'แมนฯ ยู' ประกาศ 'เซอร์จิม' เข้าถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ 'เนวิลล์' สับเลือกวันได้ห่วยมาก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของสโมสร ว่า “เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์” เข้าถือหุ้นของสโมสร 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา

มหาเศรษฐีจากสหราชอาณาจักร ถือเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทด้านเคมีภัณฑ์ “อิเนออส” และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารขององค์กร จะเข้ามาดูเเลทีม “ปีศาจเเดง” หลังการซื้อขายเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยเจ้าตัวจ่ายเงินเบื้องต้น 236 ล้านปอนด์ สำหรับดีลนี้ ก่อนจะมีการจ่ายเงินในงวดต่อๆไป จนครบมูลค่า 1.3 พันล้านปอนด์

ความสำเร็จที่เเฟนบอลรอคอย เกิดขึ้น 13 เดือนหลังจากครอบครัวเกลเซอร์เจ้าของสโมสรกลุ่มปัจจุบัน ประกาศขายทีมเพื่อสำรวจทางเลือกเชิงกลยุทธ์ เเละนี้เป็นครั้งเเรกที่มีกลุ่มทุ่นอื่นเข้ามาลงทุนนับตั้งเเต่ ตระกูลเกลเซอร์ เข้ามาซื้อทีมด้วยราคา 790 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2005

“ความสำเร็จทางการค้าของสโมสรทำให้มั่นใจได้ว่าเรามีเงินทุนอยู่เสมอ เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า เราจะคว้าถ้วยรางวัลในระดับสูงสุด แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา” เซอร์จิม เริ่มกล่าว

“เราจะนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถระดับโลกจากกลุ่มอิเนออส สปอร์ต เข้ามาขับเคลื่อนเพื่อยกระดับสโมสร ขณะเดียวกันก็จะหาเงินเพื่อพัฒนาสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในอนาคต”

จากคำกล่าวของแรตคลิฟฟ์ น่าจะทำให้เเฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย แม้อาจผิดหวังที่ไม่ได้กลุ่มทุนกาตาร์เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่กลุ่มใหม่ เพราะตัวของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มีประสบการณ์ในการหาเงินเข้าทีม และยังให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงสนามเหย้าให้ทันสมัยมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม แกรี เนวิลล์ อดีตกองหลังระดับตำนานของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงวิจารณ์สโมสรเก่าของตัวเอง เลือกวันประกาศผู้ถือหุ้นรายใหม่ไม่ได้เรื่อง เพราะดันเลือกวันคริสต์มาส อีฟ แทนที่จะเป็นวันอื่น

“ปี 2023 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือความน่าอับอายจนถึงตอนจบ พวกเขาเลือกจังหวะประกาศได้อย่างย่ำแย่ และองค์กรที่อยู่ในสภาพปกติ จะไม่คิดถึงการทำแบบนี้ด้วยซ้ำ” เนวิลล์ กล่าว

“อย่างไรก็ตาม ขอให้ เซอร์จิม แร็ตคลิฟฟ์ เจอสิ่งที่ดีที่สุด ผมไม่รู้ว่าใช้วิธีไหน หวังว่าเขาจะสามารถหาทางพา ยูไนเต็ด กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง และกลายเป็นสโมสรที่น่าเคารพอีกครั้ง ทั้งในและนอกสนาม”