'วอริกซ์'​เปิดชุดแข่ง​ 'ช้างศึก-ชบา​แก้ว 2023/24' ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล

วอริกซ์​ เตรียมเปิดจำหน่ายชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย​ ฤดูกาล​ 2023/24 พร้อมกันทั่วประเทศ ชูคอนเซ็ปต์ “CHANGE” การเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมที่ดีขึ้น เตรียมพลิกโฉมสู่การทำการตลาดแบบยั่งยืนตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก เป็นแรงบันดาลใจสู่การออกแบบของซีซั่นนี้ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้วัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล เป็นครั้งแรก ประเดิมกับชุดนักแข่งก่อนจะขยายปรับเปลี่ยนการใช้วัสดุรีไซเคิลในจุดอื่นต่อไป
 
นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) วอริกซ์ ในฐานะผู้นำทางด้าน Health & Active lifestyle brand ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำของไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรมเส้นใยและเนื้อผ้าที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยถึงชุดแข่งทีมชาติไทยสำหรับฤดูกาลนี้ว่า “วอริกซ์ ได้อออกแบบชุดแข่งขันใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “CHANGE THE BEGINNING IS NOW เปลี่ยน เพื่อสังคมที่ดีขึ้น”
 
เริ่มต้นการเปลี่ยนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ แค่เราร่วมมือกัน หลายๆ สิ่งย่อมไม่เหมือนเดิมวอริกซ์อยากชวนคนไทยทุกคนลุกขึ้นมา “เปลี่ยน”เพื่อสร้างความสวยงามให้สังคมไปพร้อมกัน โดยทางวอริกซ์ในฐานะแบรนด์เสื้อผ้าได้เริ่มเปลี่ยนจากคอลเลคชั่นใหม่ของชุดแข่งทีมชาติไทย ฤดูกาล 2023/24 เป็นโพลีเอสเตอร์ที่รีไซเคิล ใช้กับชุดแข่งขันฟุตบอลก่อนจะเปลี่ยนวัสดุที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมกับส่วนอื่นๆ ต่อไป”
 
ลวดลายการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการดึงเอาลักษณะพิเศษของ QR code เครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ นำมาออกแบบจนเกิดเป็นลวดลายที่สื่อถึงการเชื่อมโยง การเปลี่ยนถ่ายจากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ จนเกิดเป็นลายที่เรียกว่า “Bloxels” ซึ่งหมายถึงการรวมกันระหว่าง Block และ Pixel ความพิเศษอยู่ที่ลวดลายเฉพาะและมีหนึ่งเดียวเท่านั้น ถือเป็นอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเสื้อฤดูกาลนี้
 
สำหรับเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยคอลเลคชั่น CHANGE  ฤดูกาล​ 2023/24 นี้ ทั้งชุดเหย้าและชุดเยือน ได้แก่
 
1. สีน้ำเงิน Prime Blue (Home Jersey) สีแห่งอนาคตสะท้อนความลุ่มลึกและสดใสไปพร้อมๆ กัน ที่วอริกซ์อยากให้คุณและคนพิเศษร่วมเดินทางส่งแรงเชียร์นักเตะทีมชาติไทยในทุกการแข่งขัน
 
2. สีแดง Hyper Red (Away Jersey) สีแห่งพลัง ความตื่นเต้น และสนุกสนาน ที่วอริกซ์และนักเตะทีมชาติไทยอยากมอบให้คนพิเศษเช่นคุณ
 
3. สีส้ม Solar Orange (Third Jersey)  สีแห่งแรงบันดาลใจและการสรรสร้างจากรุ่งอรุณของวันใหม่ที่เปี่ยมด้วยพลังเพื่อส่งต่อให้กับนักเตะทีมชาติไทย
 
ทั้งนี้ ชุดแข่งแต่ละแบบที่วางจำหน่ายจะมีจุดเด่นที่สำคัญ ดังนี้
 
ชุดแข่งสำหรับนักฟุตบอล (Player)คุณภาพเนื้อผ้าและการตัดเย็บระดับโลก ด้วยนวัตกรรมใหม่ COMBA+TECH ที่ทันสมัย เอกสิทธิ์เฉพาะของวอริกซ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับชุดฟุตบอลทีมชาติและทีมสโมสรชื่อดังระดับโลก ตัวเสื้อด้านหลังเป็นเนื้อผ้าแบบ Mesh ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Airflow 360 และ Spandex ที่มีความยืดหยุ่นสูง สวมใส่กระชับและเข้ารูป โค้งรับไปกับสรีระของนักเตะ ช่วยให้การเคลื่อนไหวคล่องตัวสูง และเป็นปีแรกที่วอริกซ์ใช้วัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล  และโลโก้รูปแบบ 3 มิติ โดยการแฝงลวดลายของ “Bloxels” คมชัดสวยงาม สุดเอ็กคลูซีฟ ในราคา 2,490 บาท
 
ชุดแข่งสำหรับแฟนบอล (Replica) ผลิตด้วยนวัตกรรม COMBA+COOL มีคุณภาพใกล้เคียงกับชุดแข่งขันสำหรับนักฟุตบอล แต่ราคาย่อมเยากว่า โดยใช้เทคนิคการผลิตและขั้นตอนการถักทอจากวัสดุที่มีคุณภาพ แฟนบอลสามารถเป็นเจ้าของเสื้อแข่งขันเกรดเดียวกับชุดนักเตะได้ในราคา 890 บาท
 
เสื้อเชียร์ทีมชาติไทย (Cheer) ผลิตด้วยนวัตกรรม COMBA+LITE แฟนบอลสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ในราคาสุดคุ้ม เพียง 399 บาท
 
สำหรับ​ ชุดแข่งทีมชาติไทยฤดูกาล 2023/24 เปิดจำหน่ายทั่วประเทศในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายของ​ วอริกซ์ ได้แก่ ฟอร์ตวอริกซ์ สเตเดียมวัน / Warrix Lifestyle Siamsquare Outlet Square เมืองทองธานี / ทุกช่องทางออนไลน์ของวอริกซ์ รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ช้อปปี้ / ลาซาด้า / ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางโมเดิร์นเทรดที่เป็นพันธมิตร อาทิ ซูเปอร์สปอร์ต สปอร์ตมอลล์ เอฟบีที บิ๊กซี และช่องทาง 24 Shopping ของเซเว่นอีเลฟเว่น
 
วอริกซ์เชื่อว่า จะได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลทีมชาติไทย เฉกเช่นเดียวกันกับที่ผ่านมา นายวิศัลย์กล่าวสรุป
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วอริกซ์' เปิดชุดฟุตบอลทีมชาติไทย ปี 2022/23 ประเดิมศึกคิงส์คัพ ครั้ง48

บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต ผู้นำผลิตภัณฑ์ด้าน Sport Health Active & Lifestyle แบบครบวงจร จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยใหม่ล่าสุด ปี 2022/23 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “UNITE หลอมรวมไทย ใจเป็นหนึ่ง” พร้อมสำหรับการแข่งขัน ในรายการ คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 22 และ 25 กันยายน 65 เป็นรายการแรก