ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ในคืนวันนี้ อาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน เป็นการลงสนามนัดที่สอง รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่น่าสนใจในกลุ่ม E "กระทิงดุ" ทีมชาติสเปน ทำศึกบิ๊กแมตช์พบ "อินทรีเหล็ก" ทีมชาติเยอรมนี ฟาดแข้งกันที่ อัล เบย์ท สเตเดียม เวลา 02.00น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางเนชั่น ทีวี ช่อง 22
- สภาพความพร้อมของทั้งสองทีม
สเปน ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ เอ็นริเก เกมที่แล้วโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ไล่ต้อนเอาชนะ คอสตาริกา ตัวแทนจากโซนคอนคาเคฟ ขาดลอย 7-0 เรียกได้ว่าทีมกำลังลงตัวในทุกตำแหน่งโดยเฉพาะเกมรุกที่มีผู้เล่นสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำประตูกันได้หลายคน โดยเกมนี้พวกเขาไม่มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทุกคนพร้อมเป็นตัวเลือกในการลงเล่นเป็น 11 คนแรก
เกมที่แล้ว หลุยส์ เอ็นริเก จัดทัพโดยปราศจากกองหน้าอาชีพ โดยใช้ เฟร์ราน ตอร์เรส, มาร์โก อเซนซิโอ และดานี ออลโม เป็น 3 ประสานในแนวรุก ซึ่งทั้ง 3 คนก็สามารถทำประตูในเกมดังกล่าวได้ ขณะที่แดนกลางถือว่าลงตัวเป็นอย่างมากกับ 3 ประสานจากบาร์เซโลนา ทั้ง เซร์คิโอ บุสเกตส์, เปดรี และกาบี ขณะที่แนวรับ โรดรี ที่ถูกจับไปยืนเซ็นเตอร์จำเป็น ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ประสานงานร่วมกับ อายเมริก ลาปอร์ต
ทั้งนี้คาดว่าอดีตเฮดโค้ชบาร์เซโลนา จะยังคงยึด 11 คนแรกเป็นชุดเดิมจากเกมที่ไล่ถล่ม คอสตาริกา 7-0 โดยมี อูไน ไซมอน ยืนเฝ้าเสา และใช้ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, โรดรี, อายเมริก ลาปอร์ต, ยอร์ดี อัลบา เป็น 4 แนวรับ ขณะที่แดนกลางจะยังใช้ เซร์คิโอ บุสเกตส์, เปดรี และกาบี ส่วนเกมรุก อัลบาโร โมราตา กับคาร์ลอส โซแลร์ มีสิทธิ์สอดแทรกขึ้นมาแย่งตำแหน่งตัวจริง
ทางฝั่ง เยอรมนี ของกุนซือฮันซี ฟลิค พลิกล็อกแบบช็อกโลกด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ญี่ปุ่น 1-2 ในเกมแรก ทำให้เกมนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกต้องพยายามเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียว หรือต้องเก็บผลเสมอให้ได้ก่อนเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าปราชัยขึ้นมามีสิทธิ์ตกรอบแรก 2 สมัยติดต่อกันค่อนข้างสูง
ในส่วนของขุมกำลังไม่มีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บ ตัวหลักพร้อมเป็นตัวเลือกให้ได้ใช้งานแต่อาจมีการเปลี่ยนในบางตำแหน่งโดยเฉพาะแบ็คขวา นิคลาส ซูเล่ ที่แต่เดิมไม่ใช่ผู้เล่นในตำแหน่งนี้อยู่แล้วแต่โดนจับไปเล่นแบบเฉพาะกิจ และทำผลงานไม่ดี เกมนี้อาจถูกดร็อปและส่ง ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ แนวรับสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์ และวิงแบ็ค ลงสนามแทน ส่วนผู้เล่นในเกมรุกคาดว่า เลรอย ซาเน อาจได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรกแทนโธมัส มุลเลอร์ โดยมี แซร์จ นาบรี, จามาล มูเซียลา และไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนเป็นแกนหลัก
- นักเตะที่น่าจับตามอง
เกมที่แล้วคนที่โดดเด่นที่สุดของทัพ "กระทิงดุ" ได้แก่ กาบี มิดฟิลด์วัย 18 ปีจากทีมบาร์เซโลนา ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย และเกมนี้เขาก็น่าจะเป็นคนสำคัญในการบัญชาเกมรุกของ สเปน
ด้าน เยอรมนี เกมที่แล้ว อิลคาย กุนโดกัน ถือว่ามีบทบาทเป็นอย่างมากในเกมแดนกลาง และทำไป 1 ประตูจากจุดโทษ เกมนี้เขาต้องรับภาระในการดวลกันเหล่ามิดฟิลด์ทักษะสูงของคู่แข่ง ซึ่งถ้าเขาสามารถควบคุมเกมแดนกลางได้ "อินทรีเหล็ก" ก็มีลุ้น
- สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม
สเปน และเยอรมนี เคยแข้งกันมาทั้งสิ้น 25 นัด นับตั้งแต่การเจอกันเกมแรกปี 1935 ในเกมอุ่นเครื่อง สถิติค่อนข้างสูสี สเปน เอาชนะได้ 8 นัด เสมอกัน 8 นัด และเยอรมนี เอาชนะไป 9 นัด โดยคู่นี้เคยเจอกันล่าสุดในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2020 เป็น สเปน ที่ไล่ถล่มไปแบบขาดลอย 6-0 นอกจากนี้ทัพ "กระทิงดุ" ไม่แพ้ให้กับ เยอรมนี มาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน และเมื่อย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 2010 สเปน เอาชนะ "อินทรีเหล็ก" ในรอบตัดเชือก จากประตูชัยของ คาร์เลส ปูโยล
โดยในเกมนี้ดูผิวเผินอาจมองว่า สเปน เหนือกว่า แต่ เยอรมนี มักจะมีฮึดเสมอเมื่อลงสนามในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ และเจอกับทีมใหญ่ด้วยกัน อย่างน้อย "อินทรีเหล็ก" น่าจะเก็บผลเสมอ หรือลุ้นชนะได้เลย
- ส่วนคู่อื่นๆ ในวันเดียวกัน
กลุ่ม E ญี่ปุ่น พบ คอสตาริกา เวลา 17.00น. คู่นี้ ญี่ปุ่น ดีกว่าพอสมควร (ถ่ายทอดสดช่อง จีเอ็มเอ็ม 25,ทรูสปอร์ต 2 ช่อง 667)
กลุ่ม F เบลเยียม พบ โมร็อกโก เวลา 20.00น. คู่นี้ เบลเยียม ดูดีกว่าเยอะ และน่าเก็บชัยได้ (ถ่ายทอดสดช่อง 9 MCOT,ทรูสปอร์ต 2 ช่อง 667)
กลุ่ม F โครเอเชีย พบ แคนาดา เวลา 23.00น. ดูผิวเผินอาจมองว่าโครเอเชียดีกว่า แต่แคนาดา พร้อมทำเซอร์ไพรส์ (ถ่ายทอดสดช่องทรูโฟร์ยู ,ทรูสปอร์ต 2 ช่อง 667)