"โจ้" พ.ต.ท. สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย เป็นตัวแทนอดีตนักกีฬาเรื่องการยื่นร้องร้องเรียนการทำหน้าที่ของ ผู้จัดการทีมชาติไทย, ผู้ฝึกสอน ทีมตะกร้อทีมชาติไทย โดยมี นายบุญชัย หล่อพิพัฒน์ อุปนายกสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับเรื่อง ก่อนการประชุมสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทยจะมีขึ้น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ที่ทำการคณะกรรมการโอลิมปิกไทย (บ้านอัมพวัน)
"สารวัตรโจ้" เปิดเผยว่านักกีฬาตะกร้อชุดปัจจุบันไม่มีใครกล้าออกชื่อ เพราะจะมีผลต่อการเรียกเก็บตัวเข้าแคมป์ทีมชาติในรายการต่อๆไป แต่หลายคนหลังไมค์มาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีทั้งช่องทางการโอนเงินต่างๆว่าส่งต่อไปให้ใครบ้าง โดยมีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และที่ตนตัดสินใจออกมาครั้งนี้คืออยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการบริหารจัดการสมาคมกีฬาตะกร้อฯ เพราะ ผู้ฝึกสอน และสมาคมฯ ก็มีส่วนแบ่งจากรัฐบาลอยู่แล้ว เช่น เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 "หางโจวเกมส์" ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชก็ได้เงินอยู่แล้ว 5.8 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งคว้ามา 4 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ที่หางโจว เงินทั้งหมดที่จะต้องได้คือ 34 ล้านบาท แบ่งเป็นทีมชุด 24 ล้านบาท ทีมเดี่ยว 10 ล้านบาท ปรากฎว่ามีการหักเงินนักกีฬาที่แข่งทั้งชุด และเดี่ยวเกือบ 50% โดยอ้างว่าเป็นการหักเงินเพื่อไปให้นักกีฬาที่ไม่ติดทีมชาติ แต่ตรงนี้เงินก็ยังหายไปเข้ากลีบเมฆไป 3.3 ล้านบาท อันนี้คือส่วนของทีมชาย ขณะที่ส่วนของทีมหญิงเงินหายไป 6.75 ล้านบาท
"นักกีฬาจะได้รับเงินโอนมาจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และจะหักเงิน 2 วิธีคือ ให้โอนเงินหักไปยังตัวพักเงิน ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาคนหนึ่ง ก่อนจะโอนให้ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ส่วนอีกวิธีคือ ให้เบิกเงินสดมาทั้งหมดและไปนัดพบกันที่ร้านอาหาร และหักเงินกันตรงนั้น ซึ่งทั้งสองวิธีนั้นทำเพื่อไม่ให้มีหลักฐาน แต่ทุกวันนี้น้องนักกีฬาชุดปัจจุบันพร้อมให้ข้อมูล เพียงแต่ไม่มีใครกล้าจะพูด" สืบศักดิ์ เผย
"ที่ผ่านมาในอดีต นิตินัดดา แก้วคำไสย์ ซึ่งเป็นนักกีฬาหญิงที่เก่งมาก พอพ่อออกมาพูดเรื่องนี้ จากนั้นก็หลุดทีมชาติไปเลย อีกคนอย่าง พิกุล สีดำ เป็นนักกีฬาเหรียญทองซีเกมส์ ,เอเชียนเกมส์ ก็เคยพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องเงินรางวัล แต่เขาก็ถูกตัดออกจากทีมชาติไปเลย จนปัจจุบันต้องออกไปเก็บผลไม้หาเลี้ยงชีพอยู่ที่เกาหลีใต้ ซึ่งผมมองว่านักกีฬาที่เล่นเพื่อชาติ ไม่ควรจะต้องลงเอยแบบนี้"
ด้าน ร้อยโท สุริยัน เป๊ะชาญ อดีตทีมชาติเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกตนทุกคนประสบพบเจอมาจริงๆ ตนเล่นทีมชาติมา 22 ปี สมัยที่เล่นคิงส์คัพได้เงินครั้งละ 5,000 บาทไม่มีปัญหา แต่พอเงินรางวัลเป็น 1 ล้านบาทก็เกิดปัญหาขึ้นมาเรื่อยๆ ตอน ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ปี 2553 ทีมเดี่ยว 5 คน สมัยก่อนจะได้เงินคนละ 1 ล้านบาท รวมแล้ว 5 ล้านบาท แต่เงิน 2.5 ล้านบาทจะถูกหักให้ผู้จัดการทีมไปเลย แต่ตอนนั้นเราพูดไมไ่ด้เพราะเราอยู่ใต้อำนาจของการคุมทีม ถ้าอยากเล่นต่อ เราไม่มีทางเลือก ได้เท่าไรก็ต้องเอา
ส่วน สมพร ใจสิงหล อดีตนักกีฬาทีมชาติ เผยว่า "ตนเล่นทีมชาติมามากกว่า 10 ปี อย่าง เอเชียนเกมส์ ผมจะถูกหักครึ่งหนึ่งของเหรียญทองทีมเดี่ยวตลอด ที่ออกมาก็คืออยากให้นักกีฬาทุกคนทั้งอดีต และปัจจุบันควรได้รับความเป็นธรรม"
ทั้งนี้ "สารวัตรโจ้" สรุปปิดท้ายว่า "ผมหวังว่าเรื่องนี้จะได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการดำเนินงานเตรียมทีมชาติ หวังว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และอยากจะให้แต่งตั้งคณะกรรมการทีมชาติมาพิจารณาเรื่องนี้ก่อน เพื่อให้น้องๆได้พูด ให้ได้คำตอบภายใน 1 สัปดาห์"
"ส่วนน้องๆนักกีฬานั้น พี่อยากให้ออกมาพูด พี่ช่วยได้เท่านี้ ถ้าน้องไม่พูด เท่ากับสนับสนุนระบบนี้ และนักกีฬาในอดีตทุกคนควรจะได้รับเงินที่ควรจะเป็นของพวกเขาคืนด้วย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรียกสอบ 'สืบศักดิ์' ปมร้องเงินอัดฉีดตะกร้อ นำเรื่องเข้าสำนักนายกฯ หาความยุติธรรม
ดราม่าเงินอัดฉีดตะกร้อจะไปจบที่ตรงไหน เมื่อล่าสุดกรรมาธิการกีฬา เรียก "สารวัตรโจ้" พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทยเป็นแกนนำในการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่นักกีฬาทีมชาติ เข้าพบ ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ที่รัฐสภา เพื่อให้ข้อมูลในการนำเรื่องเข้าสู่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา
'ท่อส่งน้ำอีอีซี' จุดแตกหัก! กลุ่ม 16 ไม่ยกมือให้ 'บิ๊กตู่'
'ยุทธพงศ์' โวปม 'ท่อส่งน้ำอีอีซี' หมัดเด็ดน็อกรัฐบาล อ้างพรรคเล็กรับไม่ได้ เป็นจุดแตกหัก เย้ย 'บิ๊กตู่' อย่ายุบสภาฯหนี จ่อนัดคุย 'ธรรมนัส'