รีแบรนด์ Klook ตอกย้ำจุดยืนซูเปอร์แอปการเดินทางด้านการท่องเที่ยว ปรับโฉมการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนอนาคตใหม่ของการท่องเที่ยว

การให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินงานที่ถูกต้องและการเติบโตของการท่องเที่ยวภายในประเทศทำให้รายได้ของ Klook ในปี 2564 สูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาด

บริษัทฯจะยังคงมุ่งเสริมจุดแข็งในฐานะที่เป็นซุปเปอร์แอปด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่ครบครัน เพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขโดยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว

คลูก (Klook) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านการเดินทางท่องเที่ยวชั้นนำ ประกาศรีแบรนด์ เปิดตัวอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนแปลง โดยตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำที่จะขับเคลื่อนอนาคตใหม่ของการท่องเที่ยวในปี 2565 และปีต่อๆ ไป

อัตลักษณ์แบรนด์ใหม่นี้ถูกนำเสนอในคอนเซปต์การชักชวนผู้คนให้ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ที่มีพลังบวกมีความสดใสสนุกสนานและมีความกระตือรือร้น นายวิลเฟร็ด ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์  บริษัท คลูก เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด  กล่าวว่า การรีแบรนด์ใหม่นี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับ Klook เราได้เอาชนะอุปสรรคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อมายืนที่จุดนี้ และไม่มีเวลาไหนที่จะดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้วที่จะนำเสนอ Klook ในรูปแบบใหม่ให้ทุกคนได้เห็น ในขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการท่องเที่ยว การรีแบรนด์ครั้งนี้เป็นความมุ่งมั่นของเราที่จะนำความสุขกลับคืนมาสู่ลูกค้าของเราที่คิดถึงความมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยว และเราจะเป็นแอปพลิเคชันคู่ใจสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ

ตอกย้ำจุดยืนในฐานะซุปเปอร์แอปชั้นนำด้านการเดินทางท่องเที่ยว

ความมุ่งมั่นของ Klook ที่จะสร้างและมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานหลากหลายให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้จำนวนผลิตภัณฑ์และบริการของ Klook เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยจากเพียง 100,000 รายการในช่วงปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็น 490,000 กว่ารายการในปี 2564 นอกจากนี้ จำนวนจุดหมายปลายทางยังเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1,000 แห่งในปี 2564 เพื่อปูทางให้กับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ทุกคนคาดหวัง

ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด Klook ได้ปรับแนวทางการดำเนินงานและเน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีกิจกรรมใหม่ๆ เช่น การทำเวิร์กชอป กิจกรรมเที่ยวชุมชน สเตย์เคชัน ล่องเรือและรถเช่า แม้ว่าตลาดส่วนใหญ่ในเอเชียจะมีข้อกำหนดด้านการป้องกันโควิด-19 แต่แนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จว่า มูลค่ารายได้ของ บริษัทฯ ในปี 2564 เอาชนะปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากการท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้น รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานจริงต่อเดือนก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าในช่วงก่อนการแพร่ระบาด และเนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว และมีการผ่อนปรนข้อกำหนดในการเดินทาง ดังนั้น กลยุทธ์ทั้งสองข้อนี้จะช่วยให้ Klook สามารถรักษาจุดยืนในการเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไว้ได้เป็นอย่างดี

เพิ่มบริการเพื่อเปิดประสบการณ์ “โลกแห่งความสนุก” ในการท่องเที่ยวยุคใหม่

ด้วยความเป็นซุปเปอร์แอปสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถค้นหาและจองบริการที่ดีที่สุดในแต่ละจุดหมายปลายทางได้ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Play, Stay และ Move นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอใหม่ๆ เช่น โรงแรมที่พักและสเตย์เคชัน รถเช่า บัตรเข้าชมและบริการอื่นๆ เช่น บริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 และประกันการเดินทาง โดยตัวอย่างบริการการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาทิ

  • Stay+ การพักผ่อนอันน่าทึ่ง: ต่อยอดผลิตภัณฑ์สเตย์เคชันสู่ Stay+ ข้อเสนอ

         แพ็กเกจรวมที่พักและกิจกรรม โดย Stay+ ทำให้ลูกค้าสามารถจองห้องพักในราคาพิเศษที่รวมกิจกรรมต่างๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยว ทัวร์ท้องถิ่น บริการในโรงแรมและอีกมากมาย

  • รถเช่าพาคุณไปได้ทุกที่: ศูนย์รวมตัวเลือกรถเช่าที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก เติบโตมากกว่า 350% ในปี 2564 เทียบกับปีก่อน โดยจะยังคงเติบโตมากขึ้นอีกในปี 2565
  • Klook Pass ความสนุกระดับซุปเปอร์: รวมแพ็กเกจที่ดีที่สุดจากกิจกรรมและบริการที่หลากหลาย โดย Klook Pass จะเป็นบัตรกำนัลพิเศษ All-in-one ในรูปแบบดิจิทัล มอบความประหยัด ความสะดวกสบายและประสบการณ์แบบ All-in-one ครบจบในหนึ่งเดียวให้กับลูกค้า
  • ประกันเพื่อความสบายใจไร้กังวล: Klook ร่วมกับบริษัท ZA Tech เป็นบริษัทแรกที่เปิดตัวประกันที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่ครบครันในหลายตลาดและมุ่งเน้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก โดย AXA และ Chubb เป็นบริษัทประกันสองรายแรกที่ร่วมมือกับ Klook ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ

พัฒนาสิ่งใหม่อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ

Klook มุ่งมั่นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในยุคใหม่ของการท่องเที่ยวและจะทุ่มเทมากขึ้นให้กับการส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อให้พร้อมต่อการท่องเที่ยวในอนาคต

บริษัทฯ ได้เปิดตัว Flickket ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล โดยจะมอบโซลูชันทางเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวสู่โลกดิจิทัลได้เร็วขึ้นและขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลก โดยตั้งแต่ปี 2563 จำนวนผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลมีมากขึ้นถึง 8 เท่า

Flickket จะส่งเสริมผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ดังนี้

  • เตรียมความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่: ด้วย Flickket ผู้ประกอบการจะสามารถใช้งาน “Express Go!” ระบบออฟไลน์เช็กเอาท์แบบไร้สัมผัส ลูกค้ารุ่นใหม่ต้องการประสบการณ์ที่ไร้การสัมผัสตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด แต่ผู้ประกอบการหลายคนไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะสามารถใช้งานโซลูชันเหล่านี้ แต่ด้วยบริการ Flickket ของ Klook จะช่วยสนับสนุนดูแลเรื่องโลจิสติกส์และมอบประสบการณ์การซื้อตั๋วแบบไร้รอยต่อ ไร้สัมผัสและไร้เงินสด ให้กับลูกค้า ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 20 แห่งทั่วเอเชียใช้งาน “Express Go!” แล้ว
  • เพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ: ระบบของเราที่ผสานเข้ากับ Things-to-Do ของ กูเกิลและแอปพลิเคชัน Grab ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงลูกค้าประเภทต่างๆ ได้มากขึ้น ผู้ประกอบการยังสามารถเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกผ่านเครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเรา เช่น OTA สายการบินและอื่นๆ

นายอีริค น็อก ฟาห์ กล่าวสรุปว่า วันที่ยิ่งใหญ่กว่า สดใสกว่าและดีกว่าสำหรับพวกเราและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังจะมาถึงแล้ว รอคอยพบกับ Klook รูปแบบใหม่ที่จะตอบโจทย์การท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันนี้ได้เลย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'I LAN YOR - เกาะยอทอวิถี' คว้ารางวัลชนะเลิศ นวัตกรรมท่องเที่ยว อพท. ปี 2024

อพท. จัดการแข่งขันนวัตกรรมระดับชาติ Sustainable Tourism Innovation 2024 เสริมสร้างศักยภาพคนรุ่นใหม่ 2 ทีมสุดครีเอต 'I LAN YOR' - 'เกาะยอทอวิถี' คว้ารางวัลชนะเลิศ

'คารม' เผยผลมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวรัฐบาลดัน ทอท. กำไรพุ่ง 118.21%

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัว “ตู้ห่วงใย” สานต่อนโยบาย

รองโฆษกรัฐบาล เผยตัวเลขชี้ท่องเที่ยวไทยคึกคัก

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2567)  มีนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล