'วันซี้นโลก' ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของทุ่งกุลาร้องไห้ แห่งเมืองสาเกตุนคร

งาน 'วันซี้นโลก' (วันเนื้อโลก) 

ร้อยเอ็ด 0 วันที่ 21 มีนาคม 2568  เมืองเกินร้อยได้ก้าวเข้าสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการ เนื้อพรีเมียมระดับประเทศ ด้วยการจัดงาน “วันซี้นโลก” (วันเนื้อโลก) ซึ่งไม่เพียงเป็นงานที่เฉลิมฉลองความสำเร็จของการพัฒนาเนื้อโคไทยโดยชุมชน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศศักดาให้โลกได้รู้ว่า “คนทุ่งกุลาร้องไห้” พร้อมจะเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดเนื้อพรีเมียมระดับโลก  จึงถือเอา วันที่ 21 มีนาคม นับจากนี้ไป ของทุกปีเป็น “วันซี้นโลก” (วันเนื้อโลก) 

จุดเริ่มต้นของ “วันซี้นโลก”

เนื้อโคพรีเมียมจากทุ่งกุลาร้องไห้

“วันซี้นโลก” ถือกำเนิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของชาวบ้าน เครือข่ายโคเนื้อทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์และความภาคภูมิใจให้กับเนื้อโคไทย โดยเฉพาะเนื้อโคพรีเมียมจากทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ได้รับการพัฒนาจนมีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยมีหลายหน่วยงานให้การสนับสนุน อาทิ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช.  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด ฯลฯ

เปิดงาน 'วันซี้นโลก' (วันเนื้อโลก) 

งานนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงความสำเร็จของโครงการ “สาเกตุบีฟ” (Saket beef) แต่ยังเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงเครือข่ายโคเนื้อ เครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกกผักปลอดสาร หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน  เพื่อขับเคลื่อนเนื้อโคไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก โดยมี นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในการเปิดงานฯ พร้อมด้วยหน่วยงานภาคีทั้งในและนอกจังหวัดร้อยเอ็ด เครือข่ายองค์กรชุมชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน กว่า 150 คน ณ ยุนาคาเฟ่ บ้านสำราญ ตำบลหนองแคน อำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด

นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ 

นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า  โครงการ ‘สาเกตุบีฟ’ ไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ แต่คือการสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยมีรายได้ที่มั่นคง และทำให้ร้อยเอ็ดกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเนื้อโคพรีเมียมที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

ทุ่งกุลาร้องไห้จากความแห้งแล้งสู่แหล่งผลิตเนื้อพรีเมียม

ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.6 ล้านไร่ ในจังหวัดร้อยเอ็ด เคยเป็นพื้นที่ที่ถูกมองข้ามเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง แต่ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสมและอาหารจากธรรมชาติ ทุ่งกุลาร้องไห้กลับกลายเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงโคที่มีศักยภาพสูง  โครงการ “สาเกตุบีฟ” ได้เข้ามาพัฒนามาตรฐานการเลี้ยงโคด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และยกระดับกระบวนการแปรรูปให้ได้มาตรฐานระดับโลก ทำให้ทุ่งกุลาร้องไห้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเนื้อโคพรีเมียมที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

“กุลาบีฟ”เนื้อพรีเมียมที่สร้างรสชาติเฉพาะ

ห้องควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตฐานแบรนด์ 'กุลาบีฟ' (Kula beef)

แบรนด์ “กุลาบีฟ” (Kula beef) เป็นผลผลิตจากเครือข่ายโคเนื้อทุ่งกุลาร้องไห้ ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้พัฒนาสายพันธุ์โค เนื้อโคพรีเมียมจากทุ่งกุลาร้องไห้มีคุณสมบัติโดดเด่นที่สร้างความแตกต่างให้กับวงการตลาดเนื้อในทุกระดับ

  • เนื้อนุ่ม ฉ่ำลิ้น รสชาติเข้มข้น: เนื้อโคจากทุ่งกุลาร้องไห้มีรสชาติเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่
  • พัฒนาสายพันธุ์คุณภาพสูง: ใช้นวัตกรรมพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อให้ตรงกับความต้องการของตลาด
  • ระบบการเลี้ยงที่ทันสมัย: มีการจัดการฟาร์มด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอนการผลิต
  • เพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป: จากเนื้อโคสดสู่ผลิตภัณฑ์พร้อมทาน เช่น สเต็กและวากิว ที่เพิ่มมูลค่าขึ้นถึง 200%

เนื้อโคสดสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูป

สาเกตุบีฟ: โครงการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจร้อยเอ็ด

โครงการ “สาเกตุบีฟ” ไม่เพียงแต่พัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ แต่ยังสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยมีรายได้ที่มั่นคง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ พัฒนาเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร เตรียมความพร้อมให้เกษตรกรในการปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงโค ยกระดับมาตรฐานฟาร์มโคเนื้อ สนับสนุนให้เกษตรกรเลี้ยงโคคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มรายได้ สนับสนุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์พัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อโคพรีเมียม เช่น สเต็กเนื้อวากิว สร้างระบบตลาดแบบครบวงจร เชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างช่องทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ประชาสัมพันธ์และสร้างแบรนด์  ทำให้ “กุลาบีฟ” เป็นที่รู้จักในระดับสากล

สเต็กเนื้อวากิว 'กุลาบีฟ'

ความหวังใหม่ของเกษตรกรทุ่งกุลาร้องไห้

นายสว่าง สุขแสง 

นายสว่าง สุขแสง ประธานเครือข่ายโคเนื้อทุ่งกุลา กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นว่า เมื่อก่อนเราขายวัวได้แค่ราคาตลาดตามราคานายฮ้อย แต่วันนี้เราได้รับการยกระดับด้วยนวัตกรรม ทำให้เรามีระบบการบริหารจัดการที่ดีขึ้น มีการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ และสร้างแบรนด์ใหม่ ซึ่งทำให้โคเนื้อของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้น โครงการ “สาเกตุบีฟ” ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้น 50,000 - 80,000 บาทต่อปี แต่ยังสร้างระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและเงินหมุนเวียนในระบบสูงถึง 30 ล้านบาทต่อปี

จากทุ่งกุลาสู่โต๊ะอาหารระดับโลก

มะเขือเทศปลอกสารพร้อมทานจากเครือข่ายฯ 'กุลาบีฟ'

การเปิดตัว “กุลาบีฟ” ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่าไทยสามารถผลิตเนื้อโคคุณภาพสูงได้เทียบเท่ามาตรฐานสากล แต่ยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับเกษตรกรไทย ที่จากเดิมเป็นเพียงผู้ผลิต วันนี้พวกเขากลายเป็นเจ้าของแบรนด์เนื้อโคพรีเมียมของประเทศไทย ที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก

“สาเกตุบีฟ ไม่ใช่แค่เนื้อวัว แต่คือโอกาสของเกษตรกร และความภาคภูมิใจของจังหวัดร้อยเอ็ด!”

“วันซี้นโลก” คือจุดเริ่มต้นแห่งประวัติศาสตร์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทุ่งกุลาร้องไห้ไม่ใช่แค่ดินแดนแห่งความแห้งแล้ง แต่คือแหล่งผลิตเนื้อพรีเมียมที่กำลังก้าวสู่เวทีโลก

โอมากาเสะ 'ซอยจุ๊กุลาบีฟ'

**************

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกกระทรวงเกษตรฯ มอบโค-กระบือ ให้เกษตรกรร้อยเอ็ด เพื่อใช้เป็นแรงงาน เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

ที่ลานชุมชน หมู่ที่ 9 หนองตาไก้ อำเภอโพธิ์ัชัย จังหวัดร้อยเอ็ด นายเอกภาพ พลชื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายเอกรัตน์

“วราวุธ” กำชับ ทีม ศรส.-พม. ร้อยเอ็ด เร่งช่วยปู่ย่า จัดสวัสดิการสังคม เลี้ยงดูหลานเล็ก 3 คน

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. รายงานกรณี ปู่ย่าประกาศตามหาลูกสะใภ้ ภายหลังหนีออกจากบ้านโดยที่ทิ้งลูกเล็ก 3 คน

'วราวุธ-อนุรักษ์' กราบ หลวงพ่อต้อม วัดท่าสะแบง หนุน พม. ชู วัด-บ้าน-ราชการ ยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง หนุน ยุว อพม. พลังคนรุ่นใหม่ พัฒนาสังคมไทย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ณ วัดท่าสะแบง อำเภอทุ่งเขาหลวง เพื่อเป็นประธานเปิดโครงการ “เสริมพลังวัดพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ท่าสะแบง Model”

'ชาวบ้านทุ่งกุลา' ยื่นฟ้องศาลปกครองฝังกลบโรงงานน้ำตาล

เครือข่ายฅนฮักทุ่งกุลา จังหวัดร้อยเอ็ด เดินหน้าฟ้องศาลปกครองอุบลราชธานี ยกเลิกสิทธิตั้งโรงงานน้ำตาล– คว่ำอีไอเอฉบับเดิมที่ขาดการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

อิ๊งค์ฝันปท.สีขาวไร้ยาเสพติด

"นายกฯ อิ๊งค์" ฟิตลงพื้นที่ร้อยเอ็ด สั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติด ยกเป็นวาระแห่งชาติ รอวันหมดไปจากประเทศ เผยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยเรื่องนี้เป็นพิเศษ