ชุมชนชาวประมงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ/ กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ โดยออกคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตกว่า 9,800 ราย พร้อมทั้งส่งเสริมให้ชุมชน ท้องถิ่น หน่วยงานต่างๆ ร่วมแก้ไขปัญหา โดยยกตัวอย่าง MoU. ระหว่างกรมเจ้าท่า พอช. กระทรวง พม. และ อปท. แก้ไขปัญหาชุมชนรุกล้ำลำน้ำตามโครงการ ‘บ้านมั่นคงในพื้นที่กรมเจ้าท่า’ ที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กว่า 500 ครัวเรือน ขณะที่ พอช.ขยายผลไปยัง 6 จังหวัดอันดามัน เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิต
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ครม.ได้รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอความคืบหน้าผลการดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งรุกล้ำลำน้ำ โดยกรมเจ้าท่าได้ดำเนินการตามแนวทางต่างๆ เช่น การสำรวจจัดทำแผนที่และรายละเอียดสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำทั่วประเทศ ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ดำเนินคดีกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า โดยกรมเจ้าท่าได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาต 9,892 ราย อยู่ระหว่างอุทธรณ์และพิจารณา 5,387 ราย ฯลฯ
ชูบ้านมั่นคงหาดเล็ก ต้นแบบ MoU. แก้ไขปัญหาร่วมกัน
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังรายงานต่อที่ประชุม ครม. เรื่องการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนชน ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาสิ่งรุกล้ำลำน้ำ โดยการจัดทำบันทึกความร่วมมือ (MoU.) เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งรุกล้ำลำน้ำและพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนตามโครงการ ‘บ้านมั่นคงในพื้นที่กรมเจ้าท่า’ ระหว่างกรมเจ้าท่า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เทศบาลตำบลหาดเล็ก องค์กรชุมชนจังหวัดตราด และจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
พิธีลงนามความร่วมมือที่บ้านหาดเล็กเมื่อ 11 ตุลาคม 2561
การลงนามบันทึกความร่วมมือของ 5 หน่วยงานดังกล่าว เป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาชุมชนปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำ เนื่องจากที่ผ่านมามีประชาชน ชุมชน ปลูกสร้างบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำที่กรมเจ้าท่าดูแลอยู่ทั่วประเทศ เช่น ที่ดินริมทะเล ชายฝั่ง แม่น้ำ ฯลฯ ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การทำลายป่าชายเลน น้ำเสีย ขยะจากชุมชน สิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางเดินน้ำ ฯลฯ
ขณะเดียวกันประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยก็ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย การซ่อมแซมบ้านเรือนหรือปรับปรุงสาธารณูปโภคต้องได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับและจำคุก สภาพที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมในชุมชนทรุดโทรม ไม่ถูกสุขลักษณะ
การลงนามดังกล่าวมีสาระสำคัญ เช่น กรมเจ้าท่า อนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยปลูกสร้างอาคารล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่รับผิดชอบของกรมเจ้าท่า และควบคุมการอนุญาตให้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยของพนักงานท้องถิ่นให้อยู่ภายในขอบเขตและเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ควบคุมดูแลการพัฒนาชุมชน การปรับปรุงซ่อมแซมที่พักอาศัย รวมถึงการจัดสาธารณูปโภคในชุมชนมิให้กระทบต่อสภาพแวดล้อมทางน้ำหรือประโยชน์สาธารณะ
ผู้แทนกระทรวงคมนาคมมอบใบอนุญาตสิ่งล่วงล้ำลำน้ำให้ชาวหาดเล็กเมื่อ 11 ตุลาคม 2561
พอช. สนับสนุนการจัดทำข้อมูล ออกแบบ วางผัง วางแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยระบบสาธารณูปโภค สภาพแวดล้อม คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน ฯลฯ อนุมัติงบสนับสนุนการซ่อมแซมบ้านเรือนและสาธารณูปโภคจำนวน 60 ครัวเรือน งบประมาณไม่เกินครัวเรือนละ 50,000 บาท
เทศบาลและชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรมเจ้าท่า ร่วมกันสำรวจข้อมูลผู้อยู่อาศัย จัดกลุ่มตั้งกลุ่มออมทรัพย์ อนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยในพื้นที่รับผิดชอบของกรมเจ้าท่าตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารภายในขอบเขตและเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า จัดระบบป้องกันการขยายพื้นที่เพิ่ม จัดการขยะ น้ำเสีย พัฒนาสภาพแวดล้อมในชุมชน โดยเทศบาลร่วมสนับสนุนบุคลากรและงบประมาณตามแผนพัฒนาท้องถิ่น ฯลฯ
เทศบาลหาดเล็กเดินหน้าพัฒนาชุมชน
นางสาวกิจปภา ประสิทธิเวช นายกเทศบาลตำบลหาดเล็ก กล่าวว่า พื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลหาดเล็กเป็นพื้นที่ราบเชิงเขาแคบๆ ยาวขนานไปกับชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพประมงพื้นบ้าน จึงปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ริมชายฝั่ง บางส่วนปลูกสร้างลงในน้ำ ส่วนใหญ่มีสภาพทรุดโทรมเพราะปลูกสร้างมานาน เสาเรือนแช่น้ำทะเล นานปีก็ผุพัง เมื่อได้รับอนุญาตสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำจากกรมเจ้าท่าตามโครงการ ‘บ้านมั่นคงในพื้นที่กรมเจ้าท่า’ ชาวบ้านจึงเริ่มซ่อมแซมบ้านในช่วงปลายปี 2561 เฟสแรกจำนวน 60 หลัง โดย พอช.สนับสนุนงบประมาณ
“ตอนนี้ 60 หลังแรกซ่อมสร้างเสร็จแล้ว กำลังจะดำเนินการต่ออีกประมาณ 500 หลัง แต่มาติดปัญหาโควิดในช่วงปี 2563-2564 จึงหยุดเอาไว้ก่อน และจะเริ่มซ่อมสร้างต่อในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้ เพราะเป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำทะเลจะลด ทำให้รื้อถอนซ่อมแซมเสาเรือนได้ง่าย แต่จะทยอยทำประมาณ 150-200 หลัง จนกว่าจะแล้วเสร็จ” นางสาวกิจปภาบอกแผนงาน
ชาวหาดเล็กช่วยกันซ่อมแซมบ้าน
เธอบอกว่ารู้สึกดีใจ เมื่อทราบข่าวว่ากรมเจ้าท่าได้รายงานคณะรัฐมนตรีเรื่องการลงนามแก้ปัญหาบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำที่บ้านหาดเล็กซึ่งถือเป็นต้นแบบในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในที่ดินกรมเจ้าท่ามีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง นอกจากนี้ตำบลอื่นๆ ก็ใช้แนวทางของบ้านหาดเล็กไปแก้ไขเรื่องบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำ เช่น ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง
“ดีใจที่เทศบาลและชุมชนได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยจนได้รับการยอมรับ เพราะที่ผ่านมาต้องฝ่าฟันอุปสรรรคและปัญหาต่างๆ มามาก ส่วนการซ่อมสร้างเฟสใหม่ เทศบาลจะสนับสนุนเรื่องการถอดแบบว่าหลังไหนจะซ่อมอะไร ใช้วัสดุอะไรบ้าง โดยใช้งบจาก พอช.หลังหนึ่งไม่เกิน 25,000 บาท และงบสาธารณูปโภคส่วนกลางหลังละ 25,000 บาท เช่น ทางเดิน สะพาน ใช้ช่างชุมชน ใช้ทหารมาช่วยเพื่อประหยัดงบ นอกจากนี้เทศบาลมีแผนสนับสนุนเรื่องการสร้างพื้นที่ส่วนกลาง ปลูกต้นโกงกาง ดูแลป่าชายเลน จัดการขยะ น้ำเสีย ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ทำให้ชุมชนน่าอยู่ และหลังโควิดก็จะทำเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนต่อไป” นายกเทศบาลตำบลหาดเล็กกล่าว
พอช.ต่อยอดแก้ปัญหาชุมชนชายฝั่งทะเลอันดามัน 6 จังหวัด
อย่างไรก็ตาม นอกจากการแก้ไขปัญหาชุมชนรุกล้ำลำน้ำในพื้นที่กรมเจ้าท่าที่บ้านหาดเล็ก จ.ตราด ดังกล่าวแล้ว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ พอช.ยังมีแผนงานการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน
นายธีรพล สุวรรณรุ่งเรือง ผู้อำนวยการ ‘โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดพื้นที่อันดามัน 6 จังหวัด’ กล่าวว่า พื้นที่อันดามันภาคใต้ 6 จังหวัด คือ ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง กระบี่ และสตูล รวม 29 อำเภอ 139 ตำบล มีชุมชนผู้มีรายได้น้อย ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินทั้งในเมืองและชนบทเป็นจำนวนมาก และมีชุมชนที่อาศัยและกินในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่า ป่าชายเลน กรมเจ้าท่า ที่ดินรัฐ และเอกชนประเภทอื่น ๆ อีกมากมาย
“ที่ผ่านมารัฐหรือหน่วยงานที่ดินในเขตป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหาแนวทางการแก้ไขและผ่อนปรนการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชน เกิดแนวทางและรูปธรรมการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยของประชาชนในหลายพื้นที่ เช่น การอนุญาตให้อยู่อาศัยและทำกิน พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ควบคู่กับการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ดิน น้ำ ป่า สอดคล้องกับวิถีชุมชนดั้งเดิม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณจำนวนที่ได้ดำเนินการ พบว่ายังมีพื้นที่ที่มีปัญหาอีกจำนวนมาก พอช.จึงจัดทำแผนงานเพื่อร่วมมือกับองค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาสังคม ภาคเอกชน ภาคีต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายฝั่งอันดามันสู่ความยั่งยืนทุกมิติ” นายธีรพลกล่าว
ชุมชนชาวประมง 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันปลูกสร้างบ้านในที่ดินป่าชายเลน บางชุมชนอยู่ในที่ดินกรมเจ้าท่า
เขาบอกว่า ขณะนี้ทั้ง 6 จังหวัดอันดามันกำลังเริ่มต้นโครงการ เริ่มจากการจัดเวทีประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน จัดอบรมการสำรวจข้อมูลชุมชน ครัวเรือนที่เดือดร้อน การใช้เครื่องมือ GPS จับพิกัดพื้นที่ชุมชน การจัดทำแผนที่ ฯลฯ นำข้อมูลมาวางแผนแก้ไขปัญหา โดยในปีนี้จะเริ่มต้นสร้างพื้นที่รูปธรรมในการแก้ไขปัญหาจังหวัดละ 2 ตำบล รวม 6 จังหวัด 12 ตำบล เพื่อนำมาจัดทำเป็นแผนดำเนินงานระยะ 3 ปี เริ่มในปี 2566-2568
“ตามแผนงานเราจะเริ่มต้นจากชุมชนชาวประมงหรือชายฝั่งทะเลก่อน เพราะสภาพพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามันมีชุมชนชายฝั่ง ชุมชนในพื้นที่ของกรมเจ้าท่า และชุมชนในเขตป่าชายเลนจำนวนมาก โดยมีพื้นที่ตัวอย่างที่มีการแก้ไขปัญหาไปบ้างแล้ว เช่น ชุมชนชาวประมงในเขตเทศบาลตำบลทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายรัฐบาลที่มีการกระจายอำนาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้ท้องถิ่นจัดการ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเจ้าของที่ดิน สามารถอนุญาตให้ชุมชนในเขตป่าไม้ ป่าชายเลน ชายฝั่ง กรมเจ้าท่า เข้าอยู่อาศัยและทำกินอย่างถูกต้อง และช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ ขณะที่ พอช.ก็สามารถเข้าไปสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนได้” นายธีรพลยกตัวอย่าง