'ก้องศักด'ปลื้มทัพ'เอเชียนยูธพาราเกมส์'ครั้งที่4 คว้าเหรียญมากสุดเป็นประวัติศาสตร์

ตามที่ ประเทศไทย ได้ส่งนักกีฬาเยาวชนคนพิการทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน  ระหว่างวันที่ 2-6 ธันวาคม 2564 โดยมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวนทั้งสิ้น 176 คน ใน 9 ชนิดกีฬา นั้น

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.) เปิดเผยหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ว่า

"ผมขอแสดงความยินดีและขอชื่นชมกับความสำเร็จของนักกีฬาเยาวชนคนพิการทีมชาติไทย ในการแข่งขันเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ซึ่งที่ผ่านมา คณะนักกีฬาได้เก็บตัวฝึกซ้อมภายใต้สถานการณ์โควิด-19 และมีความมุ่งมั่นในการเข้าแข่งขันอย่างเต็มความสามารถ จนสามารถสร้างผลงานในการแข่งขันครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี นับเป็นประวัติศาสตร์สำหรับการแข่งขันรายการนี้ ที่นักกีฬาเยาวชนคนพิการทีมชาติไทย สามารถคว้าเหรียญรางวัลได้มากที่สุด โดยทำผลงานได้ 33 เหรียญทอง , 24 เหรียญเงิน และ 19 เหรียญทองแดง รวม 76 เหรียญ ถือว่ามากที่สุดจากการเข้าร่วมแข่งขัน 3 ครั้งที่ผ่านมา

โดยผลงานการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ที่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทัพนักกีฬาเยาวชนคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลมาได้ 19 เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน 19 เหรียญทองแดง รวม 53 เหรียญ ทำผลงานได้เกินเป้าหมาย โดยในครั้งนี้ มีนักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีต่อเนื่องจาก พาราลิมปิกเกมส์ ประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น อธิวัฒน์ แพงเหนือ จากชนิดกีฬากรีฑา วีลแชร์เรสซิ่ง, ลดามณี กล้าหาญ จากชนิดกีฬาบอคเซีย  ก็ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีนักกีฬาคนพิการดาวรุ่งที่มีผลงานโดดเด่นเกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้อีกมากมาย อาทิ น้องฟา ณัฏฐิดา สุชาติพงศ์ นักกีฬายกน้ำหนักพาวเวอร์ลิฟติ้ง รุ่น -50 กก. ที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ในการแข่งขันครั้งแรก ทีมวีลแชร์บาสเกตบอล ที่สามารถเอาชนะทีมชั้นนำของเอเชียจนสามารถคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้ในการแข่งขันครั้งแรกที่เข้าร่วมเช่นกัน ทีมนักกีฬากีฬาบอคเซียรุ่นเยาวชนที่คว้าเหรียญรางวัลได้มากมาย นักกีฬากรีฑาและว่ายน้ำรุ่นเยาวชนที่สามารถสร้างสถิติได้ในระดับเอเชีย และอีกหลายชนิดกีฬา ซึ่งนักกีฬาเหล่านี้จะเป็นกำลังหลักที่จะเติบโตขึ้นไปเสริมทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติชุดใหญ่ที่จะต่อยอดความสำเร็จไปสู่การแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ที่หางโจวในปีหน้า และมุ่งไปสู่พาราลิมปิกเกมส์ที่ปารีสในปี 2024"

ผู้ว่าการ กกท. เผยต่อว่า ที่ผ่านมา การกีฬาแห่งประเทศไทย  ได้สนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาโดยนำมาประยุกต์ ใช้ในการฝึกซ้อมกีฬาและป้องกันการบาดเจ็บ เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพร่างกายของนักกีฬาให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น เมื่อศักยภาพดีก็ทำให้นักกีฬาโชว์ทักษะด้านการกีฬาได้เต็มที่ ซึ่งในช่วงที่ทำการแข่งขัน การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการคณะนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน โดยมีเจ้าหน้าที่จากการกีฬาแห่งประเทศไทยคอยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือ และมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ให้บริการด้านกายภาพ รักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น  ฟื้นฟูร่างกาย และจิตวิทยา ให้กับนักกีฬา อีกด้วย

"ผมขอขอบคุณคณะนักกีฬาคนพิการ และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ร่วมกันฝึกซ้อม จนทำผลงานได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และหลังจากนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย เตรียมพัฒนานักกีฬาคนพิการและติดตามประเมินผลหลังการแข่งขัน เพื่อต่อยอดศักยภาพของนักกีฬา เราพร้อมที่จะสนับสนุนทั้งด้านการเก็บตัวฝึกซ้อม การส่งแข่งขัน และสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อส่งเสริมให้นักกีฬา เจ้าหน้าที่ ตลอดจนถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้พัฒนาขีดความสามารถของตนเองไปสู่เป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อความสำเร็จ ในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต่อไป"

สำหรับผลงานนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ในการแข่งขันเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน แบ่งเป็น 9 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย 1.แบดมินตัน ทำได้ 1 เหรียญทอง /2 เหรียญทองแดง  2.โกลบอล ทำได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน/ 3.ว่ายน้ำ ทำได้ 5 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง/ 4.กรีฑา ทำได้ 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง/ 5.บอคเซีย ทำได้ 8 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง /6.ยกน้ำหนัก ทำได้ 2 เหรียญทอง /7.เทเบิลเทนนิส ทำได้ 3 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง /8.เทควันโด ทำได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง / 9.วีลแชร์ บาสเกตบอล ทำได้ 1 เหรียญทองแดง.