‘สดมภ์’ซิวแชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ทั้งสัปดาห์เสียแค่โบกี้เดียว

สดมภ์ แก้วกาญจนา หนุ่มวัย 23 ปีจากนราธิวาสฟอร์มแรงไม่หยุดผงาดแชมป์ที่ 3 จากการลงเล่นสี่รายการหลังสุดพร้อมทั้งกลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่หกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ครองถ้วยพระราชทานรัชกาลที่ 9 พร้อมรับเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท หลังจบสี่วันทำสกอร์รวม 23 อันเดอร์พาร์ 261 ทิ้งอันดับสองสี่สโตรก ในการแข่งขันชิงเงินรางวัลรวม 10 ล้านบาท ณ สนามริเวอร์เดล กอล์ฟคลับ จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา

สดมภ์ แก้วกาญจนา ซึ่งออกสตาร์ตรอบสุดท้ายในฐานะจ่าฝูงนำอันดับสองอยู่ 2 สโตรกยังโชว์ผลงานได้อย่างแน่นอน เก็บเพิ่มอีก 5 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ ก่อนจบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสี่วัน 23 อันเดอร์พาร์ 261 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง รับถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 9 พร้อมเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท  นับเป็นการคว้าแชมป์เป็นรายการที่สามจากการลงเล่นสี่รายการหลังสุด

จากชัยชนะในรายการนี้ทำให้ สดมภ์ เป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 6 ที่คว้าถ้วยใบนี้ไปครองต่อจาก สุเทพ มีสวัสดิ์ (1991), บุญชู เรืองกิจ (1992 และ 2004), ประหยัด มากแสง (2013), รฐนน วรรณศรีจันทร์ (2017) และ ภาณุพล พิทยารัฐ (2018) พร้อมกันนั้นทางสนามยังมอบรางวัลพิเศษให้กับแชมป์ด้วยสมาชิกตลอดชีพของสนามกอล์ฟในเครือของ เอ็มบีเค ทั้งสนาม ล็อคปาล์ม กอล์ฟ คลับ ภูเก็ต, เรด เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ ภูเก็ต, บางกอก กอล์ฟ คลับ และ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ อีกด้วย

นักกอล์ฟจากนราธิวาสซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์เสียโบกี้ไปเพียงหลุมเดียวที่หลุม 13 ในการแข่งขันรอบสองกล่าวว่า "ดีใจ และเป็นเกียรติที่คว้าแชมป์รายการนี้ เพราะเป็นแชมป์ที่โปรกอล์ฟทุกคนในเมืองไทยอยากจะได้มาครอง มาเล่นสนามนี้คิดในใจแค่พยายามตีเสียให้น้อยที่สุด พอดีสัปดาห์นี้ทำได้ดีเสียไปแค่โบกี้เดียว แผนรวมก็พยายามตีลูกให้อยู่แฟร์เวย์ เพื่อโอกาสลุ้นขึ้นกรีน แค่เล่นไปตามเกมของตัวเอง แบบไม่มีความกดดันอะไร เป้าหมายต่อไปก็เป็นแมตช์เอเชียน ทัวร์ ปลายเดือนนี้ที่ภูเก็ต อยากขอขอบคุณ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และสปอนเซอร์ทุกๆรายที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด"

อันดับสองเป็น พรหม มีสวัสดิ์ นักกอล์ฟจากหัวหินที่พยายามไล่กดดันตลอดการเล่นในรอบสุดท้าย โดยเฉพาะในช่วงที่เก็บสามเบอร์ดี้ติดต่อกันตั้งแต่หลุม 8 ถึงหลุม 10 ทำให้สกอร์ตามหลังเพียงสโตรกเดียวเท่านั้น ทว่าจากนั้นไปเสียสองโบกี้ทำให้จบรอบสุดท้ายเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสี่วัน 19 อันเดอร์พาร์ 265 รับเงินรางวัลปลอบใจไป 950,000 บาท

พชร คงวัดใหม่ และ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย รั้งอันดับสามร่วม ที่สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 269 รับเงินรางวัลคนละ 481,750 บาท ขณะที่ วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง คว้าอันดับห้าที่สกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 270 รับเงินรางวัล 318,000 บาท สำหรับอดีตแชมป์อย่าง ภาณุพล พิทยารัฐ  จบอันดับสิบสามร่วมจากผลงานรวม 10 อันเดอร์พาร์ 274, รฐนน วรรณศรีจันทร์ ทำสกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 283  จบอันดับห้าสิบร่วม

นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ และ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เผยถึงการแข่งขันในครั้งที่ 49 ว่า "ถือว่าประสบความสำเร็จกับการแข่งขันครั้งนี้ที่นักกอล์ฟไทยได้คว้าแชมป์เป็นคนที่ 6 ทำให้เชื่อว่าเราอาจจะได้เห็นแชมป์ที่เป็นนักกอล์ฟไทยอีกแน่ๆ เพราะมีนักกอล์ฟดาวรุ่งกันหลายคนที่ทำผลงานได้ดีในรายการนี้ เราก็ยังคงยืนกรานที่จะจัดการแข่งขันรายการนี้ต่อไป ไม่ว่ารายการนี้จะอยู่ในโปรแกรมของ เอเชียน ทัวร์ หรือไม่ก็ตาม และน่าจะยังจัดกันที่ ริเวอร์เดล ต่อไปด้วย"

สรุปผลการแข่งขันไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 49 (สนามพาร์ 71)

261 สดมภ์ แก้วกาญจนา 65-66-64-66 (เงินรางวัล 1,500,000 บาท)

265 พรหม มีสวัสดิ์ 66-62-69-68 (เงินรางวัล 950,000 บาท)

269 พชร คงวัดใหม่ 66-68-68-67, สุรดิษ ยงค์เจริญชัย 66-69-65-69 (เงินรางวัลคนละ 481,750 บาท

270 วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง 69-70-65-66 (เงินรางวัล 318,000 บาท)

271 ชนะโชค เดชภิรัตนมงคล 70-69-64-68 (เงินรางวัล 268,000 บาท)

272 โคสุเก ฮามาโมโต้ 69-69-69-65 ,สาริศ สุวรรณรัตน์ 66-66-73-67 ,แดนไท บุญมา 69-70-66-67 ,ธนภัทร พิชัยกุล 73-67-64-68 , ชัพชัย นิราช 69-64-70-69 , วิชญภัทร สินสร้าง 69-67-67-69 (เงินรางวัลคนละ 198,500 บาท)