห์ อดีตหัวหอกทีมชาติสิงคโปร์อยู่ 2 ประตูยังเป็นที่หมายปองของ ธีรศิลป์ ที่จะลบสถิติ เพื่อก้าวไปสู่ดาวยิงตลอดกาลอาเซียน
เกมแรกยังฝืดแต่นัดที่ 2 กับเมียนมา และดวลกับฟิลิปปินส์ มุ้ยกดคนเดียวนัดละ 2 ประตูผงาดแซง นอห์ อลัม ชาห์ เป็น 19 ประตูขึ้นนำดาวยิงอาเซียนตั้งแต่ยังไม่จบรอบแรก ผลงานตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีในนามทีมชาติไทย จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมอบฉายา 'ราชันอาเซียน' ให้กับ ธีรศิลป์ แดงดา
4.'หมึกต้นแบบ' พล.อ.เดชา เหมกระศรี ด้วยความที่'เสธหมึก' พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯเป็นคนที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา แทบไม่เคยมีวันพัก แม้จะเจอสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาด แต่ 'เสธ.หมึก' ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาจักรยาน ทั้งในระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประเภทต่าง ๆ และระดับนานาชาติ ทั้งรายการลู่ 'แทร็ค เอเชีย คัพ 2021' และจักรยานทางไกลนานาชาติ 'ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2021' เป็นเพียงชาติเดียวในทวีปเอเชีย ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และประสบความสำเร็จอย่างมาก
ทำให้หลายสมาคมกีฬาได้นำมาตรการดังกล่าวของสมาคมกีฬาจักรยานฯ ไปประยุกต์ใช้ในการจัดแข่งขัน จนได้รับการชื่นชมและยกย่องจากหลายฝ่าย รวมทั้ง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าเป็น 'สมาคมต้นแบบ' ในการจัดแข่งขันในรูปแบบ New Normal จึงเหมาะสมที่จะได้รับฉายา “หมึกต้นแบบ”
5.'จอมเตะเลี่ยมทอง' พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หลังจากกวาดแชมป์มาแล้วแทบจะทุกรายการ 'เทนนิส' พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดสาวทีมชาติไทยดีกรีแชมป์โลก จึงเป็นความหวังอันดับ 1 ในการลุ้นเหรียญทองจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พาณิภัค แบกแรงกดดันมหาศาลลงแข่งขันในรุ่น 49 กก.หญิง ซึ่งชิงเหรียญทองกันตั้งแต่วันแรกหลังพิธีเปิด "โตเกียวเกมส์" ซึ่งจอมเตะสาวไทยกรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศได้สมราคา ก่อนเจอกับม้ามืดจากสเปน
สถานการณ์ในรอบชิงชนะเลิศเป็นไปอย่างใจหายใจคว่ำ เมื่อต่างฝ่ายต่างผลัดกันนำผลัดกันตาม และสาวไทยตาม 1 แต้มขณะเหลือเวลาไม่ถึง 10 วินาที ก่อนมาได้ลูกเตะสำคัญในช่วง 7 วินาทีสุดท้าย แซงชนะไปอย่างสนุกตื่นเต้น พร้อมคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ให้ทัพนักกีฬาไทยได้สำเร็จ
6.'โค้ชโสมหัวใจไทย' ก็คือโค้ช เช ยอง ซ็อก เบื้องหลังความสำเร็จของทัพนักกีฬาเทควันโดไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งคือ 'โค้ชเช' เช ยอง ซ็อก โค้ชชาวเกาหลีใต้ที่สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ดึงตัวมาคุมทีมตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 หลังจาก 2 ปีที่ 'โค้ชเช' เข้าไปคุมทีม จอมเตะไทยก็คว้าเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกเกมส์ได้เป็นครั้งแรกจาก 'วิว' เยาวภา บุรพลชัย และทำเหรียญรางวัลให้นักกีฬาไทยได้เรื่อยมา กระทั่งประสบความสำเร็จสูงสุดกับเหรียญทองของ 'เทนนิส' พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในโอลิมปิกเกมส์ 2020
'โค้ชเช' มักได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนกีฬาชาวไทยว่าเป็นโค้ชชาวเกาหลีหัวใจไทย ด้วยความทุ่มเทและมีอารมณ์ร่วมกับผลงานของนักกีฬาไทยทุกการแข่งขัน จนถึงจุดที่ตัวโค้ชเองก็ต้องการเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนไทยเต็มตัว และเลือกชื่อไทยเตรียมไว้แล้วว่า 'ชัชชัย ชเว' แต่ขั้นตอนการขอสัญชาติยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของ 'โค้ชเช' หลังจากสร้างนักกีฬาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ได้แล้ว คือการพานักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ในฐานะโค้ชสัญชาติไทยนั่นเอง
7.'สวิงสาวเจ้าสนาม' เป็นของ 'โปรจีน'อาฒยา ฐิติกุล ในปี 2021 นับเป็นปีทองของวงการกอล์ฟหญิงไทย เมื่อโปรสาวชาวไทยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้หลายรายการ ซึ่งหนึ่งในคนที่สร้างผลงานโดดเด่นที่สุดและต่อเนื่องที่สุด คือ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรสาววัย 18 ปี จาก จ.ราชบุรี ซึ่งคว้าแชมป์เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยนทัวร์ ได้ 2 รายการ และติดอันดับท็อปเทนอีก 13 รายการ พ่วงด้วยรางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมและนักกอล์ฟหน้าใหม่ยอดเยี่ยม รวมถึงตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินสูงสุดของทัวร์ในรอบปีที่ผ่านมา เรียกว่าลงแข่งรายการไหนเป็นต้องได้ลุ้นเกือบทุกครั้ง
นอกจากนี้ โปรจีนยังปิดฤดูกาลอย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าตั๋วเข้าร่วมแข่งขันแอลพีจีเอทัวร์ ซึ่งเป็นทัวร์กอล์ฟอาชีพสูงสุดของฝ่ายหญิง กลายเป็นหนึ่งในโปรสาวสุดฮอตที่สื่อกอล์ฟทั่วโลกให้การจับตามองในปีหน้า
8.'คู่ขนไก่สะท้านโลก' ยกให้ 'บาส'เดชาพล พัววรานุเคราะห์ - 'ปอป้อ'ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย หลังจากจับคู่แข่งขันแบดมินตันคู่ผสมกันมานาน ปี 2021 นับเป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนเส้นทางตบลูกขนไก่ของ 'บาส-ปอป้อ' เมื่อสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 8 รายการจากทั้งหมด 12 รายการที่ร่วมแข่งขัน จนทะยานขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกอย่างเต็มภาคภูมิ
เริ่มต้นด้วยการกวาด 3 แชมป์รายการใหญ่ที่ไทยเป็นเจ้าภาพช่วงต้นปี แม้จะพลาดหวังจากโอลิมปิกเกมส์ 2020 เมื่อพลาดท่าตกรอบก่อนรองชนะเลิศอย่างน่าเสียดาย “บาส-ปอป้อ” ก็กลับมาฮอตอีกครั้งช่วงปลายปี เมื่อคว้าแชมป์ต่อเนื่องถึง 5 รายการ โดยเฉพาะ 2 รายการหลังสุดอย่าง 'บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์' และ 'แบดมินตันชิงแชมป์โลก' ซึ่งส่งให้ทั้งคู่กลายเป็นแชมป์โลกประเภทคู่คู่แรกในประวัติศาสตร์วงการขนไก่ไทย
9.'หญิงปัท ชัดทุกช็อต' จะเป็นใครไม่ได้ นอกจากคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ด้วยความที่ คุณหญิงปัทมา เป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยประกอบกับชอบเล่นกีฬาหลายอย่างทั้ง ว่ายน้ำ จักรยาน แบดมินตัน และยังมีใจรักกีฬาอย่างเต็มเปี่ยม จึงสนับสนุนส่งเสริมทุนให้วงการกีฬาทุก ๆ ชนิดมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเข้ามาเป็นนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ก็สร้างนักตบลูกขนไก่ติดชาร์จระดับโลกมากกว่า 50 คน สร้างชื่อเสียงคว้าแชมป์โลก หรือได้แชมป์ระดับโลก จนนับไม่ถ้วน และยังชัดเจนต่ออีกกับตำแหน่งใหญ่ 'ไอโอซีหญิง' คนแรกของไทย และคนที่ 4 ของประเทศ เป็น 'บอร์ดโอซีเอ' ทำงานระดับโลก และกีฬาในประเทศแบบไม่มีหยุด จนเป็นที่รักของคนในวงการกีฬา
พร้อมกันนี้ คุณหญิงปัทมา ยังช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทย แต่งชุดไทยในงานสำคัญตลอดทำให้ทั่วโลกจดจำวัฒนธรรมไทย และยังช่วยประสาน แก้ปัญหาให้สมาคมกีฬาไทย กับ สหพันธ์กีฬา เชื่อมโลกกีฬาให้แคบลง ให้ไทยเป็นที่รู้จักในสังคมมากขึ้น แม้จะต้องเดินทางตลอดประสานงานรอบด้าน แต่ก็ไม่มีถอยยังคงมุ่งมั่นทุ่มเททำงานกีฬาระดับโลกมาตลอด เรียกว่า 'หญิงปัท' ชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มและจะยังชัดเจนต่อไป เพื่อวงการกีฬาไทยของเร
10.'นารีกู้วิกฤติ' สุดาพร สีสอนดี คือเจ้าของฉายา เพราะเหรียญทองแดงโทนของนักชกสาว 'น้องแต้ว' สุดาพร สีสอนดี ใน 'โตเกียวเกมส์ 2020' ทำให้สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย โล่งอกที่ไม่ต้องกลับบ้านแบบมือเปล่าเหมือนเมื่อครั้ง 'ริโอ 2016' ที่สำคัญเป็นการปลดล็อกเพราะเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ของนักชกสาวไทยในระดับโอลิมปิกเกมส์ แต่กระนั้นก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าทีมมวยสากลของไทยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะเหรียญหลักที่มาจากนักชกชายห่างหายจากเวทีโอลิมปิกเกมส์มาถึง 2 สมัยนับตั้งแต่ “ริโอ” จนถึง 'โตเกียว' แต่ถ้าเป็นทองถือว่าเป็นโอลิมปิกเกมส์สมัยที่ 3 ที่นักชกไทยไร้เหรียญกลับบ้าน เหรียญทองแดงของ 'น้องแต้ว' ครั้งนี้เท่ากับเป็นการกู้วิกฤติให้กับสมาคมมวยสากลฯ ได้หวุดหวิด
11.'พี่มีแต่ให้' ฉายานี้นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม รับไป สำหรับนายสุชัย ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการกีฬาไทยแต่อย่างใด ที่ผ่านมา 'สุชัย' อยู่เบื้องหลังของวงการกีฬามาตลอดนับตั้งแต่สมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ และสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ หลังจากขึ้นมารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย อย่างเต็มตัวดูเหมือนดวงจะถูกโฉลก แม้กีฬาโปรดจะไม่ใช่เทนนิสแต่ด้วยการบริหารงานสไตล์ใจถึงพึ่งได้ไม่หวังผลประโยชน์กล้าได้กล้าเสียมีโบนัสและส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาทุกครั้งก่อนเดินทางไปแข่งขัน รวมถึงมีโบนัสพิเศษหากนักกีฬาประสบความสำเร็จกลับมา จนทำให้ผลงานของนักเทนนิสไทยเริ่มขยับไปในทิศทางที่ดีประสบความสำเร็จในเกมระดับนานาชาติหลายรายการ
12.'วาด้าพาเพลีย' ยกให้กับ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ต้องยอมรับว่าช่วงครึ่งปีแรก 2564 'ดร.ก้อง' ก้องศักด ทำท่าจะสอบผ่านสบายๆ งานกิจกรรมของค่ายหัวหมาก ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ราบรื่นดี แต่ช่วงครึ่งปีหลังประเทศไทย เจอองค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า)WADA (World Anti-Doping Agency) เล่นงานจนสะเทือนวงการกีฬาไทย และทั้งประเทศ ในข้อหาที่ไทยทำผิดกฎเรื่องสารต้องห้าม ไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมนูญสารกระตุ้นของวาดา ในด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งวาด้าก็ได้ส่งสัญญาณเตือนมาแล้วให้เร่งแก้ไข จะได้ไม่โดนแบน มีเวลาให้แก้ไขพอสมควร แต่อย่างว่าแหละ ประเทศไทยต้องผ่านหลายขั้นตอน จาก ผู้ว่า กกท.ขึ้นไปรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งดูแล้ว'ดร.ก้อง'ที่อยากแก้ไขให้ทันใจจะขาด ก็ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้
มัวแต่รอขั้นตอน จนเลยกำหนดที่วาด้าเดทไลน์มา เมื่ออยากลองดีแบบนี้ 'วาดา' เลยออกคำสั่งเด็ดขาด ลงโทษแบนไทย 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.2564 ส่งให้ให้นักยกน้ำหนักไทย ที่เพิ่งคืนชีพคว้าแชมป์โลกได้ แต่ไม่มีธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา โดยเฉพาะนักแบดมินตันคู่ผสมขวัญใจชาวไทย'บาส'เดชาพล พัวร์วรานุเคราะห์-'ปอป้อ'ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ที่คว้าแชมป์โลก ที่สเปน เมื่อ 19 ธ.ค.2564 ต้องเอาธงสมาคมกีฬาแบดมินตันไทยขึ้นสู่ยอดเสาแทนธงชาติไทย ที่ดูเหมือนว่างานนี้"ดร.ก้อง"รับหน้าไปเต็มๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาดามแป้ง'ชวนแข้งสาวลูกครึ่ง คัดเลือกติดธงชบาแก้ว แคมเปญ'Road to Brazil 2027'
“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจพา ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กลับสู่เวทีฟุตบอลโลกอีกครั้ง หลังประกาศปักหมุดแคมเปญ “Road to Brazil 2027” เชิญชวนแข้งลูกครึ่งสาวไทยจากทั่วโลก ส่งโปรไฟล์เข้ามาให้ฝ่ายเทคนิค และ ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชพิจารณา เพื่อคัดเลือกติดทัพชบาแก้ว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 17 มกราคม 2568 โดยมีเป้าหมายไปผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 2027 ที่ประเทศบราซิล
'มาดามแป้ง'ร่วมประชุมใหญAFF ประธานฟีฟ่าชื่นชม พัฒนาเทียบชั้นสากล
"มาดามแป้ง" นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร เลขาธิการฯ เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 31 ของ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น ในฐานะที่มาร่วมประชุมเป็นครั้งแรก
'ฉลามโต๊ะเล็ก'เฮ 'มาดามแป้ง'ส่งเมืองไทยประกันภัยฯ หนุนบู๊'ฟุตซอลไทยลีก'เลก2
ขุนพล “ฉลามโต๊ะเล็ก” บลูเวฟ ชลบุรี ได้เฮดังๆหลังจากที่ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ภายใต้การนำของ #มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ บรรลุข้อตกลงเข้ามาสนับสนุนทีม ลุยศึก MEA ฟุตซอล ไทยลีก 2024 เลกที่ 2 ที่จะกลับมาทำการแข่งขันกันอย่างเป็นทางอีกครั้ง ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
'มาดามแป้ง'ร่วมยินดี'น้องอันนา' หญิงไทยคนแรก เซ็นสัญญา'เวสต์แฮมฯ'U18
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมแสดงความยินดีกับ "น้องอันนา" อันนา ฉันทวงศ์วิริยะ นักฟุตบอลหญิงไทย วัย 17 ปี ในโอกาสที่ได้รับการเซ็นสัญญาเข้าร่วมสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หญิง U18 ในฐานะสโมสรระดับลีกสูงสุดของอังกฤษ พร้อมมีการพูดคุย ในการมารับใช้ ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยในอนาคต ทั้งชุด U20 และ ชุดใหญ่
AFCแต่งตั้ง'มาดามแป้ง' พร้อม2เจ้าหน้าที่สมาคมฯ ตำแหน่ง'AFC Committee'ถึงปี2027
AFC ประกาศแต่งตั้ง "มาดามแป้ง" พร้อม 2 เจ้าหน้าที่สมาคม ดำรงตำแหน่ง AFC Committee วาระปี 2023-2027