เมื่อ “ Made in Thailand ” คือความสำเร็จของโรงงานผลิตนาฬิกา ORIENT ในประเทศไทย

จากซ้าย: คุณยุทธพล ตันติวงษากิจ, คุณวราภรณ์ ตันติวงษากิจ, คุณคม สัจจวโรดม, Mr. Masashi Hayashi, Ms. Yuki Yaguchi, Mr. Jun Morofushi

ORIENT Manufacture Visit 2024

ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้บริหารแบรนด์นาฬิกา ORIENT นำโดย คุณมาซาชิ ฮายาชิ (Mr. Masashi Hayashi) Executive Officer, Wearable Products Operations Division, Seiko Epson Corporation ประเทศญี่ปุ่น และ คุณยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทสหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด พร้อมคุณคม สัจจวโรดม ผู้จัดการสินค้าแบรนด์ ORIENT และคณะ ได้มีโอกาสต้อนรับคณะสื่อมวลชน, ยูทูบเบอร์, KOL, ตัวแทนห้างสรรพสินค้า และร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งได้ให้เกียรติเดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตนาฬิกา เอปสัน (EPSON) แห่งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดย EPTH (EPSON THAILAND) ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2013 และโรงงานผลิตนาฬิกาก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมดคือ 48,804 ตารางเมตร ควบคุมการผลิตภายใต้มาตรฐานคุณภาพของเอปสันแบบเดียวกันทั้งหมด โดยมีสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นถ่ายทอดมาตรฐานคุณภาพ กฎระเบียบด้านเทคโนโลยี และวิธีการผลิตไปยังฐานการผลิตแต่ละแห่งทั่วโลก สำหรับประเทศไทย จากการเปรียบเทียบและประเมินฐานการผลิตของเอปสัน โดยพิจารณาการจัดหาชิ้นส่วนและการขนส่ง จึงตัดสินใจว่า EPTH เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและได้เลือกบริษัทดังกล่าว นอกจากนี้ ความไว้วางใจที่มีต่อคนไทยจากประสบการณ์อันยาวนานของ EPTH ในธุรกิจยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้อีกด้วย และสำหรับพนักงานคนไทยเมื่อเข้าทำงานในบริษัท พนักงานทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน EPSON หลังจากนั้น พนักงานจะได้เรียนรู้หลักปฏิบัติผ่านเอกสารมาตรฐานการทำงานที่ระบุขั้นตอนและประเด็นสำคัญสำหรับงานที่ได้รับมอบหมายแต่ละงาน จากนั้นพนักงานจะได้รับทักษะและประสบการณ์ผ่านการฝึกอบรมในงาน (OJT) เฉพาะพนักงานที่แสดงให้เห็นถึงทักษะที่ได้มาในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งได้รับการรับรองจากการสอบรับรองทักษะ จึงจะได้รับอนุญาตให้ทำงานในสายการผลิตได้

ปัจจุบันนี้แบรนด์นาฬิกา ORIENT ได้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ SEIKO EPSON CORPORATION ที่ดูแลในส่วนของแบรนด์นาฬิกา ORIENT และ ORIENT STAR โดยมี บจก.สหกรุงทอง (UKT) เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นาฬิกาทั้งสองอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และในปัจจุบันได้มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด รวมทั้งเคาน์เตอร์แบรนด์นาฬิกาทั้งสอง ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเช่นกัน

ซึ่งในการเยี่ยมชมครั้งนี้ทางผู้บริหารแบรนด์นาฬิกา ORIENT ได้จัดงาน “Pride of Thai Proud to be Orient” ขึ้นเพื่อเลี้ยงรับรองแขกผู้มีเกียรติ และคณะสื่อมวลชนทั้งหมดในตอนค่ำอีกด้วย ท่ามกลางบรรยากาศภายในงานที่เต็มไปด้วยความสดชื่นและมีมิตรภาพที่ดี โดยมีคุณยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด และ คุณมาซาชิ ฮายาชิ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ขึ้นกล่าวเปิดงาน และกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานทุกคนด้วยความยินดี โดยในตอนท้ายทางคุณคม สัจจวโรดม ผู้จัดการสินค้าแบรนด์ ORIENT ได้กล่าวเชิญ ดร.ปราโมทย์  เหรียญเจริญสุข ขึ้นมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษเพื่อร่วมพูดคุยกันบนเวทีถึงจุดเริ่มต้นของความชื่นชอบในนาฬิกา ORIENT โดยทั้งสองท่านก็ได้กล่าวสรุปถึงแบรนด์นาฬิกา ORIENT ไว้ดังนี้ “นาฬิกาโอเรียนท์มีหลายรุ่นที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น Bambino, Sunandmoon, Diver Design แต่ละรุ่นจะมีดีไซน์คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน เริ่มจากซีรี่ส์ซันแอนด์มูน แน่นอนว่าจุดเด่นคือ การใช้ฟังก์ชั่นซันแอนด์มูนมาร่วมกับงานดีไซน์ในหลากหลายรูปแบบทั้งรุ่นที่เป็นกระจกซัพไฟร์รุ่นกระจกโดม ส่วนซีรีส์ Diver Design หรือที่หลายคนเรียกว่า มาโก้ (Mako) จะเป็นนาฬิกาในกลุ่มดีไซน์แบบดำน้ำ จะมีหลากหลายดีไซน์ ขนาด และกลไกนาฬิกา ที่มีทั้งออโตเมติกและโซล่าพาวเวอร์ สำหรับ แบมบิโน่ ชื่อทางการคือ Classic and Simple Style แต่แฟนๆ โอเรียนท์เรียกว่า “แบมบิโน่” เอกลักษณ์ของรุ่นนี้จะเป็นกระจกและหน้าปัดแบบโค้ง ก็จะออกมาหลายเวอร์ชั่น รุ่นล่าสุดที่น่าสนใจคือ รุ่นที่มีขนาดตัวเรือน 38 มม. และรุ่นที่มีการนำฟังก์ชั่น “ซันแอนด์มูน” เข้ามาใส่   รวมถึงมีการเลือกใช้สีสันใหม่ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้าใหม่ และทุกๆ รุ่นที่กล่าวมาก็จะอยู่ในไลน์การผลิตทั้งหมดที่ประเทศไทย ตั้งแต่การประกอบเครื่องกลไกต่างๆ จนเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์ประทับตรา “Made in Thailand” เพื่อส่งจำหน่ายไปยังประเทศต่างๆ ในมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น” โดยในช่วงท้ายของการพูดคุย ก็ได้มีการประกาศเซอร์ไพรส์ทุกคนภายในงานด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ! จากคุณคม

“เนื่องจากในโอกาสที่เราจะประกาศเปิดไลน์การผลิตนาฬิกาโอเรียนท์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ  ทางบริษัทสหกรุงทองร่วมกับทางญี่ปุ่นร่วมกันรังสรรค์นาฬิกาในรุ่นพิเศษออกมาถือเพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นความทรงจำครั้งพิเศษกับความเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้ชื่อรุ่น Pride Of  Thailand Limited Edition โดยกำหนดให้มีจำนวนการผลิตในแบบจำกัดที่ 500 เรือนพร้อมหมายเลขประจำเรือนที่สลักบนขอบฝาด้านหลัง พร้อมตราสัญลักษณ์ Pride of Thailand และข้อความ “A NEW MILESTONE OF QUALITY DEFINITION” ที่บ่งบอกได้ถึงความพิเศษสุดในนาฬิกาเรือนนี้”

นาฬิการุ่น Bambino, Pride Of  Thailand Limited Edition

สำหรับการตัดสินใจเลือกรุ่น “แบมบิโน่” มาใช้เป็นรุ่น Thailand Limited นั้นเพราะอยากแสดงเห็นถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์โดยมีสีสันบนหน้าปัดในโทนสีคอปเปอร์ผิวสัมผัสแบบซันเบิร์ด  สื่อให้เห็นถึงแสงยามรุ่งอรุณ ณ ประเทศไทยให้เช้าวันใหม่เต็มไปด้วยความสดใส และแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของแบรนด์นาฬิกาโอเรียนท์ ที่เริ่มต้นในการนำเสนอนาฬิกาที่ออกมาจากฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และยังทำให้นึกไปถึงสีของชาไทยได้อีกด้วยซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อเป็นเอกลักษณ์ของไทย  ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกก็รู้จักและชื่นชอบจนติดอันดับเครื่องดื่มที่มีความอร่อยของโลก  ขนาดตัวเรือนจะอยู่ที่ 38 มม. สามารถใส่ได้ทั้งสุภาพบุรุษและสตรี ช่องหน้าปัดย่อยที่แสดงค่าวินาทีตรงจำแหน่ง 6 นาฬิกาจะเป็นสีซิลเวอร์ (เหมือนน้ำแข็งสะท้อนแสงของน้ำ) สายนาฬิกาจะมีให้แบบสองสาย นาฬิกาจะมาพร้อมสายนูบัค และแบบสายสตีล มาในกล่อง Box Set ที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่  ซึ่งภายในกล่องจะบรรจุทั้งนาฬิกา สายสตีล พร้อมเข็มที่สามารถเปลี่ยนสายได้เอง สามารถเปลี่ยนลุคการใช้งานในแต่ละวัน โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่เรือนละ 13,800 บาท ท่านที่สนใจสามารถ Pre-Order อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ที่โชว์รูมสำนักงานใหญ่ 02-255-8822 หรือ เฟสบุ๊ก Orient Watch Thailand Forum และเคาน์เตอร์ ORIENT ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

ORIENT, Made in Thailand

สำหรับแนวคิดของ SEIKO EPSON ในการย้ายฐานการผลิตนาฬิกา ORIENTจากประเทศญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกนั้น ก็เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของไลน์การผลิตนาฬิกา ORIENT ในทุกคอลเลคชั่นสำหรับจัดจำหน่ายไปทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลิตของโรงงานแห่งนี้ จากการควบคุมคุณภาพอย่างจริงจัง ตามมาตรฐานของโรงงาน EPSON ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้นาฬิกา ORIENT ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นนาฬิกาที่มีคุณภาพระดับโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับแรงงานไทยในระยะยาว และที่สำคัญเป็นการสร้างสกิลชั้นสูงในการผลิตนาฬิกาให้กับแรงงานไทย โดยเฉพาะในนาฬิการูปแบบออโตมาติกที่ต้องใช้ทักษะโดยเฉพาะและความปราณีตสูง ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในฝีมือแรงงานไทยที่มีความสามารถทัดเทียมไปทั่วโลก โดยการผลิตจากโรงงาน EPSON ในประเทศไทยนั้นจะมีข้อความ “Made in Thailand” ระบุไว้ที่ฝาหลังทุกเรือนด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งคำว่า Made in Thailand สามารถบอกความหมายได้ถึงหลายอย่าง และมีความเกี่ยวข้องกับวงการนาฬิกาในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยความที่ประเทศไทยมีแรงงานที่มีคุณภาพ รวมถึงความพร้อมในหลายด้าน จนทำให้เกิดงานที่เกี่ยวข้องกับวงการนาฬิกา ในหลากหลายผลิตภัณฑ์มานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งรวมไปถึงงานด้านการผลิตและประกอบชุดกลไก จนเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบพร้อมส่งออกจำหน่ายทั่วโลก ทั้งภายใต้แบรนด์หรือในแบบโออีเอ็ม แต่ก็ยังไม่เคยมีแบรนด์นาฬิกาใดที่ตั้งฐานการผลิตนาฬิกาทั้งไลน์ได้อย่างครบถ้วนแบบนี้ขึ้นในประเทศไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ซุปเปอร์บอน'แบรนด์แอมบาสเดอร์G-SHOCK สะท้อนไลฟ์สไตล์ ฮีโร่นักสู้ตัวจริง

“ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิ่งแคมป์” เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เฉพาะกาล ได้รับเกียรติให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของแบรนด์นาฬิกาชื่อดัง G-SHOCK รุ่นไอคอนิก G-STEEL GM-2110D Metal Series (จี-สตีล จีเอ็ม-2110ดี เมทัล ซีรีส์) สี Sky Blue (สกาย บลู) ผ่านแคมเปญใหม่ “TOUGH LIKE YOU” (ทัฟ ไลก์ ยู) โดยมีการจัดงานเปิดตัวที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

โอเรียนท์ จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปีแห่งตำนาน Orient Diver Design พร้อมเปิดตัวเรือนเวลารุ่นพิเศษ!

เมื่อเย็นของวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่ผ่านมานาฬิกาโอเรียนท์ (ORIENT) แบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่นได้จัดงานฉลองวาระครบรอบ 20 ปีแห่งนาฬิกาตระกูลซีรีส์ดีไซน์สปอร์ตดำน้ำ

ORIENT จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปี แห่งนาฬิกา ORIENT DIVER DESIGN

ORIENT จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปี แห่งนาฬิกา ORIENT DIVER DESIGN ซึ่งเป็นการจัดงานเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์ ORIENT เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ภายใต้ บริษัท สหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด

ส่อง Rolex Oyster Perpetual เรือนเวลาสุดหรูที่มาคู่กับความสดใส

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อย กี่สิบปี เชื่อว่าในความทรงจำของทุกๆ คน Rolex คงเป็นนาฬิกาที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหรูหรา ความคลาสสิก ดูดีมีระดับ และความเป็นมืออาชีพด้านเวลา ด้วยกลไกเฉพาะ มีความแม่นยำสูง ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และ Storytelling ที่มาพร้อมกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะการดำน้ำลึก ล่องเรือ แข่งรถ เดินทางข้ามทวีป หรือจะไปสำรวจจุดสูงสุดของโลก จึงทำให้ไม่ว่า Rolex ออกมากี่คอลเลกชัน กี่ดีไซน์ใหม่ๆ ก็ยังคงตราตรึงใจเหล่าคนนักนาฬิกาหรู และนักลงทุนอยู่เสมอ อย่างในปี 2020 ที่ผ่านมา Rolex ก็ได้มาพร้อมภาพลักษณ์ใหม่ๆ เน้นความสดใส มีชีวิตชีวาในคอลเลกชัน Rolex Oyster Perpetual ขนาดหน้าปัด 31, 36 และ 41 กับลวดลาย Celebration ที่ใครเห็นต้องใจละลายอย่างแน่นอน

ชวนรู้จัก Rolex Cellini เรือนเวลาทองคำล้ำค่า หนึ่งในรุ่นสุดแรร์ของโรเล็กซ์!

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุค กี่สมัย กี่เจนเนอเรชัน Rolex ก็ยังคงติดท็อปแบรนด์นาฬิกาข้อมือที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและความพรีเมียม ทั้งตัวกลไกมีความแม่นยำสูง การคัดสรรวัสดุเกรดดี มีความคงทน ดีไซน์ตัวเรือนหรูหราโดดเด่น แถมแต่ละคอลเลกชันที่ Rolex