ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chula UTC) ติดปีกปั้นสตาร์ทอัพสาย Deep Tech ด้าน AI และ Medtech ไทย ชูความสำเร็จ และผลงานสุดล้ำจากนวัตกรไทยในงาน UTC Demo Day

ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ Chulalongkorn University Technology Center (UTC) ศูนย์บ่มเพาะ และเร่งสปีดนวัตกรรมจากเทคโนโลยี Deep Tech เพื่อผลักดันงานวิจัยให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริหารที่สามารถตอบโจทย์ และสร้างประโยชน์แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติ เผยความสำเร็จการจัดงาน UTC Demo Day ประจำปี 2564 ชูผลงานนวัตกรรมเด่นด้าน AI และ MedTech จาก 15 ทีมสุดเจ๋งที่มีศักยภาพเพื่อก้าวสู่การเป็น Deep Tech Startups ของประเทศไทยในอนาคต พร้อมจัดบูธออนไลน์แสดงผลงานที่โดดเด่นด้าน AI และ MedTech อีกกว่า 30 ผลงาน และกิจกรรม Business Matching กับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน   โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ และวิทยากรชั้นนำระดับนานาชาติมาร่วมให้มุมมอง แนวคิด แบ่งปันองค์ความรู้ และประสบการณ์ด้าน Deep Tech แก่ผู้ที่ร่วมงานแบบเจาะลึก

อาจารย์ ดร.ศันธยา กิตติโกวิท ผู้อำนวยการศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า หลายประเทศเผชิญกับการดิสรัปของเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คน และถูกนำมาปรับใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ แก้ไขข้อบกพร่อง เพิ่มประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่ให้เดินหน้าต่อไปได้แบบติดสปีด UTC Demo Day เป็นการรวมสุดยอดนวัตกรรมที่เป็นผลงานวิจัยจากเทคโนโลยีเชิงลึกจากนวัตกรไทยมาไว้ในที่เดียว และตอบโจทย์การเป็น Gateway ที่เชื่อมนักพัฒนาและนักลงทุนมาไว้ด้วยกัน ก่อเกิดเป็นเครือข่ายที่ทรงพลัง และสามารถต่อยอดให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และออกสู่ตลาดได้จริง เสริมสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ และเพิ่มมูลค่าให้องค์กรได้ในทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมไทยให้อย่างยั่งยืน

ดร.ประวีร์ เครือโชติกุล หัวหน้าศูนย์ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สำหรับงาน UTC Demo Day ในปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากพันธมิตรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน มีผู้เข้าร่วมงานผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมากจากหลากหลายวงการ ทั้งนักวิจัย นักวิชาการ หน่วยงานราชการ องค์กรเอกชนชั้นนำ นักลงทุน ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ บริษัทสตาร์ทอัพ สมาคมการค้า สถานศึกษา และนักเรียนนักศึกษา อาทิ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด, โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ, ทรู คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), เครือเบทาโกร, LINE MAN, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เป็นต้น โดยมุ่งหวังที่จะเป็นเพชรเม็ดงามที่น่าสนใจ และมีศักยภาพในการนำมาต่อยอดสู่การเป็นธุรกิจ Deep Tech Startup ในอนาคต

“จากความสนใจ และการตอบรับร่วมงานขององค์กรขนาดใหญ่ทั้งใน และต่างประเทศ ประกอบกับผลการวิจัยในหัวข้อ Thailand Digital Technology Foresight 2035 ที่ทำร่วมกันระหว่าง Frost & Sullivan และ depa ที่คาดการณ์ว่า มูลค่าของตลาด AI ในประเทศไทยจะแตะแสนกว่าล้านบาท ภายใน 8 ปีข้างหน้า และมีโอกาสสูงถึงเกือบสองแสนล้าน ภายในปี 2035 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสื่อสาร, โทรคมนาคม, สุขภาพ, เมืองอัจฉริยะ และความมั่นคงของประเทศ รวมไปถึง Krungsri Research 2020 ที่เผยว่า ตลาด MedTech ของประเทศไทยในปัจจุบันมีมูลค่าราว ห้าหมื่นล้านบาท และคาดจะโตเฉลี่ยราว 6.5% โดยมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการด้านเครื่องมือทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการวินิจฉัยโรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง จึงเป็นเสียงสะท้อนที่ชัดเจนถึงเทรนด์ และแนวโน้มการเติบโตของ AI และ MedTech ในประเทศไทยว่า มี Demand ในตลาดมาก และสามารถขยายตัวไปได้อีกไกล”

สำหรับ 15 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกให้นำเสนอผลงานกับนักลงทุน และองค์กรชั้นนำ อาทิ DeepGI ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการระบุติ่งเนื้อในการตรวจลำไส้ใหญ่จากกล้องส่องภายใน, Chest X-Ray Interpreter ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการอ่านผลภาพเอ็กซ์เรย์ทรวงอกอัจฉริยะ, KRx ชุดทดสอบกลิ่น, Pass  อุปกรณ์เสริมเพื่อการอัลตราซาวด์หาตำแหน่งในการเจาะน้ำไขสันหลัง เป็นต้น

“เราจะเป็นหน่วยงานที่ผลักดันนวัตกรรมไทยจากเทคโนโลยีเชิงลึกอย่างจริงจัง ขับเคลื่อน Deep Tech Startup ให้เกิดขึ้นจริง และสามารถผลักดันผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ตอบรับและตอบโจทย์ความท้าทายต่างๆ ระดับประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้เจริญก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป”  ดร.ประวีร์ เครือโชติกุล กล่าวทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เหรียญที่มีสองด้านของ AI ในสังคมไทย

ประเทศไทยมีการเติบโตด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ บริการและในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆอันนำไปสู่ปัญหาของสังคมเช่น

'เพ็ญแข' ไม่หวั่นทัวร์ลง ปูดมีคนใช้ AI เขียนด่า เล่นสนุกในการทำสงครามกันอยู่

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วงทัวร์ลงแบบนี้ ผมได้ความรู้ว่ามีคนที่ใช้ AI

ทรูบิสิเนส ผนึกกำลังอินเทล ใช้เครือข่าย 5G ผสาน AI พัฒนาบริการสุขภาพ

ทรูบิสิเนส ผู้นำบริการสื่อสารและดิจิทัลโซลูชันครบวงจรสำหรับลูกค้าธุรกิจ ร่วมกับ อินเทล ผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ทรานสฟอร์มอุตสาหกรรมสาธารณสุขไทยสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ดึงพลังเครือข่ายทรู 5G ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำของอินเทล เปิดตัว 7 โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Smart Healthcare) ครอบคลุมทั้งการวินิจฉัยและรักษา ฟื้นฟูดูแล และการจัดการข้อมูลทางการแพทย์ในโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในประเทศไทย พลิกโฉมบริการสาธารณสุขไทยยุคใหม่