'ฤทธิ์เทวดา'กำปั้นสร้างชีวิต มีวันนี้เพราะ'มวยไทย' เริ่มล้าขอพักก่อนตัดสินอนาคต

"ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี" สุดปลื้มคว้าแชมป์ RWS 2023 เตรียมใช้เงินรางวัล 3 ล้านต่อยอดธุรกิจกางเกงมวย รับร่างกายล้าสุดเพราะชกมวยมากว่า 20 ปี ขอพักหนึ่งเดือนก่อนตัดสินใจอนาคต

ศึก RWS หรือราชดำเนิน เวิลด์ซีรีส์ 2023 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีรับทั้งในและต่างประเทศ และแชมป์ทั้ง 5 รุ่นถือว่าเป็นสุดยอดนักมวยไทยแห่งยุค เพราะต้องฝ่าฟันกับนักมวยระดับพระกาฬมามากมายกว่าจะได้แชมป์พร้อมกับเงินรางวัลอีก 3 ล้านบาท

แต่นักชกที่ไม่เพียงคว้าแชมป์รุ่นเวลเตอร์เวท (147 ปอนด์) ของศึก RWS แต่ยังคว้ารางวัลต่างๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นรางวัล FINAL MVP  หรือรางวัลนักมวยทรงคุณค่าที่สุดในนัดชิงชนะเลิศของศึก RWS ที่มีรางวัลสุดพิเศษเป็นมอเตอร์ไซค์ DUCATI มูลค่า 1.3 ล้านบาท รางวัล Knockout of the Night มูลค่า 1 แสนบาท และรางวัล Performance of the Night อีก 1 แสนบาท รวมเป็นเงินรางวัลทั้งหมดกว่า 4.5 ล้านบาทเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ฤทธิ์เทวดายังเป็นนักมวยเพียงคนเดียวด้วยที่สามารถเอาชนะน็อกคู่ชกได้ในรอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ RWS 2023 จากการสับศอกเผด็จศึกเฮอคิวลิส ว.จักรวุฒิในยกที่สาม

สำหรับตัวฤทธิ์เทวดา เขามีชื่อจริงว่า ธนกฤษ สิทธิกุล มีชื่อเล่นว่า “ปั่น” เกิดวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2539 ที่อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันอายุ 27 ปี โดยเขาเกิดมาในครอบครัวที่หลงใหลกลิ่นสาบนวม เพราะพ่อของเขาเป็นนักมวยเก่าและเปิดค่ายมวยเล็กๆขึ้นมาในชื่อค่าย “สิทธิกุล” พี่น้องทุกคนของเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักมวยกันทั้งสิ้น ทำให้สามารถพูดได้เลยว่าเขาผูกพันกับอาชีพนักมวยมาทั้งชีวิต

นักมวยหนุ่มจากสุรินทร์เริ่มหัดมวยมาตั้งแต่อายุ 8 ปีและตระเวนชกตามเวทีภูธรในละแวกถิ่นเกิดกับทางภาคอีสานเป็นหลัก จนฝีมือแกร่งกล้าเต็มที่ก็ได้รับโอกาสให้มาขึ้นชกที่เวทีมวยมาตรฐานในกรุงเทพฯและกวาดแชมป์มากมาย ซึ่งไม่เพียงแต่ชกมวยไทยเท่านั้น แต่ฤทธิ์เทวดายังเคยหันไปชกมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยด้วยเป็นเวลากว่าสองปี

จุดเปลี่ยนสำคัญของฤทธิ์เทวดาก็คือการหวนกลับมาชกมวยไทยและได้ไปสังกัดค่ายใหญ่อย่าง “เพชรยินดีอะคาเดมี” ซึ่งเป็นค่ายมวยระดับมาตรฐานของประเทศ ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มีการฝึกซ้อมพัฒนานักมวยในสังกัดด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาทัดเทียมกับมาตรฐานสากล ซึ่งตัวฤทธิ์เทวดาก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญให้เปิดตัวในศึกวันแชมเปี้ยนชิพด้วยการชกกับมวยพันธุ์ดุอย่างเสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ถึง 2 ครั้ง โดยเป็นการผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะคนละครั้ง

หลังจากที่ได้โอกาสเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์รุ่น 147 ปอนด์ของ RWS 2023 ฤทธิ์เทวดาก็มุ่งมั่นอยากจะคว้าแชมป์เป็นอย่างมาก ซึ่งการเตรียมความพร้อมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ก็ถือว่าเข้มข้นจริงจังมากๆ ได้มนัส บุญจำนงค์ อดีตนักชกทีมชาติไทยเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาติวเข้มให้เป็นพิเศษ ทำให้ยิ่งชกมากเท่าไหร่ ผลงานที่ออกมาของฤทธิ์เทวดาก็ยิ่งดีมากเท่านั้น ก่อนที่สุดท้ายจะมาท็อปฟอร์มในรอบชิงชนะเลิศจากการชนะน็อกเฮอคิวลิสอย่างงดงาม

“ยกแรกผมก็เกร็งพอสมควรนะครับ เพราะไม่ได้ชกมวยไทยห้ายกมานานกว่าสามปี แต่พอเริ่มยกสองคิดว่าทำได้แน่ มั่นใจว่าจะเป็นแชมป์และดีใจมากที่เอาชนะน็อกเขาได้ในยกที่สาม เพราะหากชกยืดเยื้อไปอะไรก็เกิดขึ้นได้”

มาถึงจุดนี้ ฤทธิ์เทวดากล้าพูดเลยว่าตำแหน่งแชมป์ของ RWS คือผลงานที่เขารู้สึกภูมิใจมากที่สุด เพราะเขาทุ่มเทให้กับการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์เส้นนี้มากและในตอนท้ายก็ทำได้สำเร็จสมกับที่ตั้งเป้าเอาไว้

ในขณะที่ “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ก็ได้บอกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฤทธิ์เทวดามักจะได้ชื่อว่าเป็นนักมวยตัวอย่างของค่ายอยู่เสมอ และเขาก็มั่นใจมากว่าฤทธิ์เทวดานี่แหละที่เป็นความหวังสูงสุดในการคว้าแชมป์ RWS ซึ่งฤทธิ์เทวดาก็ทำได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไฟต์ต่อไปของฤทธิ์เทวดา ตัวเขายังไม่ได้วางแผนอะไร แต่โดยส่วนตัวแล้วก็อยากเห็นฤทธิ์เทวดาเจอกับกุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัยในพิกัดน้ำหนัก 147 ปอนด์ เชื่อว่าน่าจะเป็นไฟต์ที่แฟนมวยอยากดูมากๆอย่างแน่นอน

สำหรับ ฤทธิ์เทวดา อาจจะเป็นนักมวยที่ดุดันบนเวที แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนเงียบๆ ใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคน โดยหลังจากที่ชนะทัวร์นาเมนต์ของ RWS ฤทธิ์เทวดาก็ได้แบ่งเงินรางวัลจำนวน 3 แสนบาทให้กับเพื่อนร่วมค่ายที่ไปไม่ถึงแชมป์คือ เพชรดำ ไก่ย่างห้าดาวและเพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี เพื่อเป็นกำลังใจให้กับสองเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามาตลอดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์

นอกเหนือไปจากการชกมวยเป็นอาชีพแล้ว ฤทธิ์เทวดายังเคยทำธุรกิจส่วนตัวมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ขายน้ำพริก ขายเสื้อผ้า ขายทุเรียน เปิดร้านทำเล็บ และที่กำลังทำอย่างเป็นล่ำเป็นสันก็คือผลิตกางเกงมวยขาย และเงินรางวัลที่ได้จะช่วยต่อยอดธุรกิจนี้ให้ยั่งยืนต่อไปได้ เพราะเส้นทางชีวิตนักมวยไม่แน่นอน การเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองจึงเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน หากวันหนึ่งหยุดอาชีพนักมวยไป ก็จะได้มีกิจการไว้ต่อยอดความสำเร็จต่อไปในอนาคต

"เส้นทางอาชีพชีวิตการชกมวยของผมเดินทางมา 20 ปีแล้ว แต่ปีนี้ร่างกายลุยหนักมากๆมาทั้งปี ทุ่มเทหยาดเหงื่อ แรงกาย ฝึกซ้อมเหนื่อยกัดฟันสู้กับตัวเองทุกวัน บางครั้งร่างกายผมเจ็บผมก็ฝืนซ้อม กำลังใจจากครอบครัวจากคนที่รักทำให้ผมมีแรงสู้  และวันนี้ผมทำสำเร็จแล้ว ผมมีความสุขมากๆที่ได้เห็นคนที่รักผมมีความสุขด้วย ถึงมันจะเหนื่อยมากๆ จากนี้ผมจะพักร่างกาย 1 เดือน ถ้าไม่ไหวผมจะแขวนนวมครับ ขอบคุณแฟนมวยทุกท่านครับ”