วันที่ 28 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และผู้บริหาร ให้การต้อนรับ นายอาคม เพ็งจันทร์ ประธานสมาพันธ์สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจธนาคารรัฐ (สสธ.)และ ประธานสหภาพแรงงาน ธ.ออมสิน , ธ.เพื่อการเกษตรฯ, ธ.อาคารสงเคราะห์, ธ.อิสลาม ฯ , ธ.พัฒนาวิสาหกิจ ฯ และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อเสนอให้ช่วยผลักดัน เรื่องโครงสร้างเงินเดือนและสิทธิ สวัสดิการ ให้กับเจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน ของรัฐทั้ง 5 แห่ง ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญ สนับสนุน ในเรื่องการคุ้มครองแรงงานในภาครัฐวิสาหกิจ โดยลูกจ้างควรได้รับสิทธิประโยชน์จากการทำงาน ไม่น้อยกว่าลูกจ้างเอกชน ในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ค่าช่วยเหลือบุตร โดยกระทรวงแรงงานยินดีผลักดันการปรับปรุงสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ให้มีความสามารถ และศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ สามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้แก่ลูกจ้าง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน
.
รมว. พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการผลักดันเรื่องนี้ ผมขอให้หน่วยงานที่ประสงค์จะปรับปรุงสภาพการจ้าง เสนอเรื่องเข้ามาที่กระทรวงแรงงานเพื่อให้การประชุมคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ได้พิจารณาเห็นชอบ และแต่ละหน่วยงานจะนำไปเสนอ เข้าครม.ต่อไป ซึ่งผมเห็นด้วยและพร้อมที่จะผลักดันให้มีสวัสดิการ การรักษาพยาบาลหลังเกษียณ รวมทั้งสนับสนุนพนัจเจ้าหน้าที่จ้างเหมาบริการภาครัฐ ให้ได้รับสิทธิพื้นฐานโดยเฉพาะประกันสังคมตามมาตรา 33
นายอาคม เพ็งจันทร์ ประธานสมาพันธ์สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจธนาคารรัฐ (สสธ.) ประธานสหภาพแรงงาน ฯ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้เข้าพบ รับฟังสภาพปัญหาของพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสภาพเงินเดือนไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน และท่านให้ความสำคัญกับสหภาพผู้ใช้แรงงาน ในการช่วยแก้ปัญหาและ พร้อมช่วยผลักดันเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้แทนสหภาพ สถาบันการเงินรัฐวิสาหกิจทั้ง 5 แห่ง มีความต้องการทำให้พนักงานกว่า 200,000 คน ในองค์กร มีความสุข เพื่อเดินหน้าช่วยในการพัฒนาประเทศต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"พิพัฒน์" รมว. แรงงาน มอบ "มารศรี" เลขาธิการ สปส. รุดตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือลูกจ้างประสบเหตุถังแก๊สระเบิดโรงงานเหล็ก จังหวัดระยอง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 67 เวลาประมาณ 09.40 น. เกิดเหตุการณ์ถังแก๊สระเบิด และเกิดเพลิงไหม้โรงงานผลิตเหล็ก ของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย
“พิพัฒน์” นำกระทรวงแรงงาน Roadshow Matching งานให้คนไทย เพิ่มโอกาสทำงานต่างประเทศ เปิดที่แรกกรุงโตเกียว
วันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน
“พิพัฒน์” เยือนญี่ปุ่น ถกรัฐมนตรีแรงงาน นายจ้างญี่ปุ่นต้องการแรงงานทักษะ16 สาขา 820,000คน ที่แรกกรุงโตเกียว
วันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงานเข้าพบเข้าพบ Mr. Takamaro FUKUOKA
“พิพัฒน์” พบ รมว.แรงงาน ญี่ปุ่น ถกเพิ่มอัตราจ้างคนไทยดูแลผู้สูงอายุ พร้อมหนุนองค์กรรับส่งแรงงานไทย
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี
ปักหมุดเมืองคอน Kick Off ศูนย์ซ่อม สร้าง สุข ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
“พิพัฒน์” Kick Off เปิดศูนย์ซ่อม สร้าง สุข กรมพัฒน์จัดให้ ซ่อมฟรี ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด ส่งช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า ปักหมุดนครศรีฯ
"พิพัฒน์" ส่ง สปส. จับมือการยางแห่งประเทศไทย ดูแลชาวสวนยาง กว่า 1.5 ล้านคน ให้สิทธิประโยชน์ ม. 40 สร้างคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความเชื่อมั่นประกันสังคมมาตรา 40 รุ่นที่ 2 พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กระทรวงแรงงาน