ทัวร์นาเมนต์ลูกหนังเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ผ่านพ้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย โดยในคืนวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมนี้เดินทางมาถึงการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีเกมการแข่งขัน 2 คู่ 2 สนามให้เราได้ลุ้นได้ชมกัน
คู่แรก เวลา 22.00น. (ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ,ทรูสปอร์ต ยิงสด)
โครเอเชีย พบ บราซิล
สนาม : เอดูเคชัน ซิตี สเตเดียม
- สภาพความพร้อมของทั้งสองทีม
บราซิล ภายใต้การคุมทีมของ ติเต ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไล่บี้เอาชนะเกาหลีใต้ ตัวแทนจากทวีปเอเชีย ไปแบบขาดลอย 4-1 สมราคาทีมเต็งหนึ่งอย่างแท้จริง ถึงแม้จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บของ 2 นักเตะ ทั้ง กาเบรียล เชซุส และอเล็กซ์ เตลลิส ที่เข่าเดี้ยงจนต้องถอนตัวออกไปจากฟุตบอลโลกหนนี้ อย่างไรก็ตาม "แซมบ้า" ได้ เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ตัวเก่งสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้ทันเวลา และในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเขาจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ บราซิล ฝ่าด่าน โครเอเชีย ไปได้ ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ ถือว่าอยู่กันพร้อมหน้า ริชาร์ลิซอน ยังมีลุ้นคั่วดาวซัลโวในทัวร์นาเมนต์นี้ รวมไปถึง วินิซิอุส จูเนียร์, คาเซมิโร, ลูคัส ปาเกตา, ราฟินญา, อลิสซอน เบคเกอร์, มาควินญอส, ติอาโก ซิลวา พร้อมรบทั้งหมด
ทางฝั่ง โครเอเชีย ของกุนซือสลัตโก ดาลิช ดวลเป้าเอาชนะ ญี่ปุ่น ตัวแทนจากทวีปเอเชียมาแบบหืดจับในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เรียกได้ว่าเหนื่อยหนักพอสมควรกว่าจะผ่านเข้ามาได้ อย่างไรก็ตามฟอร์มการเล่นของพวกเขาในรอบแบ่งกลุ่มถือว่าทำได้ดีมากๆ จุดเด่นคือเกมรับที่มาถึงในรอบนี้พวกเขาโดนคู่แข่งยิงไปเพียง 2 ลูกเท่านั้น ในส่วนของตัวผู้เล่นจะไม่สามารถใช้งาน โจซิป สตานิซิช ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อ ขณะที่ บอร์นา โซซา แบ็คซ้ายมีอาการป่วย ต้องรอเช็กสภาพความฟิตอีกครั้ง ส่วนนักเตะคนอื่นๆ อยู่กันพร้อมหน้า นำโดย ลูกา โมดริช, มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล โบรโซวิช 3 มิดฟิลด์แกนหลัก เช่นเดียวกับ อีวาน เปริซิช, อังเดรจ์ ครามาริช 2 แนวรุกตัวเก่ง
- สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม
คู่นี้เคยปะทะแข้งกันมาทั้งหมด 4 นัด เป็น บราซิล เหนือกว่าเก็บชัยไปได้ถึง 3 นัด เสมอ 1 นัด และโครเอเชีย ไม่เคยเอาชนะได้เลยแม้แต่นัดเดียว หนล่าสุดที่เจอกันคือในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2018 "แซมบ้า" เชือดนิ่มไป 2-0 จากลูกยิงของเนย์มาร์ และโรแบร์โต ฟีร์มิโน
เกมนี้มองมุมไหน บราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ก็ยังเหนือกว่า ยิ่งนัดก่อนพวกเขาไล่ต้อน เกาหลีใต้ มาแบบขาดลอยยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ไม่น่าจะมีปัญหาเช็กบิลเก็บชัยชนะได้ในเวลา 90 นาที โดยไม่ต้องลุ้นเหนื่อยถึงช่วงต่อเวลา กรุยทางลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไป
คู่สอง เวลา 02.00น. (JKN ช่อง 18 และทรูโฟร์ยู ,ทรูสปอร์ตยิงสด)
เนเธอร์แลนด์ พบ อาร์เจนตินา
เนเธอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล น่าจะเหนื่อยหนักแน่นอน เพราะคู่แข่งในรอบนี้ของพวกเขา คือ อาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลก 2 สมัย โดยหลายเกมที่ผ่านมา "อัศวินสีส้ม" เล่นได้ไม่ค่อยประทับใจแฟนๆเสียเท่าไหร่ แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีอยู่เสมอ เกมนี้พวกเขาจะไม่สามารถใช้บริการ สเตฟาน เดอ ฟรีจ์ ที่ยังบาดเจ็บ แต่ขุมกำลังคนอื่นๆ อยู่กันพร้อมหน้า ทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, เฟรงกี เดอ ยอง, โดดี กักโป, เดนเซล ดุมฟรีส์, เมมฟิส เดปาย, นาธาน อาเก
ทางฝั่ง อาร์เจนตินา เต็งสองประจำทัวร์นาเมนต์ ปราบ ออสเตรเลีย มาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ลิโอเนล เมสซี ยิงไปแล้ว 3 ประตู ยังมีลุ้นคั่วตำแหน่งดาวซัลโวในครั้งนี้ และเขาก็หมายมั่นปั้นมือที่จะพาทัพ "ฟ้าขาว" เถลิงแชมป์โลกไปครองให้ได้ เกมนี้พวกเขาต้องเช็กความฟิตของ ปาปู โกเมซ ที่บาดเจ็บข้อเท้า แต่นักเตะคนอื่นๆ อยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น เลาตาโร มาร์ติเนซ, อังเกล ดิ มาเรีย, ฆูเลียน อัลบาเรซ, โรดริโก เดอ ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, ลิซานโดร มาร์ติเนซ
คู่นี้ดูแล้ว อาร์เจนตินา เหนือกว่าเล็กน้อย ทั้งศักยภาพของตัวผู้เล่น และฟอร์มการเล่นในหลายเกมก่อนหน้านี้ แต่คงไม่ใช่งานง่ายที่จะเอาชนะเนเธอร์แลนด์ เพราะทีมดัตช์ชุดนี้ขึ้นชื่อในการเล่นเกมรับเป็นอย่างยิ่ง อยู่ที่ว่า "ฟ้าขาว" จะสามารถหาโอกาสจบสกอร์ได้ดีเพียงใด ถ้าเจาะไม่เข้าเราอาจได้เห็นการต่อเวลาพิเศษ หรือดวลจุดโทษก็ได้