ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เตรียมแผนงานสำหรับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ให้มีความพร้อมที่สุดเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญ อาทิ ซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ และ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะเป็นเส้นทางไปสู่ โอลิมปิค ที่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024 นั้น
ล่าสุดสมาคมฯ ได้ประกาศแต่งตั้ง นายยุทธนา หยิมการุณ อุปนายกสมาคมฯ เป็นผู้อำนวยการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี พร้อมด้วย นายอิสสระ ศรีทะโร ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ประกอบไปด้วย ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน นายบำรุง บุญพรม อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ชุดลุยฟุตบอลเยาวชนโลก 1997 รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี, นายครองพล ดาวเรือง อดีตกองกลางทีมชาติไทย, ดร.ประสบโชค โชคเหมาะ ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู, นายทศพล สีดาพันธุ์ ผู้ฝึกสอนฟิตเนส
นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่ปรึกษา ประกอบด้วย นายรังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค อดีตกองกลางทีมชาติไทย,นายอนันต์ อมรเกียรติ อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติ เป็นที่ปรึกษาทั่วไป,นายประสิทธิ์ เทาดี ผู้ช่วยด้านการวิเคราะห์วีดีโอ, นายสกุลชัย ช่างนาวา จะทำหน้าที่ให้คำแนะนำ ปรึกษาด้านกฎ กติกา สำหรับทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ
นายยุทธนา หยิมการุณ อุปนายกสมาคมฯ ในฐานะอำนวยการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กล่าวว่า "ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการได้รับมอบหมายหน้าที่เป็นผู้อำนวยการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จากท่านนายกสมาคมฯ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และแน่นอนว่า หน้าที่หลักของผมคือการอำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่ทีมชุดนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่า เราต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดของสมาคมฯ ที่ได้รับผลกระทบในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะโควิด 19 ที่สร้างผลกระทบมาตลอด 3 ปี วันนี้เราต้องยอมรับว่าสมาคมฯ ประสบกับปัญหาสถานการณ์ทางการเงินในการใช้บริหารจัดการทั้งฟุตบอลลีกอาชีพ และฟุตบอลทีมชาติไทยทุกชุด
ผมพร้อมเข้ามาประสานจัดการด้านต่างๆ ประสานงานกับสโมสรสมาชิก และสปอนเซอร์ที่พร้อมให้การสนับสนุน เพราะฟุตบอลทีมชาติเป็นของคนไทย ผมยังมั่นใจว่าเราแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง แน่นอนว่าหน้าที่หลักของผม จะมีหน้าที่คอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ นอกสนามทั้งหมดสำหรับทีมชุดนี้ ส่วนเรื่องในสนาม จะเป็นหน้าที่สำหรับทีมงานผู้ฝึกสอน และตัวผมเองก็จะคอยสนับสนุน เพื่อให้ทีมเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด
ด้าน "โค้ชหระ"อิสสระ ศรีทะโร กล่าวว่า "ต้องขอบคุณ สมาคมฯ และผู้บริหารทุกท่านที่ให้โอกาสผมกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับทีมชาติไทย ผมรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาร่วมงานกับน้องๆ นักเตะทุกคนอีกครั้ง น้องๆ ส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยและเรียนรู้กันมานานพอสมควร ซึ่งเป้าหมายคือการต่อยอดและยกระดับขึ้นจากเดิม"
"การเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย แน่นอนย่อมมีความกดดัน จากคาดหวังสูง ผมเรียนรู้และพยายามพัฒนาตัวเองเสมอ ผ่านประสบการณ์และโจทย์ยากมามากมาย ทั้งในการทำงานระดับสโมสร และทีมชาติ ผมพร้อมนำประสบการณ์ และทุกๆ สิ่งที่เรียนรู้มาจากโลกฟุตบอลมาใช้เพื่อยกระดับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี"
"ตามแผนและเป้าหมายของสมาคมฯ คือ โอลิมปิก ที่ฝรั่งเศส ดังนั้น เราต้องยกระดับการเล่นในทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ ตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ เราจะต้องพร้อมและพยายามทำให้ดีที่สุด ฟุตบอลทีมชาติ ยิ่งโตขึ้นเวลาน้อยลง เราต้องไม่มีข้ออ้าง และต้องพยายามต่อยอดให้ดีขึ้นทั้งในระดับอาเซียน และเอเชีย"
"ในแต่ละทัวร์นาเมนต์ ผมเชื่อมั่นว่าทุกสโมสรพร้อมให้โอกาสนักเตะมารับใช้ชาติ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน เพราะถือเป็นความภาคภูมิใจของตัวนักกีฬา และสโมสร ซึ่งตรงนี้เราต้องบริหารจัดการและประสานงานทำความเข้าใจกับสโมสรอย่างต่อเนื่อง"
"ผมเชื่อมั่นว่านักฟุตบอลคนไทย และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช รวมทั้งทุกสโมสร ทุกคนพร้อมทำทุกอย่างเพื่อทีมชาติไทย สิ่งสำคัญคือการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน จะพาทีมชาติไทยของเราก้าวไปสู่จุดหมายได้"
สำหรับ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะใช้ นักเตะที่เกิดหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นเกณฑ์อายุที่จะเต็มรุ่นในรายการเอเอฟซี U23 ซึ่งเป็นรายการคัดโอลิมปิก จึงทำให้ทีมชุดนี้มีรายการแข่งขันตลอดทั้งปี
แผนการคือการเรียกเก็บตัวครั้งแรกในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนธันวาคม 2565 ระหว่างวันที่ 5-15 ธันวาคม 2565 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันภายใต้ปฏิทินปี 2566-2567 โดยเป็นโรดแมปในการเตรียมทีมสู่โอลิมปิก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เริ่มจาก การแข่งขันฟุตบอลชายในมหกรรมซีเกมส์ ที่จะเริ่มแข่งขันในวันที่ 5-16 พฤษภาคม 2566 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ในการเตรียมเข้าแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียนคัพ U23 รอบคัดเลือก ที่จะแข่งขันระหว่างวันที่ 4-12 กันยายน 2566
โดย สมาคมฯ จะพยายามจัดให้มีการฝึกซ้อมในช่วงฟีฟ่าเดย์ทุกครั้ง และพร้อมสำหรับการลุยศึก เอเชียน เกมส์ ที่เมืองหังโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนจีน ต่อไป
ทั้งนี้ สมาคมฯ โดยฝ่ายเทคนิคและทีมชาติไทย พร้อมดำเนินการตามแผนของหัวหน้าผู้ฝึกสอน และตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมทีมให้มีความพร้อมมากที่สุด ก่อนจะเข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติ ต่อไป