“สองล้อ” ทำผลงานทะลุเป้า “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ ผงาดคว้าเหรียญทองแดงโรดเรซบุคคลหญิง มาครองและล้างตา “เหงียน ธิ ทัต” คู่ปรับเก่าจากเวียดนามได้สำเร็จ ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 พร้อมโกยคะแนนสะสมโอลิมปิกเกมส์ได้อีก 150 แต้ม ส่งผลให้อันดับของประเทศไทยขยับขึ้นไปอยู่ที่ 24 ของโลก จะได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส ในประเภทถนนหญิงเพิ่มเป็น 2 ที่นั่ง จากรายการโรดเรซ 1 คน และไทม์ไทรอัลอีก 1 คน
การแข่งขันจักรยานประเภทถนน ในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ศูนย์กีฬาจักรยานชุยอัน เจียซู สปอร์ต เซ็นเตอร์ เมืองชุยอัน ซึ่งห่างจากนครหางโจว ประมาณ 200 กม. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม มีชิง 1 เหรียญทอง จากรายการโรดเรซบุคคลหญิง นักกีฬาไทยมีลงชิงชัย 2 คน ได้แก่ “บีซ” ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ และ “บีม” ส.ต.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ โดยมี “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์ ร่วมให้กำลังใจนักกีฬาถึงขอบสนามอย่างใกล้ชิดเหมือนเช่นเคย
สำหรับการแข่งขันโรดเรซบุคคลหญิง มีนักกีฬาลงแข่งขันทั้งหมด 29 คน ปั่นระยะทาง 139.7 กม. ซึ่งเป็นทางราบสลับกับการขึ้น-ลงเขา ระหว่างเกมการแข่งขันก็มีนักปั่นจากอัฟกานิสถาน และอินโดนีเซียหนีออกไปเป็นเป็นระยะแต่นักปั่นกลุ่มใหญ่ไม่ไล่ตาม ทำให้ต้องกลับลงมาเข้ากลุ่ม จนกระทั่งช่วง 18 กม. ก่อนจะถึงเส้นชัย มี 2 นักปั่น หยาง เฉียนหยู จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง กับ นา อารึม แชมป์เก่าเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 จากเกาหลีใต้หนีออกไป 2 คน
จนเหลือระยะทางอีกแค่ 2 กม. สุดท้าย นักปั่นกลุ่มใหญ่ก็ไล่เข้ามาทัน โดยมี “บีซ” จุฑาธิป และ เหงียน ทิ ธัต คู่ปรับจากเวียดนามเกาะกลุ่มมาด้วย นักปั่นทั้งหมดมาเร่งสปรินท์ช่วง 100 เมตรหน้าเส้นชัย ปรากฏว่า หยาง เฉียนหยู เข้ามาเป็นอันดับ 1 คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วน นา อารึม เข้าที่ 2 ได้เหรียญเงิน ขณะที่ จุฑาธิป เร่งเครื่องแซง เหงียน ธิ ทัต เฉือนเข้าเส้นชัยไปแค่ปลายล้อ คว้าเหรียญทองแดงมาได้สำเร็จ โดยทำเวลา 3.36.07 ชั่วโมงเท่ากัน ด้าน “บีม” ชนิภรณ์ ซึ่งเป็นตัวช่วยไล่เก็บคู่แข่งให้กับจุฑาธิปมาตลอดทาง เข้าเส้นชัยอันดับที่ 23 เวลา 3.37.22 นาที
หลังการแข่งขัน พลเอกเดชา เปิดเผยว่า ดีใจและขอแสดงความยินดีกับจุฑาธิป ที่สามารถคว้าเหรียญทองแดงให้กับทีมจักรยานไทยได้สำเร็จ ก่อนมาแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ สมาคมกีฬาจักรยานฯ ตั้งเป้าเอาไว้ว่าน่าจะได้เหรียญใดเหรียญหนึ่ง แต่ตอนนี้เราได้มา 2 เหรียญ ถือว่าทำได้เกินเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยได้ 1 เหรียญเงินจาก “เอ้” ส.ต.โกเมธ สุขประเสริฐ รายการบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิ่งชาย และอีก 1 เหรียญทองแดงจากจุฑาธิป รายการโรดเรซบุคคลหญิง ที่สำคัญเราจะได้คะแนนสะสมโอลิมปิกเกมส์ 2024 เพิ่มอีก 150 คะแนน ในประเภทถนนหญิง ส่งผลให้อันดับโลกของประเทศไทยขยับจากอันดับที่ 26 ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 24 หรือ 25 เท่ากับว่าเราจะได้โควตานักกีฬาถนนหญิงไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 2 คน เป็นรายการโรดเรซ 1 คน และไทม์ไทรอัลอีก 1 คน
พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า ส่วนวันที่ 5 ตุลาคม ก็ต้องมาลุ้นนักกีฬาชายแข่งขันรายการโรดเรซบุคคลชาย ซึ่งตอนนี้เราอยู่อันดับที่ 45 ถือว่าคาบลูกคาบดอกมาก เพราะการตัดโควตานักกีฬาจะเอาแค่อันดับที่ 45 ของโลกไปโอลิมปิกเกมส์ ขอให้นักปั่นไทยได้อันดับดี ๆ แม้ไม่ติด 1 ใน 3 แต่ถ้าได้อันต้น ๆ ก็จะมีคะแนนสะสมมากพอสมควร โดยที่ 1 ได้ 250 คะแนน และลดหลั่นลงไปจนถึงอันดับที่ 40 ได้ 1 คะแนน หากนักปั่นไทยได้ไม่เกินอันดับที่ 10 ก็จะได้คะแนนสะสมโอลิมปิกอย่างน้อย 50 คะแนน และอันดับจะขยับขึ้นไปอยู่เหนืออันดับที่ 45 โลก เท่ากับว่านักกีฬาไทยจะได้ไปโอลิมปิกเกมส์ 4 ที่นั่ง ได้แก่ “เอ้” โกเมธ ที่ได้ไปแน่นอนแล้ว รวมกับนักกีฬาถนนหญิงอีก 2 คน นักกีฬาถนนชาย 1 คน นอกจากนี้ก็ยังลุ้น “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์ ในประเภทลู่อีก 1 คน หากได้ครบทั้งหมดก็จะเป็น 5 ที่นั่ง
“ต้องขอขอบใจจุฑาธิป และชนิภรณ์ที่ช่วยกันสู้อย่างเต็มที่ รวมทั้งขอบคุณ เหล่าซือ หรือ มร.หลี่ เสี่ยว เล่อ ผู้ฝึกสอนชาวจีน ซึ่งก่อนแข่งจุฑาธิปได้มาพูดกับผมว่าถ้าไม่มี เสธ. และไม่มีเหล่าซือก็ไม่มีวันนี้ และต้องขอขอบคุณนักกีฬาจักรยานทุก ๆ คน พร้อมสตาฟฟ์โค้ชทุกคนที่ตั้งใจทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และมีผลงานออกมาดังที่เห็นในวันนี้ ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนมีวินัย และเชื่อฟังคำสั่งของผู้ฝึกสอนอย่างเคร่งครัด แต่เรายังต้องกลับไปปรับปรุงประเภทเสือภูเขาที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ ส่วนประเภทถนนกับบีเอ็มเอ็กซ์เริ่มเข้าที่แล้ว ขณะที่ประเภทลู่ก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้น พวกเราอยู่กันแบบครอบครัว ผมเองก็เป็นเหมือนพ่อของพวกเขา คอยดูแลลูก ๆ ทุกคน และต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่คอยให้กำลังใจนักกีฬาจักรยานมาโดยตลอด พวกเราทำงานหนักและไม่เคยหยุดพัก เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง” พลเอกเดชา กล่าว
ด้าน “บีซ” จุฑาธิป กล่าวว่า “วันนี้ทำอย่างเต็มที่ และทำดีที่สุดแล้ว ได้เหรียญทองแดงมาเท่ากับเป็นที่ 1 ของกลุ่มใหญ่ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ดีใจมากค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบพระคุณ พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ที่เชื่อมั่นใจในตัวบีซเสมอมา และที่ขาดไม่ได้คือ เหล่าซือ มร.หลี่ เสี่ยว เล่อ ที่เชื่อใจบีซมาตลอดเช่นกัน การที่ได้อันดับ 3 ในวันนี้ก็สุดยอดแล้ว เพราะข้างหน้ามีนักกีฬาฮ่องกงและเกาหลีใต้นำหนีห่างออกไป 2 คน ตอนแรกคิดว่าน่าจะไล่ทัน แต่เสียดายเพราะเหลืออีกนิดเดียวก็จะชนะเขาแล้ว หากกลุ่มนำ 2 คนไม่หนีห่างมากบีซได้เหรียญทองแน่นอน”
ส่วน “โค้ชตั้ม” วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวไทย กล่าวว่า การแข่งขันในวันนี้ก็มีการลองเครื่องหนีออกมาจากกลุ่มเป็นระยะ ๆ ช่วงแรกมีนักกีฬาจากอัฟกานิสถาน หนีเดี่ยวออกมาเพื่อให้กลุ่มใหญ่ไล่ ซึ่งเขาก็เข้า ๆ ออก ๆ หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จเพราะกลุ่มใหญ่ไม่ยอมไล่ จากนั้นช่วงกลางเกมก็มี อายูสตินา เดเลีย พริอาทนา นักกีฬาจากอินโดนีเซีย หนีเดี่ยวออกมาทิ้งระยะห่างจากกลุ่มใหญ่ 2.50 นาที เพื่อหวังให้กลุ่มแตก สุดท้ายก็ต้องถอยลงกลับไปเข้ากลุ่ม ส่วนชนิภรณ์ในวันนี้ช่วยจุฑาธิปไล่เก็บคู่แข่งดีมากทั้งคาซัคสถานและจีน ขณะที่นักปั่นเวียดนามไม่ออกอาวุธอะไรเลย จนช่วง 18 กม. สุดท้าย เป็นการปั่นขึ้นเขา 2 ลูก นักปั่นฮ่องกงและเกาหลีใต้ก็หนีออกมา จุฑาธิปก็รอให้กลุ่มใหญ่ไล่ตามไปแต่ว่าช้าไปนิดเดียว มาถึงช่วง 500 เมตรหน้าเส้นชัย จุฑาธิปเร่งเครื่องไล่ตามเกือบทัน หากมีระยะทางเพิ่มมากกว่านั้นสัก 50 เมตร จุฑาธิปได้เหรียญทองแน่นอน
“โค้ชตั้ม” กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นเกมการแข่งขันที่เร่งมาก ขนาดนักกีฬาจากคาซัคสถานที่ร่างกายแข็งแรงยังเกือบแย่ ระหว่างแข่งขันจุฑาธิปลงมารับน้ำแล้วบอกกับตนว่าเกมไม่หนักเท่ากับตอนฝึกซ้อมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และที่สำคัญ จุฑาธิป ล้างตา เหงียน ธิ ทัต ได้สำเร็จ หลังจากพ่ายให้นักปั่นเวียดนามในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ยังเป็นการซ้ำรอยประวัติศาสตร์การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่ง จุฑาธิป ได้เหรียญทอง เหงียน ธิ ทัต ได้เหรียญเงิน และ เซียว เหม่ย หยู จากไต้หวัน ได้เหรียญทองแดง ส่วนเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ จุฑาธิป ได้ที่ 3 เหงียน ธิ ทัต ได้ที่ 4 และเซียว เหม่ย หยู ได้ที่ 5 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันวันนี้ถือว่าจุฑาธิปสู้อย่างสุดหัวใจแล้ว และสร้างความประทับใจให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันกีฬาจักรยานประเภทถนนกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ในวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย มีชิง 1 เหรียญทอง จากรายการโรดเรซบุคคลชาย นักปั่นทีมชาติไทยมีลงชิงชัย 4 คน ได้แก่ “วุฒิ” ส.ท.สราวุฒิ สิริรณชัย, “เฟรม” ส.ต.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ, “ดอย” ร.ต.ท.นวุติ ลี้พงษ์อยู่ และ “มะตูม” พ.อ.อ.พีระพล ชาวเชียงขวาง เริ่มแข่งขันเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง.