
เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวสหราชอาณาจักร ที่กำลังจะเข้ามาถือหุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ มีแผนปรับกลยุทธ์การเสริมทัพของทีม “ปีศาจแดง” ครั้งใหญ่ โดยจะเน้นการไล่ล่าผู้เล่นท้องถิ่นในอังกฤษมาร่วมทัพตั้งแต่เด็ก มากกว่าตัวจากต่างประเทศ
โดย เดลีเมล สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ นำเสนอข่าวว่า เซอร์จิม แร็ตคลิฟฟ์ จะเข้ามาซื้อหุ้น แมนฯ ยูไนเต็ด จำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 1.3 พันล้านปอนด์ โดยที่ ตระกูลเกลเซอร์ พร้อมมอบอิสระแก่การขับเคลื่อนสโมสรในเชิงกีฬาให้แก่เขา เพราะประสบการณ์อันโชกโชนที่เคยผ่านการบริหารทีมกีฬามาก่อน ทั้งทีมจักรยาน, รถยนต์สูตรหนึ่ง เอฟวัน หรือ สโมสรฟุตบอล
ตามการรายงานระบุถึงหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญที่จะถูกจัดการในการบริหาร คือการเน้นปลุกปั้นขุมกำลังแกนหลักด้วยผู้เล่นท้องถิ่นของประเทศอังกฤษ ทั้งลูกหม้อที่ถูกผลักดันขึ้นมาจากอะคาเดมี หรือเหล่าแข้งโฮมโกรว์นจากทีมอื่นที่โชว์ฟอร์มได้ดีกับทีมอื่นตั้งแต่เด็ก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ปีศาจแดง” ถูกกระแสไล่ล่าความสำเร็จเล่นงานอย่างหนักจนทำให้การเสริมทัพต้องยอมจ่ายเงินราคาแพงเพื่ออิมพอร์ตแข้งต่างชาติเข้ามาในราคาแพง แถมหลายคนก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีให้คุ้มกับค่าตัว และไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์
โดยนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมชาวสก็อตต์ อำลาทีมไปเมื่อปี 2013 “ปีศาจแดง” จัดการเสริมผู้เล่นขาเข้าในโควต้าโฮมโกรว์นแค่ 7 คนเท่านั้น ได้แก่ ลุค ชอว์, แฮร์รี แม็คไกวร์, อารอน วาน-บิสซากา, แดเนียล เจมส์ (ขายไปแล้ว), จาดอน ซานโช (กำลังจะขาย), เมสัน เมาท์ และจอนนี อีแวนส์ (อดีตเด็กปั้นจากอะคาเดมี)
ส่วนนักเตะที่อยู่ในลิสต์ของนโยบายขาเข้าหนใหม่ได้แก่กองหน้าจากเบรนท์ฟอร์ด ที่เคยถูกเรียกไปติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ มาแล้ว อย่าง ไอแวน โทนี่ย์ รวมไปถึงผู้เล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง อย่าง มาร์ค เกฮี จาก คริสตัล พาเลซ ซึ่งรายหลังปัจจุบันก็ถูกเรียกไปติดทัพ “สิงโตคำราม” แล้วเช่นกัน