ทรูวิชั่นส์ ผู้นำคอนเทนต์กีฬาระดับโลก มากที่สุด และดีที่สุดในประเทศไทย พร้อมถ่ายทอดสด “ฟอร์มูล่า วัน” การแข่งขันรถสูตรหนึ่ง กีฬาความเร็วบนสนามทางเรียบที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งทรูวิชั่นส์ได้ลิขสิทธ์การถ่ายทอดสด “ฟอร์มูล่า วัน” พร้อมการบรรยายไทยสุดมัน ให้แฟนกีฬาได้เต็มอิ่มไปกับการแข่งขัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมนี้ สามารถรับชมทางทรูวิชั่นส์ ช่อง บีอิน สปอร์ตส์ 1 (607)
สำหรับการแข่งขันฟอร์มูล่า วันฤดูกาล 2023 จะเป็นปีที่มีจำนวนสนามแข่งมากที่สุดถึง 23 สนาม รวมทั้งยังมีการแข่งขันระยะสั้น (Sprint Race) ซึ่งจะเป็นการแข่งขันระยะทาง 100 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นมาเป็น 6 สนาม โดยจะเริ่มแข่งขันตั้งแต่สนามแรกที่ประเทศบาห์เรน วันที่ 5 มีนาคมนี้ ไปจนจบฤดูกาลที่กรุงอาบูดาบี วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566
ในปีนี้ ทีมแข่งต่าง ๆ จะต้องทำการพัฒนาต่อยอด และปรับปรุงตัวแข่งจากปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่มีการริเริ่มกฎทางเทคนิคใหม่ ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังว่า ด้วยทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนขึ้นจากข้อมูลการแข่งขันในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีกฎ “สเกลเลื่อน” ซึ่งลดเวลาการทำงานของแชมป์โลกลง ในขณะที่ไปเพิ่มเวลาการทำงานของทีมแข่งที่ทำผลงานลดหลั่นกันลงไป นั่นน่าจะทำให้รถแข่งของทีมต่าง ๆ มีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันยิ่งขึ้น และนั่นจะส่งผลให้การแข่งขันมีความสนุกสนานขึ้นตามไปอีก
สิ่งที่น่าสนใจในปีนี้เองก็มีไม่น้อยกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา เริ่มจาก เรดบูล ที่ถูกลงโทษลดการพัฒนาตัวแข่ง จากการฝ่าฝืนใช้งบประมาณเกินกว่ากำหนดในปี 2021 ซึ่งทีมแข่งกระทิงจะถูกลดสิทธิ์การใช้เวลาทำงานในอุโมงค์ลมลงเหลือเพียง 63 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 70 เปอร์เซ็นต์
ทางด้านเฟอร์รารี หลังจากที่เริ่มต้นฤดูกาล 2022 ได้อย่างมีความหวัง แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็ชวดแชมป์โลกไปอีกครั้งเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน นั่นทำให้ประธานบริษัท และซีอีโอได้ตัดสินใจที่จะดึงตัวทีมบอสคนใหม่เข้ามาคุมทีม ซึ่งคน ๆ นั้นคือ เฟรด เมสเซอร์ ทีมบอสของทีมแข่งอัลฟ่าโรเมโอ
เฟรด เมสเซอร์ นั้นถูกคาดหวังให้เข้ามาปรับปรุงทิศทางการทำงานและทำการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร โดยล่าสุด เขาได้จัดการกับ อินยากี้ รูเอด้า ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์ ที่มักจะคิดกลยุทธ์แปลก ๆ จนทำให้เฟอร์รารีชวดแชมป์ไปหลายสนาม ด้วย
การย้ายเจ้าตัวไปประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ และให้ ราวิน เชน ฝ่ายยุทธศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในสำนักงานใหญ่ มาคุมทีมแข่งข้างสนามแทน
เมอร์เซเดสเองก็มีเรื่องที่น่าติดตามกับคอนเซปต์ “ซีโร่พอด” ของพวกเขา ที่ทำให้ตัวรถเกิดการกระดอนอย่างมากในปีที่ผ่านมา เราได้เห็นรถแข่งคันใหม่ของค่ายศรเงินกันไปแล้ว และจากการทดสอบ ดูเหมือนว่าตัวรถนั้นจะไม่กระเด้งกระดอนรุนแรงอย่างตัวแข่งในปีที่แล้ว และเราคงต้องมาจับตากันดูอีกทีว่า W14 จะสามารถที่จะพา ลูวิส แฮมิลตัน กลับมาเฉิดฉายได้อีกหรือไม่
ซึ่งงานนี้ ลูวิส แฮมิลตัน ก็ได้รับการจับตาไม่น้อยไปกว่า แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน เลยทีเดียว เพราะในปีนี้ หลายฝ่ายคาดหวังให้ เมอร์เซเดส ขึ้นมาต่อกรกับ เรดบูล ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ ลูวิส แฮมิลตัน ได้กลับมาแบทเทิลกับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน อีกครั้ง และเชื่อว่าทุกคนยังจำกันได้ดีถึงความเข้มข้นในการแย่งแชมป์โลกของนักแข่งทั้งสองที่สนุกสุดมันกันเลยทีเดียว
ลูวิส แฮมิลตัน นั้นมีสัญญากับ เมอร์เซเดส ในปีนี้เป็นปีสุดท้าย ซึ่งถึงแม้ว่าทางทีม และตัวนักแข่งเองจะออกมาให้ข่าวถึงความเป็นไปได้มากที่ทั้งสองฝ่ายจะต่อสัญญากันออกไป แต่เจ้าตัวรู้ดีว่า เขานั้นได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของอาชีพนักแข่งฟอร์มูล่า วันแล้ว และถ้าหากในปีนี้เขาเค้นฟอร์มออกมาได้ไม่สุดทั้งคนทั้งรถ โอกาสที่จะได้แชมป์โลกสมัยที่ 8 นั้น ก็ดูจะเลือนลางลงไปมากทีเดียว
ผิดกับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน นักแข่งดัตช์แชมป์โลก 2 สมัย กำลังอยู่ในช่วงพีคที่สุดทั้งในด้านสมรรถภาพร่างกาย ฝีมือ และประสบการณ์ ซึ่ง ณ ชั่วโมงนี้ หากรถแข่ง เรดบูล ยังคงทำผลงานได้ดีเยี่ยมดังเช่นปีที่ผ่านมา เชื่อว่ายากเหลือเกินที่จะมีใครเอานักแข่งดัตช์ลงมาจากบัลลังก์แชมป์โลกได้
นอกจาก 2 นักแข่งไฮไลต์ข้างต้นแล้ว ในปี 2023 ยังมีนักแข่งฟอร์มูล่า วันอีกหลายคนที่มีการโยกย้ายไปทีมแข่งต่าง ๆ รวมถึงยังมีนักแข่งหน้าใหม่อีก 2-3 คน ที่พึ่งขยับขึ้นมาจากซีรีส์รองจากฟอร์มูล่า วัน
จาก เฟร์นันโด อาลอนโซ ที่ย้ายจาก อัลปีน ไปอยู่ แอสตัน มาร์ติน แทนที่ เซบาสเตียน เวทเทล ที่ประกาศแขวนพวงมาลัย โดยนักแข่งสแปนิชนั้นดูจะพึงพอใจผลการทดสอบรถใหม่ของเขามากทีเดียว
ทางด้าน อัลปีน ที่เสีย เฟร์นันโด อาลอนโซ ไป พวกเขาได้ ปิแอร์ แกสลีย์ ที่ย้ายมาจาก อัลฟา ทอรี โดยมาจับคู่กับ เอสเตบัน โอคอน ซึ่งทั้งสองนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขาแข่งขันรถด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
ส่วน อัลฟา ทอรี ที่เสีย ปิแอร์ แกสลีย์ ไป พวกเขาก็ได้ นิค เดอ ฟรีส์ นักแข่งดัตช์ดีกรีแชมป์โลกฟอร์มูล่าทูและฟอร์มูล่าอี โดย นิค เดอ ฟรีส์ นั้นได้แสดงผลงานจากการลงแข่งขันแทน อเล็กซานเดอร์ อัลบอน ในปีที่แล้วกับสังกัด วิลเลียมส์ และโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่น จน เรดบูล ต้องไปเจรจาขอพาตัวมาเข้าสังกัดจาก เมอร์เซเดส
ในส่วนของน้องใหม่ที่ไม่เคยลงแข่งขันฟอร์มูล่า วันเลย ในปีนี้ฟอร์มูล่าวันได้น้องใหม่มา 2 คน คือ ออสการ์ ปิอันตรี ซึ่งลงแข่งขันในสังกัด แม็คลาเรน แทนที่ แดเนียล ริคคาร์โด ที่ขอพักเป็นผู้ชม 1 ปี ในขณะที่อีกคนหนึ่งนั้นถูกโปรโมตขึ้นมาโดยตรงจากฟอร์มูล่า ทู และเขากลายเป็นนักแข่งอเมริกันคนแรกที่ได้ลงแข่งขันเต็มฤดูกาลนับจากปี 2007 เขาผู้นั้นคือ โลแกน ซาร์เจียนต์ ซึ่งจะลงแข่งขันในสังกัดวิลเลียมส์
อันที่จริงแล้ว มีนักแข่งอีกคนหนึ่งที่เป็นนักแข่งใหม่ในปีนี้ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ เขาได้รับโอกาสให้กลับมาแข่งขันฟอร์มูล่า วันอีกครั้งนั่นคือ นิโค ฮูลเคนเบิร์ก อดีตนักแข่งสังกัดเรโนลต์ ซึ่งในปีนี้จะลงแข่งขันในสังกัดฮาส โดยนักแข่งเยอรมันเริ่มแข่งขันฟอร์มูล่า วันมาตั้งแต่ปี 2010 และต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในวัย 35 ปี
สำหรับการแข่งขันสนามแรกของปี 2023 แฟน ๆ ก็ไม่ต้องรอกันนาน เพราะสุดสัปดาห์การแข่งขันจะเริ่มจากวันศุกร์ที่จะถึงนี้แล้ว โดยมีตารางสุดสัปดาห์การแข่งขัน ดังนี้
วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม เวลา 18.30 รอบฝึกซ้อมรอบที่ 1
วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม เวลา 22.00 รอบฝึกซ้อมรอบที่ 2
วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม เวลา 18.30 รอบฝึกซ้อมรอบที่ 3
วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม เวลา 22.00 รอบจัดอันดับ
วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม เวลา 22.00 รอบการแข่งขัน
และเช่นเคย ทรูวิชั่นส์ ยังคงยิงสดให้แฟน ๆ ฟอร์มูล่า วันได้รับชมทุกรอบ ตั้งแต่รอบการฝึกซ้อมจนถึงรอบการแข่งขัน
สำหรับบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ เจ้าภาพการแข่งขันฟอร์มูล่าวันสนามแรกนั้น จัดการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 2004 ที่ บาห์เรน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยในปี 2023 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 19 ของทางรายการ
บาห์เรนเป็นรายการที่สอง ต่อจากสิงคโปร์กรังด์ปรีซ์ ที่มีการแข่งขันกันแบบไนท์เรซ ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อผู้ชมที่สนามมาก เนื่องจากผู้ชมไม่ต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน อีกทั้งยังตรงกับช่วงเวลาบ่ายของยุโรป ซึ่งเป็นตลาดผู้ชมที่ใหญ่ที่สุดของฟอร์มูล่าวัน
บาห์เรน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีความยาว 5.412 กิโลเมตร เป็นสนามแข่งมาตรฐาน เอฟไอเอ เกรด 1 ซึ่งรองรับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต 4 ล้อ ได้ทุกประเภท ตัวสนามนั้นมีทั้งหมด 15 โค้ง แต่จะเด่นเรื่องทางตรงที่มีถึง 4 ช่วง ทำให้มันเป็นสนามที่ถูกเรียกว่า ‘พาวเวอร์แทร็ค’ หรือก็คือ เป็นสนามที่รถแข่งจะใช้การเร่ง-เบรก เป็นสำคัญ มากกว่าการทำความเร็วในโค้ง
ผู้ชนะคนล่าสุดจากสนามแห่งนี้คือ ชาร์ล เลอแคลร์ จากสังกัดเฟอร์รารี โดยนักแข่งจากโมนาโกได้มีการแบทเทิลอย่างดุเดือดกับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ก่อนที่จะคว้าชัยชนะมาได้
ในส่วนของผู้ชนะมากที่สุดในสนามแห่งนี้คือ ลูวิส แฮมิลตัน โดยแชมป์โลกจากสหราชอาณาจักรฯ คว้าชัยไปได้ 5 ครั้ง ในปี 2014, 2015, 2019, 2020, 2021 ในขณะที่แชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ยังไม่เคยคว้าชัยชนะที่นี่ได้เลย