“รมว.นฤมล”ยกระดับรายได้ “เกษตรกร” ด้วยเกษตรมูลค่าสูง ประสาน “ทูตเกษตร” ตั้งเป้าส่งออกสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มเป็น 1.9-2 ล้านล้านบาท

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ภายใต้การบริหาร เราได้ให้ความสำคัญและดำเนินการต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 2 เรื่องสำคัญ ตั้งแต่ในช่วงที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ เกษตรมูลค่าสูงและเกษตรยั่งยืน ซึ่งในปีนี้เราเดินหน้าในการเพิ่มสินค้าเกษตรมูลค่าสูง

โดยให้เกษตรกรเล็งเห็นถึงโอกาสและความสำคัญ หากมีพื้นที่เหมาะสมก็สามารถหันมาเพาะปลูกได้ เช่น กาแฟ ถั่วเหลือง โกโก้ โดยเราพร้อมสนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุปทานไปจนถึงช่องทางการจำหน่าย ซึ่งเราพร้อมประสานกับหน่วยงานอย่างกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานทูตเกษตรที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกต่อไป

ศ.ดร.นฤมล กล่าวอีกว่า เมื่อดูรายได้เกษตรกรในปัจจุบันแล้วจะพบว่า เกษตรกรมีรายได้อยู่ 2 ช่องทาง คือ รายได้จากภาคการเกษตรอยู่ที่ 2.2 แสนบาทต่อปี และรายได้นอกภาคการเกษตรกว่า 2 แสนบาทต่อปี แต่รายได้จากภาคการเกษตร มีเรื่องของต้นทุน ดังนั้น รายได้สุทธิจะอยู่ที่ 89,000 บาทต่อครัวเรือน ทำให้เราเล็งเห็นว่าจำเป็นจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรเพื่อให้ “กินดีอยู่ดี”

สำหรับภารกิจสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะการดูแลพี่น้อง เกษตรกร ตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งเราให้ความเป็นห่วงและความสำคัญมาก ในช่วงที่ผลผลิตสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดเป็นปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา ผลไม้ เป็นต้น สำหรับผลผลิตยางพารา ซึ่งเบื้องต้นได้มอบนโยบายให้กับการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ทำโครงการสินเชื่อชะลอการขาย เพื่อจะดูดซับซัพพลายที่จะออกสู่ตลาด เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคายางพาราตกต่ำ

ส่วนสินค้าข้าว กระทรวงเกษตรฯสนับสนุนนโยบายของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ทำโครงการสินเชื่อชะลอการขาย สินเชื่อในการรวบรวมสินค้าข้าว ซึ่งโครงการเหล่านี้ล้วนเป็นการดูแลซัพพลายไม่ให้ออกสู่ตลาดจนเกินไป

ศ.ดร.นฤมล กล่าวสรุปว่า สำหรับสินค้าเกษตรไทยภาพรวมส่งออกในปี 2567 ที่ผ่านมามีมูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกผลสด มูลค่า 1 ล้านล้านบาท ส่วนสินค้าเกษตรแปรรูป มีมูลค่า 8 แสนล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 7.5% และในช่วง 3 ปีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังคงอันดับ 1 ของตลาดการส่งออก รองลงมา คือ ญี่ปุ่น สหรัฐ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย และเชื่อว่าในปี 2568 นี้โอกาสที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร จะเพิ่มขึ้น 1.9-2 ล้านล้านบาท ก็คาดหวังว่าเราน่าจะทำได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินหน้าโครงการส่งเสริมเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร เน้นพัฒนากลุ่มเป้าหมายเดิม พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ ครอบคลุมสินค้าเกษตร 5 ประเภท

การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรด้วยการส่งเสริม “เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น” ถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การนำของ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

สศก. จัดงานสถาปนา ครบรอบ 46 ปี ปลดล็อกเกษตรไทย สร้างโอกาสใหม่ให้เกษตรกร

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 46 ปี วันคล้ายวันสถาปนา สศก.

กษ. เตรียมมอบโฉนดต้นยาง 1 เม.ย.นี้ ชู เพิ่มมูลค่ายางกว่า 500,000 ล้าน ผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้า 11 ล้านไร่ทั่วประเทศ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมจัดพิธีมอบโฉนดต้นยางพารา 1 เม.ย.นี้ ตั้งเป้า 11 ล้านไร่ภายในปีนี้  เตรียมชงรัฐบาลผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ

“รมว.นฤมล” หารือ รมต.จีน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้การบริหารการจัดการน้ำระหว่างกัน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มี รายได้เพิ่มขึ้น

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ นายหลี่ กั๋วอิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (H.E. Mr. Li Guoying) โดยมี นายพรเทพ ศรีธนาธรผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ม็อบปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด เทปลาหน้าทำเนียบ หลังนายกฯไม่ออกมารับข้อเรียกร้อง

เครือข่ายประชาชน 19 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ นัดรวมตัวกันบริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบหาผู้กระทำกระทำความผิด