พรีเมียร์ลีกเปิดแคมเปญ 'ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์' การชมฟุตบอลในไทย

นักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากสโมสรฟุตบอลชั้นนำ อย่างลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมเป็นกระบอกเสียงในการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากการรับชมฟุตบอลผ่านช่องทางผิดกฎหมายในประเทศไทยผ่านแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์)

แคมเปญนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในปี 2566 โดยมีเหล่านักฟุตบอลชื่อดังจากพรีเมียร์ลีกเข้าร่วมแคมเปญ อาทิ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กองหลังจากลิเวอร์พูล, อิลคาย กุนโดกัน จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้, เจมี วาร์ดี กองหน้าจากเลสเตอร์ ซิตี้ และแจ็ค แฮร์ริสัน จากลีดส์ ยูไนเต็ด โดยหนังโฆษณาภายใต้แคมเปญนี้จะออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์และสื่อดิจิทัล เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงของการรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผ่านเว็บไซต์และอุปกรณ์ผิดกฎหมาย และการรับชมจากสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายยังให้อรรถรสในการรับชมที่ไม่ได้คุณภาพอีกด้วย

 จากผลสำรวจของ White Bullet Solutions บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา พบว่า 71% ของเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่คนไทยนิยมรับชมพรีเมียร์ลีกอย่างผิดกฎหมายมีโฆษณาที่เสี่ยงต่อการหลอกลวง การโดนมัลแวร์ และยังมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการพนันและเนื้อหาเรื่องเพศที่ไม่เหมาะสม

จึงทำให้แฟนบอลที่รับชมพรีเมียร์ลีกผ่านเว็บไซต์หรือสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกบัญชีธนาคาร โจรกรรมข้อมูล หรืออุปกรณ์จะถูกล็อคเพื่อเรียกค่าไถ่ (Ransom) นอกจากนั้นยังอาจได้รับประสบการณ์ในการรับชมพรีเมียร์ลีกที่ไม่ราบรื่นเพราะถูกรบกวนจากคุณภาพของวิดีโอ ถูกขัดด้วยหน้าต่างโฆษณาจำนวนมาก รวมถึงความล่าช้าของวิดีโอ

 ศาสตราจารย์พอล วัตเตอรส์ ที่ปรึกษาและนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ และผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย La Trobe ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า

“จากผลสำรวจล่าสุดในเอเชีย พบว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับมัลแวร์และแรนซัมแวร์จากการเข้าเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวสูญหายหรือข้อมูลสำคัญถูกล็อคไว้เพื่อเรียกค่าไถ่

 “โดยจากค่าเฉลี่ยพบว่า คุณมีโอกาสถึง 57% ที่จะโดนคุกคามจากมัลแวร์ซึ่งถูกฝังมาภายในแอปละเมิดลิขสิทธิ์ที่คุณดาวน์โหลด และจากผลสำรวจยังพบว่าอุปกรณ์จะถูกบุกรุกโดยมัลแวร์ โดยใช้เวลาเพียง 43 วินาทีเท่านั้น

“คุณควรทราบว่าผู้ให้บริการเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์สนใจแค่การทำเงินโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย และมักใช้การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเหยื่อล่อ ซึ่งเมื่อคุณติดกับนั้น อุปกรณ์ของคุณอาจกลายมาเป็นแหล่งแพร่มัลแวร์ให้ทั้งตัวคุณเอง ครอบครัว รวมไปถึงที่ทำงานของคุณได้

 “การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลอาจนำไปสู่งการฉ้อโกง/ปลอมแปลงข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งทำให้ผู้โจรกรรมสามารถสวมรอยเป็นคุณและใช้ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ อย่างพาสปอร์ต ใบขับขี่ บัญชีธนาคาร และรวมไปถึงการกู้ยืมเงินภายใต้ชื่อของคุณได้ ในขณะที่กระบวนการกู้คืนข้อมูลส่วนตัวของคุณอาจใช้เวลานานหลายปี และในบางครั้งผลกระทบที่ได้จากการถูกโจรกรรมข้อมูลก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตเป็นอย่างมาก”

ทางพรีเมียร์ลีกได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้บริการเว็บไซต์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเปิดสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งนับตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วที่ได้มีการจัดตั้งสำนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พรีเมียร์ลีกได้มีการสั่งบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ไปแล้วกว่าหลายร้อยเว็บในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย 

เควิน พลัมบ์ ที่ปรึกษาทั่วไปของพรีเมียร์ลีก

เควิน พลัมบ์ ที่ปรึกษาทั่วไปของพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า

 “เราทราบดีว่าแฟนบอลบางส่วนในประเทศไทยกำลังเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางไซเบอร์และการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลจากการใช้งานสตรีมมิ่งบนเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเราอยากจะย้ำให้ทุกคนทราบว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะเสี่ยง เพราะเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้มีเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายและสามารถสร้างปัญหาที่ตามมาอีกมากมายให้กับคุณ

 “โดยภายใต้แคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) ที่เปิดตัวทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและหน่วยงานภาครัฐเพื่อปกป้องแฟนบอลของเราจากภัยคุกคามที่เกิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์ และขอแนะนำผู้ที่ยังรับชมฟุตบอลผ่านช่องทางสตรีมมิ่งผิดกฎหมาย ให้หันมาเลือกช่องทางการรับชมอย่างเป็นทางการจากพันธมิตรของพรีเมียร์ลีกที่มีความปลอดภัยและยังมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรับชมให้แก่คุณ

การให้ความรู้และความเข้าใจแก่แฟนบอลถึงอันตรายจากการรับชมพรีเมียร์ลีกแบบผิดกฎหมายถือเป็นส่วนสำคัญของโครงการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ของเรา ในขณะเดียวกันเราได้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดด้วยการบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้บริการ/ขายสตรีมมิ่งผิดกฎหมาย และเพิ่มกระบวนการต่าง ๆ ที่จะทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้ทำได้ยากมากยิ่งขึ้น”

นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น

ในประเทศไทย พรีเมียร์ลีก ได้จับมือกับ ทรูวิชั่นส์ พันธมิตรที่ได้ลิขสิทธิ์ด้านการสตรีมมิ่งในประเทศไทยในแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) โดย นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในฐานะที่ทรูวิชั่นส์ เป็นผู้ประกอบการที่นำเข้าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง เราจึงเข้าใจและให้ความสำคัญเรื่องของลิขสิทธิ์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องได้รับความคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอลพรีมียร์ลีก อังกฤษ  คอนเทนต์ที่แฟนกีฬาฟุตบอลชาวไทยต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งทรูวิชั่นส์ยังคงเป็นเพย์ทีวีรายเดียวในประเทศไทยที่ได้ถือครองลิขสิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง และต่อไปอีก 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 – 2024/25อีกทั้งทรูวิชั่นส์ยัง ให้บริการการสตรีมมิ่งแบบถูกกฎหมาย เพื่อเพิ่มช่องทางเอาใจหลากหลายไลฟ์สไตล์แฟนบอลชาวไทย ซึ่งเราเชื่อว่าการรับชมกีฬาประเภทนี้แบบสด จะได้อรรถรสและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก  โดยทรูวิชั่นส์ได้นำเสนอแพ็กเกจต่าง ๆ หลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม และทุกไลฟ์สไตล์ของแฟนบอล ที่มีทั้งชมที่บ้าน ชมผ่านมือถือ หรือไปเชียร์กับเพื่อนตามร้านอาหาร ผับ บาร์ ซึ่งก็มีแพ็กเกจแบบคุ้มค่าเพื่อรองรับผู้ประกอบการร้านเหล่านี้ด้วยเช่นกัน  และเป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบันลูกค้าชาวไทยเข้าใจและเลือกดูผ่านช่องทางที่ถูกลิขสิทธิ์เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทรูวิชั่นส์ ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเลือกการดูคอนเทนต์อย่างถูกต้องถูกลิขสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ทรูวิชั่นส์ยังจะเดินหน้าร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อกำจัดการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ผิดทั้งกฎหมาย และยังนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อผู้บริโภคอาจติดมัลแวร์จากการรับชมสตรีมมิ่งผิดกฎหมายที่ไม่ได้คุณภาพอีกด้วย”

ผู้ที่สนใจแคมเปญ ‘Boot Out Piracy’ (ต่อต้านสตรีมมิ่งละเมิดลิขสิทธิ์) สามารถรับชมวิดีโอของแคมเปญได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของ ทรูวิชั่นส์  คลิก Facebook และ TikTok

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

JAS ยืนยันได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดบอลพรีเมียร์ลีก ยาว 6 ฤดูกาลเต็มๆ

บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้รับการการันตีเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 6 ฤดูกาลเต็ม เป็นที่เรียบร้อย โดยจะเริ่มต้นถ่ายทอดสดตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 ยาวไปจนถึงฤดูกาล 2030/31 เลยทีเดียว

JAS ทุ่มงบ 1.9 หมื่นล้าน คว้าลิขสิทธิ์ยิงสดพรีเมียร์ลีก-เอฟเอ คัพ 3 ฤดูกาล

บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 มีมติอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมเพื่อให้บริษัทได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Rights) ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และกัมพูชา

พลังงานยัน 'ไทย' มีปริมาณน้ำมันเพียงพอใช้ในประเทศ จับตาสงครามระอุ

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง โดยเฉพาะสถานการณ์สู้รบระหว่างประเทศอิสราเอลและอิหร่านอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันจากพื้นที่ตะวันออกกลาง กระทรวงพลังงาน

'พรีเมียร์ลีก' เล็งเปลี่ยนวันปิดตลาดนักเตะใหม่ในช่วงซัมเมอร์

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีการพิจารณาเรื่องของการกำหนดเส้นตายตลาดในช่วงซัมเมอร์ให้ปิดก่อนจะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ โดยปัจจุบันเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกันโดยละเอียด

'เตบาส' ออกโรงเร้า 'พรีเมียร์ลีก' ต้องกล้าลงดาบ 'แมนฯ ซิตี' คดีการเงิน

สเปน - ฮาเบียร์ เตบาส ประธานของลาลีกา สเปน ออกมาเรียกร้องให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดนลงโทษจากคดีละเมิดกฎการเงิน 115 ข้อหา ที่ปัจจุบันกินเวลาในการสอบสวนมานาน

ใบเหลืองว่อนเป็นสถิติพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ล่าสุด 65 ใบ

พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ล่าสุดทำสถิติใหม่แจกใบเหลืองมากสุด 65 ใบ สื่อดังวิเคราะห์อาจเป็นผลพวงมาจากใบเหลือง-แดงของ เดแคลน ไรซ์ กองกลาง อาร์เซน่อล