สวิงไทยโค่นคู่ปรับ เข้าชิงทองชาย-หญิง กอล์ฟประเภททีม ซีเกมส์32

สวิงทีมชาติไทย จากซ้าย แอลล่า แกลิทสกีย์, ปริม ปราชญ์นคร, นวพร สุนทรียภาส, อาศิษฐ์ อารีพันธ์, รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์, อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช, จิรเดช เชาวรัตน์ เข้ารอบชิงทั้งชาย-หญิง ในกอล์ฟประเภททีม ซีเกมส์ ครั้งที่ 32
สวิงทีมชาติไทย ทั้งชาย และ หญิง ผนึกกำลังโค่นคู่ปรับทั้งทีมชาย-หญิง ในรอบรองชนะเลิศ ตบเท้าสู่รอบชิงเหรียญทองทั้งคู่ ในการแข่งขันกอล์ฟประเภททีม กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่สนาม การ์เด้น ซิตี้ กอล์ฟ คลับ ประเทศกัมพูชา เมื่อ 12 พ.ค.66
 
ซีเกมส์ ครั้งนี้สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยส่ง 7 นักกอล์ฟประกอบด้วย ทีมชาย 4 คน "ไป๋" อาศิษฐ์ อารีพันธ์ หนุ่มจากเชียงราย วัย 20 ปี, "ฟลุ๊ค" จิรเดช เชาวรัตน์ จากชลบุรี วัย 21 ปี, "หิน" อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช จากสมุทรปราการวัย 20 ปี และ "ทีเค" รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ วัย 16 ปีจากกรุงเทพฯ ด้านทีมหญิง 3 คน "ปริม" ปริม ปราชญ์นคร นักกอล์ฟสาววัย 15 ปีจากกรุงเทพฯ , "แพงกี้" แอลล่า แกลิทสกีย์ นักกอล์ฟสาววัย 17 ปีจากเชียงใหม่ และ "น้ำผึ้ง" นวพร สุนทรียภาส นักกอล์ฟสาววัย 18 ปีจากกรุงเทพฯ ภายใต้การดูแลจากสต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติซึ่งประกอบด้วย เบนซ์ เพศประเสริฐ รับหน้าที่ผู้จัดการทีม โดยมี ปรีชา เสนาพรหม รับหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมชาย ษาริณี เล็กสุวรรณ รับหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมหญิง โดยมี พีรวัชร เวียงคำ และ นรุตม์ชัย อุ๋ยวัฒนาไชย ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน โดยการแข่งขันครั้งนี้ชิงชัยกัน 4 เหรียญทองทั้งในประเภททีม 2 เหรียญทองชาย-หญิง และประเภทบุคคล ชายหญิง โดยตั้งแต่วันที่ 8-10 พฤษภาคม เป็นการชิงชัยในประเภทบุคคล ก่อนวันที่ 11-13 พฤษภาคม ชิงชัยในประเภททีม โดยแข่งขันกันที่สนาม การ์เด้น ซิตี้ฯ
 
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เป็นวันที่ 2 ของการแข่งขันประเภททีม ซึ่งเป็นการเล่นในรอบรองชนะเลิศ โดยทีมชายไทย ปะทะกับทีม สิงค์โปร์ โดยคู่แรก รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ ลงสนามพบกับ มอลคอล์ม ติง ซง ฮัง ต้องสู้กันจนถึงหลุม 17 ก่อน ทีเค คว้าชนะให้ทีมไทยด้วยคะแนน 2 และ1 คู่ที่ 2 จิรเดช เชาวรัตน์ พบกับ มูฮัมหมัด ฮาริซ มูฮัมหมัด เฮซรี สู้กันจนถึงหลุม 18 จิรเดช เอาชนะไปด้วยคะแนน 1 อัพ คู่สุดท้าย อาศิษฐ์ อารีพันธ์ พบกับ อันสัน โยว บูน เซียง ก่อนจบเกมลงที่หลุม 15 หนุ่มไทยเอาชนะไปด้วยคะแนน 5 และ4 คว้าชัยชนะไปทั้ง 3 แมตช์ ตบเท้าเข้ารอบชิงชนะเลิศพบกับ ทีมเวียดนาม ที่เอาชนะทีม อินโดนิเซีย 2-1 แมตช์ โดยทีม สิงค์โปร์ เข้าไปพบกับ อินโดนิเซีย ในการชิงเหรียญทองแดง
 
ขณะที่ประเภททีมหญิง ทีมไทย พบกับทีม เจ้าภาพกัมพูชา ที่น็อคทีมเต็งอย่างฟิลิปปินส์ มาได้ในรอบ 8 ทีม โดยคู่แรก นวพร สุนทรียภาส พบกับ เปรียบ เบรนน่า เลียน ก่อนเกมจบที่หลุม 17 นวพร เอาชนะไปด้วยคะแนน 2 และ1 ขณะที่ แอลล่า แกลิทสกี้ เจ้าของเหรียญเงินในประเภทบุคคล และแชมป์ เอเชีย-แปซิฟิก พบกับ ยิน ฮาร์โมเน่ ก่อนเกมจบลงเพียงแค่หลุม 15 แอลล่า ชนะไปด้วยคะแนน 5 และ 4 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับทีม อินโดนิเซีย ที่เอาชนะทีม มาเลเซีย 2-0 แมตช์ โดยทีม กัมพูชา เข้าไปพบกับ มาเลเซีย ในการชิงเหรียญทองแดง
 
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 13 พ.ค.นี้โดยที่ทีมสาวไทย ที่พบกับทีม อินโดนิเซีย คู่ที่ 1 ในเวลา 8.50 น. คู่ที่ 2 เวลา 9.00 น. ขณะที่ทีมหนุ่มไทย ซึ่งพบกับทีม เวียดนาม เริ่มคู่แรกเวลา 9.10 น. คู่ที่ 2 เวลา 9.20 น. และคู่ที่ 3 เวลา 9.30 น. ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธีระชัย' เผย MOU44 จุดแข็งคือจุดอ่อน มาถึงบัดนี้ไทยย่อมจะไม่ใช้สิทธิที่จะทักท้วงอีกแล้ว

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังปร

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เห็นนักการเมืองเกรงใจกัมพูชาเรื่องเกาะกูด แล้วรู้สึกอเนจอนาถใจ สิ้นไร้ไม้ตอก

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า อเนจอนาถ จะมีใครรู้สึกเหมือนผม

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม

‘ภูมิธรรม’ เหวี่ยง! โดนซักปมเกาะกูด ปัด ‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ มีดีลลับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

รองนายกฯ ปัด ‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ มีดีลลับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ลั่นไม่มีบทบาท-หน้าที่ ถามประชาชนส่วนไหนไม่ไว้วางรัฐบาล ชี้ มีแค่ไม่กี่กลุ่ม ซัดพูดจนกระทบคนเกาะกูด มั่นใจไม่กระทบการเจรจา

'ธี่หยด 2' สร้างประวัติศาสตร์ต่างแดน แฟนคลับ 'กัมพูชา' แห่ตอนรับสุดอบอุ่น

แรงดีไม่มีตกสร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับ ภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” ที่ทุบสถิติในไทยไปแบบถล่มทลาย จากการจับมือกันของ ช่อง3 และ M Studio ล่าสุดกระแสความหลอนออกนอกประเทศ ทำลายสถิติให้ภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายในหลายประเทศ โดยสด ๆ ร้อน ๆ ที่ประเทศลาว ก็สามารถทำรายได้ทะลุ 49,000 ล้านกีบ ขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลที่ฉายใน ลาว ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว