ความเคลื่อนไหวของนักเตะ"ช้างศึก" ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่เตรียมลงสนามในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มซี นัดที่สอง บุกไปเยือน สิงคโปร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ในวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถ่ายทอดสดทางช่อง 32
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ช่วงบ่าย มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย พร้อมด้วย “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมเข้าร่วมการแถลงข่าวก่อนการแข่งขัน ณ ห้องแถลงข่าวสนามสิงคโปร์สปอร์ต ฮับ (สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์) จากนั้นในช่วงเย็นได้ลงฝึกซ้อมที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ที่จะเป็นสนามแข่งขันจริง
มาโน่ กล่าวว่า สภาพทีมก็คือจะไม่มีชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่เจ็บก่อนหน้านี้ แต่ก็มี ธีรศิลป์ ที่ลงซ้อมกับทีมจนเกือบสมบูรณ์แล้วและน่าจะมีชื่อในเกมนี้ได้
กุนซือช้างศึก กล่าวต่อว่า เราได้ศึกษาการเล่นของสิงคโปร์แล้ว แต่คงไปวัดจากเกมที่เขาแพ้เกาหลีใต้มาไม่ได้ อย่างไรก็ตามเราดูตั้งแต่นัดเจอกับกวมในรอบคัดเลือก เป็นทีมที่มีแนวทางการเล่นชัดเจนตั้งแต่ได้โค้ชชาวญี่ปุ่นเข้ามาคุมทีม
“สิ่งที่เราคุยกันคือเป็นเกมที่ประมาทไม่ได้ เพราะพวกเขาก็แพ้มาเกมแรก มันเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาเช่นกัน และก็เป็นเกมที่อันตรายของเรา แต่เรามีความมั่นใจที่จะกลับมา เราจะเชิดหน้าขึ้นแล้วลุยใหม่ ไม่เสียเวลาไปคิดถึงเกมกับจีนแล้ว เพราะเราต้องการ 3 คะแนนในเกมนี้ นั่นคือสิ่งที่เราโฟกัสกัน ผมปลุกนักเตะให้ลุกขึ้นสู้ ลืมนัดแรกที่เราแพ้จีน ”
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ถ้าหากแพ้เกมนี้อาจจะเป็นเกมสุดท้ายของเขากับทีมชาติไทย มีความกดดันหรือไม่นั้น มาโน่ กล่าวว่า “ถ้านัดนี้แพ้พวกเขาก็สมควรที่จะปลดผมออก”
ส่วนประเด็นโซเชียลที่วิจารณ์อย่างหนักหลังจบเกมกับจีนนั้น มาโน่ กล่าวว่า โซเชียลสมัยนี้มันมีอิทธิพลมากก็จริง อาจจะมีการล้ำเส้นบ้างเช่นส่งข้อความส่วนตัวมา แต่ตัวเองได้ปิดโซเชียลไปตั้งแต่ก่อนเกมกับจีนแล้ว แต่ก็รู้ข่าวจากที่ในทีมพูดเหมือนกัน ทว่าตัวเองไม่สนใจและมีสมาธิกับเกมนี้ ตั้งใจเก็บ 3 คะแนนให้ได้ ตัดสิ่งรบกวนต่างๆ ออกไป แล้วก็มีสมาธิกับเกมนี้ ที่เราต้องเอาชนะสิงคโปร์ให้ได้เท่านั้น
ด้าน "มุ้ย"ธีรศิลป์ แดงดา กล่าวในช่วงขึ้นแถลงข่าวว่า “ก็คงเป็นอีกเกมหนึ่งที่เราไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดอีกครั้ง อย่างนัดแรกที่เราแพ้มา เราอยากจะกลับมาสู่เส้นทางในการลุ้นเข้ารอบ เกมนี้ก็เป็นเกมที่สำคัญสำหรับเรา หวังว่าจะเป็นเกมที่สนุก แต่ว่าเราก็ต้องการผลที่ดีออกไปจากที่นี่”
“เรามีเพื่อนร่วมทีมจากสิงคโปร์ในสโมสรบีจี ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของฟุตบอลสิงคโปร์ซึ่งพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลงานใน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทีมจากสิงคโปร์ก็ทำผลงานได้ดี ทุกครั้งที่แข่งกันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเรา”
สำหรับ 11 ผู้เล่นของทีมชาติไทยที่คาดว่าจะลงสนามในเกมนี้ มาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนเดิม ประกอบด้วย ปฏิวัติ คำไหม เป็นผู้รักษาประตู แนวรับจากขวาไปซ้าย นิติพงษ์ เสลานนท์, เอเลียส ดอเลาะ, กฤษดา กาแมน, ธีราทร บุญมาทัน กองกลางตัวรับ สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กองกลางตัวรุก สุภโชค สารชาติ, เอกนิษฐ์ ปัญญา, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าตัวเป้า ศุภชัย ใจเด็ด
สำหรับสถิติระหว่างทีมชาติไทยกับสิงคโปร์นั้น เจอกันมามาถึง 64 ครั้ง โดยทีมชาติไทยชนะได้ 38 ครั้ง เสมอ 15 นัด และสิงคโปร์ชนะ 11 นัด โดยทีมชาติไทยไม่แพ้ให้กับสิงคโปร์ ตั้งแต่ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เมื่อปี 2009 จากนั้นมา 9 นัด ชนะ 8 เสมอ 1 ด้วยกัน ซึ่งหนล่าสุดที่เจอกัน คือฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ไทยบุกมาชนะที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ 2-0 จากประตูของเอเลียส ดอเลาะ และ ศุภชัย ใจเด็ด
โปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติสิงคโปร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี