มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทยยอมรับเลือก11 ตัวแรกลงเตะกับติมอร์ เลสเต ค่อนข้างยาก ทุกคนที่เลือกมามีคุณภาพดีทุกตำแหน่ง แถมยังได้จากเจลีก และลีกยุโรปมาเสริม คุยศึกษาการเล่นของติมอร์ที่มีนักเตะดาวรุ่งมากมายมาพอสมควร และรู้จักกุนซือติมอร์ดี แต่ไม่ประมาท มั่นใจไทยมีลีกที่แข็งแกร่งคือข้อได้เปรียบ ยอมรับต้องทำงานหนักเพื่อนำแชมป์กลับไทย
ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน' เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020' ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยนัดแรกจะประเดิมสนามวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคมนี้ ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติติมอร์ เลสเต เวลา 16.30 น.(เวลาไทย) ช่อง7HDถ่ายทอดสดนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน จัดงานแถลงข่าวก่อนการแข่งขัน โดยทีมชาติไทยได้ส่ง มาโน โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย เข้าร่วมการแถลงข่าวพร้อมด้วย หัวหน้าผู้ฝึกสอน จากอีกสี่ชาติ
มาโน โพลกิ้ง กล่าวว่า "ผมคงไม่สามารถพูดถึงการตัดสินใจของเราในการเลือกนักเตะที่ดีที่สุดมาติดทีมชาติ ผมเชื่อโค้ชทุกคนที่เคยคุมทีมชาติไทย ต่างก็พยายามเลือกคนที่ดีที่สุดมาติดทีมชาติเสมอ แต่แน่นอน เรามีความสุข ที่มีทุกคน และนักเตะจากลีกญี่ปุ่นจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ และวันนี้พวกเขาต่างก็ได้ลงสนามในเกมเจลีก และจะมาเข้าร่วมทีม ในเกมที่สองเรามีเวลาพัก 6 วัน เป็นเรื่องดีที่ได้พวกเขามา"
"การมาทัวร์นาเมนต์นี้แน่นอนว่าเรามีความจริงจัง เราทุกคนต้องการประสบความสำเร็จทำผลงานให้ดีที่สุด ด้วยขุมกำลังชุดนี้ สำหรับนักเตะที่มาจากยุโรป พวกเขาเดินทางมาพร้อมเรา แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถเล่นร่วมกันได้ นักเตะที่อยู่ในไทยลีกต่างก็เคยเล่นด้วยกันมา ผมไม่อยากมองว่ามันเป็นปัญหา เพราะเชื่อว่าทุกคนต่างมีคุณภาพ เรามีเวลา 5 วัน ในการเตรียมทีม ซึ่งถือว่าน่าพอใจ เราต้องพยายามหาจุดลงตัวให้เจอโดยเร็ว"
"เรามีความกระหายเป็นอย่างมากสำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ เรามีสถิติที่ดีในทัวร์นาเมนต์นี้ เวียดนามเป็นแชมป์เก่า แต่รายการนี้ไม่ได้มีแค่เรากับเวียดนามเท่านั้น เราต้องสู้กับทุกทีม เราต้องเดินหน้าไปทีละเกม ผมเชื่อว่าทุกเกมเป็นเกมที่ยาก และด้วยสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด เราต้องซ้อมให้ดีที่สุด เราหวังว่าทุกคนจะพร้อม เส้นทางมันยังยาวไกล เราต้องมองไปทีนัดแรกที่จะพบกับ ติมอร์ เลสเต ก่อน เรามีความกระหายอย่างมาก เราต้องนำถ้วยกลับบ้าน เราจะพยายามทำงานหนัก"
"เรามีแนวทางที่แตกต่างจากประเทศอื่นอยู่บ้างในการเตรียมทีม แน่นอนว่าเราไม่ได้รวมตัวกันมายาวนาน แต่ระดับความฟิต และจังหวะทุกอย่างมันดูดีมาก ผมมองว่านั่นคือข้อได้เปรียบ แม้เราจะรวมตัวกันไม่นานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ หวังว่า 1 เดือนหลังจากนี้เราจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ทุกคนจะปรับเข้าหากันได้อย่างลงตัว เราจะพยายามสู้อย่างเต็มที่ ผมคิดว่าเราจะจับมือและเดินหน้าไปด้วยกันได้"
"นัดแรกเราเองได้ศึกษาการเล่นของติมอร์ มาพอสมควร พวกเขามีนักเตะดาวรุ่งมากมาย ผมค่อนข้างประทับใจ และผมเองก็รู้จักโค้ชของพวกเขาคือ ฟาบิโอ มาเกร่า มาก่อนหน้านี้ เพราะเราเป็นคนบราซิลเหมือนกัน แม้ติมอร์จะเป็นทีมดาวรุ่ง แต่เราจะประมาทพวกเขาไม่ได้ ผมเห็นแนวทางของพวกเขา ทั้งการพยายามสร้างเกม การกดดันแดนบน และคิดว่าพวกเขาจะใช้ในเกมกับเรา พวกเขาเล่นได้ดี ผมเชื่อว่าพวกเขาพร้อมสร้างปัญหาให้ทุกทีม แต่เราจะพยายามเล่นในเกมของเรา ด้วยความดุดัน มันไม่ง่ายเลยในการเจอกับดาวรุ่ง ที่เล่นด้วยความกระหายและมีพลังมากมาย เราต้องมีสมาธิ มีวินัย และไม่ปล่อยให้พวกเขาสร้างปัญหา นั่นคือเรื่องสำคัญ"
"การเลือก 11 ตัวจริงสำหรับตัวผมในตอนนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะนักเตะทุกคนต่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะในแดนหน้า และแต่ละคนต่างมีแคแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน อย่าง อดิศักดิ์ แม้จะไม่ค่อยมีโอกาสกับสโมสร แต่เขามีสถิติที่ดีในรายการนี้ เขามีประสบการณ์ และยิงประตูได้มากมาย ส่วนมุ้ย เมื่อแปดปีก่อนที่ผมมาที่ประเทศไทย และได้เห็นครั้งแรก เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมา และเขาก็ไปสเปน และญี่ปุ่น มีประสบการณ์มากมาย และตอนนี้เขาต้องการอีกแค่สองประตูในการเป็นเจ้าของดาวยิงสูงสุดตลอดกาล ทุกคนรู้จักดี ส่วนอาร์ม ยังเป็นดาวรุ่ง ที่พัฒนาได้มากมาย และฟอร์มก็กำลังดีมากกับบุรีรัมย์ เขามีพลังเยอะมาก สามารถเคลื่อนที่ไปได้ทั่วและเล่นได้ทุกตำแหน่งทั้ง ตรงกลางด้านข้างหรือหลังกองหน้า และมันยากมากที่ผมจะเลือกใครลงเล่น แต่ก็เป็นเรื่องดี และนี่คือปัญหาที่ผมชอบ แต่เราต้องดูจากการซ้อม และจะเลือกอีกครั้ง"