ศึกฟุตบอลโลก 2026 จะมี 3 ชาติจากโซนคอนคาเคฟ อย่าง แคนาดา, เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกันรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จะเพิ่มทีมในรอบสุดท้ายจาก 32 เป็น 48 ทีมเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ทัวรนาเมนต์นี้จะใช้ทั้ง 16 สนาม จาก 16 เมือง เป็นสังเวียนในการจัดการแข่งขัน แบ่งเป็นสนามในสหรัฐอเมริกา 11 สนาม, เม็กซิโก 3 สนาม และแคนาดา 2 สนาม โดยจะชิงชนะเลิศกันที่เม็ตไลฟ์ สเตเดียม เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่มีความจุมากถึง 82,500 ที่นั่ง
แน่นอนว่าจากการเพิ่มทีมในรอบสุดท้ายทำให้โอกาสที่แฟนฟุตบอลแดนสยามจะได้เห็นทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ได้ผ่านเข้าไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในปี 2026 มีมากขึ้นกว่าเดิมไม่มากก็น้อย เพราะโซนเอเชียจะได้โควต้ามากถึง 8 ทีมครึ่งเลยทีเดียว
แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นก็ไม่ใช่งานที่ง่ายกว่าเดิมเสียเท่าไหร่ จากการที่โซนเอเชียจะได้โควต้ามากถึง 8+1 ทีม ทางสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ก็ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่าการแข่งขันในรอบคัดเลือกจะเปลี่ยนไปจากรูปแบบเดิม และมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าแบบเก่า
เดิมทีโซนเอเชียจะได้โควต้าไปเล่น "เวิลด์ คัพ" รอบสุดท้าย 4+1 ทีม ซึ่งก็ทำให้ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย จะแบ่งการคัดเลือกออกเป็น 3 รอบหลักๆ โดยในรอบสุดท้ายจะมีทีมผ่านเข้าไปเล่นกันทั้งหมด 12 ทีม และหาตัวแทน 4 ทีมที่จะคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลกแบบอัตโนมัติ ส่วนอีกหนึ่งทีมต้องไปเล่นเพลย์ออฟกับตัวแทนจากโซนอื่น
โดย ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย มีการเปลี่ยนแปลงการแข่งขันดังนี้ - รอบแรก : นำ 22 ชาติ ที่มีอันดับโลก 26-47 ของทวีป จับสลากแข่งขันแบบสองนัดเหย้า-เยือน ในวันที่ 12 และ 17 ตุลาคม 2566 หาผู้ชนะจำนวน 11 ทีมผ่านเข้าไปคัดเลือกรอบสอง
- รอบสอง : นำ 25 ชาติ ที่มีอันดับโลก 1-25 ของทวีป มารวมกับ 11 ชาติจากรอบคัดเลือก รอบแรก รวมเป็น 36 ชาติ นำมาซอยออกเป็น 9 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม แข่งขันกันแบบเหย้า-เยือน ทั้งหมด 6 นัด โดยแชมป์ กับรองแชมป์กลุ่ม ผ่านเข้ารอบคัดเลือก รอบสาม ซึ่งจะเป็นการตัดให้เหลือ 18 ทีมสุดท้าย และทั้ง 18 ทีมดังกล่าวจะได้สิทธิ์ลงเล่นในศึกเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ปี 2027 อัตโนมัติ ซึ่งการแข่งขันในรอบนี้จะมีปฏิทินฟาดแข้งลากยาวตั้งแต่ปลายปี 2023 ไปจนถึงกลางปี 2025 เลยทีเดียว
- รอบสาม : จากทั้งหมด 18 ทีมที่ผ่านเข้ารอบมา จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม แข่งขันกันแบบเหย้า-เยือน ทีมแชมป์ และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่ม จะคว้าตั๋วเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะฟาดแข้งกันช่วงเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน 2025 ส่วนทีมอันดับ 3 และ 4 จะต้องลงมาแข่งขันในรอบที่สี่ เพื่อหาตั๋วอีก 2 ใบสุดท้าย
- รอบสี่ : ทีมที่ได้อันดับ 3 และ 4 ของแต่ละกลุ่ม จากรอบคัดเลือกรอบสาม จะถูกนำมาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม คัดเอาทีมแชมป์ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย ส่วนทีมอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มจะต้องไปแข่งขันในรอบเพลย์ออฟกับโซนอื่นๆ ที่ได้สิทธิ์เพลย์ออฟเช่นกัน
ถ้าดูผิวเผินอาจจะมองว่าโอกาสของทัพ "ช้างศึก" ที่จะไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มีมากขึ้น แต่จากการเปลี่ยนแปลงระบบการคัดเลือกของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ดูแล้วไม่ใช่งานง่ายเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งก็ถือว่าดีหน่อยที่ทีมชาติไทยจะได้เริ่มต้นออกสตาร์ทตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบสองเป็นต้นไป เพราะพวกเขาเป็น 1 ใน 24 ทีม ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย "เอเชียน คัพ 2023" รอบสุดท้าย ได้อานิสงค์มาแบบเต็มๆ
อย่างไรก็ตามต้องมาลุ้นผลการจับสลากแบ่งกลุ่มในรอบคัดเลือกรอบที่สอง ว่า "ช้างศึก" จะอยู่ร่วมสายกับทีมใด ช่วงเวลาต่อจากนี้ทีมฟุตบอลจากแดนสยามต้องเร่งทำฟีฟ่าแรงกิ้งให้ไต่ขึ้นไปด้านบนให้เร็วที่สุด เพราะจะส่งผลดีต่อการวางโถก่อนจับสลากแบ่งกลุ่ม ซึ่งจะเป็นการเลี่ยงไม่ให้เจอทีมแข็งๆ ก่อนเวลาอันควร
ช่วงที่ผ่านมา ทีมชาติไทย มีบทเรียนมาให้เห็นนับครั้งไม่ถ้วน กับการเตรียมทีมที่ไม่มีความพร้อมมากพอ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับทวีปเอเชีย แต่เมื่อในครั้งนี้เปอร์เซนต์การไปเล่น "เวิลด์ คัพ" รอบสุดท้ายนั้นมีมากขึ้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะสมาคมกีฬฟุตบอลฯ ยิ่งต้องบริหารจัดการปฏิทินการแข่งขันให้ออกมาดีที่สุด ทั้งลีกภายในประเทศ และแมตช์อุ่นเครื่องของทีมชาติในช่วงฟีฟ่าเดย์
กว่าจะถึงเวลานั้นก็ยังไม่รู้ว่าใครจะได้คุมทัพ "ช้างศึก" ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก อนาคตของ มาโน โพลกิ้ง ก็ยังไม่แน่ไม่นอน เพราะหากเขาพาทีมชาติไทยล้มเหลว ผลงานออกมาไม่ดีในเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ก็มีสิทธิ์ถูกเด้งได้โดยง่าย
แต่รายการที่คนไทยกำลังตั้งความหวังมากที่สุด หนีไม่พ้นศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 ที่กำลังลงสนามทำการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ถือเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่แฟนฟุตบอลชาวไทยอยากจะเห็นทีมได้แชมป์มาครอบครองมากที่สุด ซึ่งถ้ารายการนี้ ไทย ภายใต้การคุมทีมของ มาโน โพลกิ้ง คว้าแชมป์มาครองได้ ก็น่าจะทำให้ทุกภาคส่วนมีกำลังใจที่จะลุ้นการคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 อย่างแน่นอน ซึ่งก็หวังว่า ไทย จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงฯ วันที่ 13 และ 16 ม.ค.นี้ เป็นอย่างน้อย
ช่วงเวลาต่อจากนี้คงต้องหวังกับนักเตะรุ่นใหม่ๆ ทั้งสุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, เบนจามิน เดวิส, โจนาธาร เข็มดี และอีกหลายๆ คน ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญทดแทนรุ่นพี่ อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ หรือนักเตะอย่าง ธีราทร บุญมาทัน กับ ธีรศิลป์ แดงดา ตัวหลักในปัจจุบัน ก็ไม่ชัวร์ว่าร่างกายจะยังไหวไปจนถึงตอนนั้นหรือไม่
ถึงอย่างนั้นแฟนฟุตบอลชาวไทยก็ยังมีหวังกับการเพิ่มทีมในฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งทำให้ทัพ "ช้างศึก" เพิ่มโอกาสการลุ้นตั๋วไปลุย "เวิลด์ คัพ" รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้มากยิ่งขึ้น หลังจบศึกเอเชียน คัพ 2023 คงต้องรอลุ้นกันอย่างต่อเนื่อง