เด็กไทยป่วยซึมเศร้าทะลุ 2,200 คน ต่อประชากรแสนคน เสี่ยงทำร้ายตัวเอง 17.4% ซ้ำเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพจิต

ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานพลังภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน จัดกิจกรรม “ดูแลวัยเด็กด้วยศิลปะด้านใน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2568” ภายใต้โครงการโมเดลวิทยากรต้นแบบศิลปะด้านในเชิงลึกเพื่อขยายชุมชนการเรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะเด็กก่อนวัยรุ่น เปิดพื้นที่ให้เด็ก เยาวชน พ่อแม่ และผู้ดูแลเด็กได้เรียนรู้ศิลปะด้านใน ส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการดีสมวัย เพิ่มความผูกพันในครอบครัว และสร้างแรงบันดาลใจในการนำองค์ความรู้ศิลปะไปใช้สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับเด็ก ครอบครัว และชุมชน

น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนไทยยังคงเป็นปัญหาใหญ่และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากรายงานการสังเคราะห์ชุดนโยบายสุขภาพจิตของประชากรชาวไทยภายใต้บริบทหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2567 โดย สสส. และศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ มีการเพิ่มขึ้นจาก 6.11 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2560 เป็น 7.94 ในปี 2566 โดยกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี พยายามฆ่าตัวตายมากที่สุด คิดเป็นอัตรา 116.8 คนต่อประชากรแสนคน สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวชที่ประเมินว่า มีเยาวชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจพบอาการซึมเศร้าสูงถึง 2,200 คนต่อประชากรแสนคน นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กและเยาวชนเข้าถึงบริการสุขภาพจิตได้ยาก เพราะจำเป็นต้องใช้จิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั้งประเทศมีเพียง 295 คน และกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว 1 ใน 3 ของจำนวนจิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั้งหมด

“เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2568 สสส. ร่วมกับภาคีขับเคลื่อนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชนจัดกิจกรรม ดูแลวัยเด็กด้วยศิลปะด้านใน เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้เด็กและเยาวชนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผ่านการใช้กระบวนการศิลปะ เช่น การเล่านิทาน การวาดภาพระบายสี และการจัดดอกไม้ ในขณะที่ทำงานศิลปะ เด็กจะได้พบความเบิกบาน ความงดงาม และความสงบในใจ ได้ทบทวนและมีสมาธิอยู่กับตัวเอง ผู้ปกครองที่เข้าร่วมจะได้รับองค์ความรู้ ได้สัมผัสสุนทรียะของศิลปะ สำหรับใช้ส่งเสริมศักยภาพและสร้างพัฒนาการของเด็กได้เหมาะสมตามช่วงวัย และผู้ทำงานด้านเด็กจากทั่วประเทศ จะได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนเครื่องมือศิลปะด้านในเพื่อการจิตใจและจิตวิญญาณที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยและเด็กในวัยเรียน พร้อมเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับ บุคคล ครอบครัว พร้อมขยายผลสู่ชุมชน และสังคม สร้างโอกาสให้เด็กมีสุขภาวะที่ดีอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป” น.ส.ณัฐยา กล่าว

นายอนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี หัวหน้าโครงการโมเดลวิทยากรต้นแบบศิลปะด้านในเชิงลึกเพื่อขยายชุมชนการเรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะเด็กก่อนวัยรุ่น กล่าวว่า เด็กและเยาวชนไทยปัจจุบันถูกคาดหวังให้สมบูรณ์แบบ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ให้ความสนใจเฉพาะเรื่องวิชาการ ขาดทักษะการเลี้ยงลูกและระบบการศึกษาไม่รักษาความเป็นธรรมชาติของวัยเด็ก ส่งผลให้เด็กขาดอิสระ เกิดความเครียดสะสม กระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต จากรายงานผลสำรวจข้อมูลกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี 503,884 ราย โดยกรมสุขภาพจิต ผ่านแอปพลิเคชัน Mental Health Check-in ระหว่างเดือน ก.พ. 2565-ต.ค. 2567 พบเด็กเสี่ยงทำร้ายตนเอง 17.4% เสี่ยงป่วยซึมเศร้า 10.28% การจัดกิจกรรม ดูแลวัยเด็กด้วยศิลปะด้านใน ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. จัดขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการสร้างการเรียนรู้สําหรับเด็กไทยอย่างเป็นองค์รวม สอดคล้องกับแนวคิดการสร้างสุขภาวะองค์รวม โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่เพียงแค่ส่งเสริมสุขภาพร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจและจิตวิญญาณด้วย

“ภายในงานมีกิจกรรม 4 โซนไฮไลท์ 1.โซนกิจกรรมวงกลมยามเช้า (Morning Circle) เป็นการละลายพฤติกรรม ให้เด็กและผู้ปกครองเกิดการรวมใจเป็นหนึ่งเดียวด้วยบทกลอน และเสียงเพลง 2.โซนเล่านิทานเสริมสร้างจินตภาพ ฟังการเล่านิทานจากผู้เชี่ยวชาญ ช่วยส่งเสริมให้เด็กมีจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด 3.โซนสีขี้ผึ้งธรรมชาติ ชวนน้องๆ วาดภาพด้วยสีขี้ผึ้งจากธรรมชาติ เน้นส่งเสริมจินตภาพ และรักษาความเป็นอิสระในวัยเด็ก 4.โซนดอกไม้จัดใจคน ส่งเสริมให้เด็กได้จัดดอกไม้ตามจินตนาการ ส่งเสริมในเรื่องการมีอิสระด้านความคิด โดยไม่ถูกตีกรอบจากผู้ใหญ่ ทั้งนี้ สำหรับผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กที่สนใจนำเครื่องมือศิลปะด้านในจิตใจและจิตวิญญาณไปใช้ขับเคลื่อนงานเพิ่มทักษะชีวิต ทักษะสุขภาพ และส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมในเด็ก เยาวชน และครอบครัว ติดตามรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ศิลปะด้านใน” นายอนุพันธุ์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมกิจการเด็กและเยาวชน จับมือ มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว-สสส. จัดเสวนาสะท้อนปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 68 เสริมแกร่งความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิเด็ก

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ม.ค. 2568 ที่โรงแรมแมนดาริน กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วยมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ชี้คนไทย"พร่อง"กิจกรรมทางกาย สสส.รณรงค์สร้างสุขกระฉับกระเฉง

โรคไม่ติดต่อ (NCDs) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 เฉลี่ย 3 แสนคนต่อปี คิดเป็น 75% ของสาเหตุการตายทั้งหมด ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูง

รณรงค์ "กินให้หมดจาน" 50ร้านต้นแบบช่วยลดขยะ

รู้หรือไม่?!?..... มีสถิติระบุว่า ขยะอาหารโลกพุ่งกว่า 1 พันล้านตัน ภาพขยะกองสูงเป็นภูเขาที่รอฝังกลบ กว่าครึ่งคือขยะอาหาร คนไทยเพียงคนเดียวผลิตขยะสูงลิ่ว 146 กก./คน/ปี

“รองนายกฯ ประเสริฐ” สั่งเดินหน้าคุมเข้มลดเจ็บ-ตายปีใหม่ เฝ้าระวัง “นักซิ่งเยาวชน” หลังพบดื่มแล้วขับ “เจ็บ-ตาย” เฉลี่ยชั่วโมงละ 3 คน เล็งเชื่อมข้อมูลทำระบบ “ใบสั่งออนไลน์”

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

"สิทธิในอาหาร..เพื่อชีวิตที่ดี" ทุกภาคส่วนต้องร่วมผลักดัน

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำหนดให้วันที่ 16 ต.ค.ของทุกปี เป็นวันอาหารโลก (World Food Day) เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงสิทธิในอาหาร