เมื่อวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ชั้น 3 บริษัทในเครือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกอบด้วย บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด, บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด, บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต จำกัด และพันธุ์บุรีรัมย์ ได้จัดงาน BURIRAM THANK YOU PARTY 2022 ภายใต้ชื่อ “Buriram United AS ONE”
โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พร้อมด้วยผู้บริหาร คุณตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต, คุณไชยชนก ชิดชอบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต จำกัด, คุณชิดชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าที่ระลึก บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด, คุณชนน์ชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด และคุณโชติชนก ชิดชอบ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ร่วมกันต้อนรับผู้สนับสนุน และสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง
ภายในงานมีผู้บริหาร 46 แบรนด์พันธมิตรร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยในงาน คุณเนวิน ชิดชอบ ได้กล่าวถึงบทสรุปผลงานของบริษัทในเครือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมทั้งเผยเป้าหมายบริษัทที่จะทำในปี 2566 ว่า
“ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าสวัสดีพี่น้องทุกท่าน ทั้งพาร์ทเนอร์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พาร์ทเนอร์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พาร์ทเนอร์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต จำกัด และพาร์ทเนอร์พันธุ์บุรีรัมย์ เป็นประจำทุกปีที่พวกผมจะต้องมารายงานผลความคืบหน้าต่อทุกท่าน เพื่อที่จะบอกว่าเราทำอะไรไปถึงไหนจากการที่ท่านทั้งหลายร่วมแรงสนับสนุนทั้งในแง่ของกำลังเงิน ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวสารทุกอย่างที่เป็นบุรีรัมย์ ออกสู่สาธารณชน ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา บุรีรัมย์ของเราพัฒนาไปไกลไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่แต่ละเมืองจะทำในสิ่งนี้ได้ มาพูดเรื่องของการทำงาน 365 วันที่ผ่านมา ปีนี้ผมยืดอกได้หน่อย เพราะผมจบแบบได้ทริปเปิ้ลแชมป์ ผมชนะลูกผม เป็นปีที่ผมมีความสุขมาก เพราะปีที่แล้วผมโดนอีสปอร์ตเหยียบย่ำ ตอนนั้นยังไม่ได้แชมป์ไทยลีก เขาได้แชมป์ ROV ระดับโลกมาก็ยืดหน้ายืดตา ปีนี้เราก็เดินไปด้วยกัน”
“ปีนี้ฟุตบอล เลกแรก เราจบด้วยการเป็นจ่าฝูง เหลืออีก 15 แมตช์ในเลกที่ 2 ปีนี้ไม่โลภมากครับ ผมเอาทุกแชมป์ บอกตรงนี้เลยต่อหน้าสื่อมวลชนเลกแรกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โหดขนาดไหน เลกที่ 2 จะโหดกว่าเดิม เพราะเราเตรียมทีมเพื่อไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่จะโยกมาเตะในเดือนสิงหาคม เราต้องผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปเล่นรอบ 16 ทีมให้ได้ รอบแบ่งกลุ่มเราจะไม่ใช่ทีมรองบ่อนอีกต่อไป ส่วนอีก 2 ถ้วยที่เหลือ ช้าง เอฟเอคัพ ผมปฏิเสธ ไทยเบฟ ไม่ได้ ถ้าไม่ได้ถ้วยนี้มาผมคงโดนช้าง ตำหนิ จึงเป็นถ้วยที่เราต้องเต็มที่ ส่วนอีกถ้วยหนึ่งโตโยต้า เป็นสปอนเซอร์ ถ้าผมไม่เอาถ้วยมาวางไว้ที่สนามเราก็คงโดนตำหนิเหมือนกัน เราถึงต้องเอาให้ได้ทุกถ้วย”
“นอกจากนั้นปีนี้ เราบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ไปอาสาทำงานให้กับฟุตบอลระดับชาติ เพราะผมเข้าใจได้ว่าความรู้สึกของคนไทยกับฟุตบอลทีมชาติ เรามีปัญหาเยอะมาก เราแพ้หลาย ๆ ทีม มันทำให้คนไทยรู้สึกไม่ดีมาก ๆ ผมจึงไปรับทำทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี โดยขอทำ 3 ปี นับตั้งแต่ปีหน้า 2023 โดยมีเป้าหมายว่าเด็กชุดนี้ปี 2025 ต้องเป็นท็อปเท็นของเอเชียให้ได้ โดยค่าใช้จ่ายทุกอย่างเป็นของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด งานนี้ให้น้องหนุน ชนน์ชนก ชิดชอบ ไปเป็นผู้จัดการมีเดิมพันเป็นมรดก”
“ส่วนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ตอนนี้รายการระดับอินเตอร์กลับมาแข่งขันทุกรายการแล้ว ที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ เราสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันกับโตโยต้า เพราะเราเป็นสนามเดียวที่จัดการแข่งขัน 25 ชั่วโมง ในเอเชียได้สำเร็จ ชนิดที่ว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย มันเป็นการยกระดับการจัดการแข่งขันไปอีกขั้นสู่ระดับอินเตอร์ ส่วนอีเวนท์ต่าง ๆ เราก็ทำได้ดีขึ้นแล้ว”
“อันสุดท้ายของลูกสาว “น้องแนน” ชิดชนก ชิดชอบ ต้องทำหน้าที่ต่อไปในการทดลองทำเกษตรแบบออร์แกนิก ทำให้ทุกท่านไปบุรีรัมย์แล้วมีความสุข ปีหน้าในส่วนของฟาร์มกัญชา เราน่าจะยกระดับไปอีกขั้น เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในการรับซื้อผลผลิต เพื่อมาทำสารสกัด เราเชื่อว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านได้กว่า 10,000 ครัวเรือน ในการที่จะทำให้เขามีอาชีพ วันนี้สิ่งที่เราเห็นกำลังซื้อของประชาชนไม่มี เพราะพี่น้องเกษตรกรมีปัญหาผลผลิตราคาถูก ขายอะไรก็ขาดทุน มันทำให้พวกเขาขาดรายได้ มันก็ส่งผลกระทบต่อพี่น้องที่นั่งอยู่ในห้องนี้ เพราะไม่มีเงินมาจับจ่ายซื้อของ เรามาคิดกันง่าย ๆ ว่า ตลอด 1 ปี ถ้าชาวบ้านปลูกกัญชา 1 ไร่ แล้วได้รายได้ 100,000 บาท ต่อปีต่อไร่ มันจะทำให้กำลังซื้อของชาวบ้านกลับมาได้เร็วที่สุด อันนี้คือเรื่องของการรายงานความคืบหน้าของปีที่ผ่านมา ซึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปีหน้าจะตั้งใจทำให้สปอนเซอร์มีความสุขมากกว่านี้”
เนื่องในโอกาสนี้ นายเนวิน ได้ขออวยพรปีใหม่ให้ทุกท่าน ว่า “ขอให้ทุกท่านมีความสุข สมหวัง แข็งแรง คิดอะไรขอให้ได้สมปรารถนาทุกประการ ปีใหม่นี้ใครไม่รู้จะไปไหน ก็ขอให้มาบุรีรัมย์ ไปดูไดโนเสาร์กันครับ เข้าชมฟรี สปอนเซอร์ที่มีโปรดักต่าง ๆ ก็ไปร่วมกันครับ ผมคิดว่างาน 9 วัน 24 ธันวาคม 2565 - 1 มกราคม 2566 ประชาชนน่าจะไม่ต่ำกว่า 500,000 คนที่มาเข้าชมงาน”
นอกจากนี้ช่วงต้นของงานยังได้มีการแสดงสุดพิเศษจากโรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม แชมป์ชิงช้าสวรรค์ 2022 ที่มาในชุด BURIRAM UNITED AS ONE “The Legend of Buriram” แบ่งเป็น 5 ช่วงการแสดง 1.องค์ปฐมบรมกษัตริย์สร้างเมือง, 2.รุ่งเรืองเมืองบุรีรัมย์ ตำน้ำกิน, 3.น่ายลยินผ้าไหมสวย เลิศวิไล, 4.รวมน้ำใจความยิ่งใหญ่ด้วย Event กีฬา และ 5.สร้างคุณค่า สร้างคน บุรีรัมย์