เดลต้า ลุย จัดงาน Delta Future Industry Summit 2024 เวทีสำคัญในการเรียนรู้โอกาสและความท้าทายที่เกิดขึ้นจากเทรนด์อุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังเป็นกระแส เพื่อจุดประกายให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน ชู AI AI เพิ่มศักยภาพของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตชั้นนำของโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อน ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ล่าสุด บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จัดงานประชุมสุดยอดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ Delta Future Industry Summit 2024 ภายใต้ธีม “ปลดล็อกศักยภาพ AI รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม และดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Unlocking the Potential of AI for Industrial and Data Center Growth in Southeast Asia)”
พร้อมคาดหวังว่าจะให้งาน Delta Future Industry Summit 2024 เป็น เวทีสำคัญในการเรียนรู้โอกาสและความท้าทายที่เกิดขึ้นจากเทรนด์อุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังเป็นกระแส เพื่อจุดประกายให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงทำให้ในปีนี้การประชุมฯ ได้มีการรวบรวมบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมไปถึงผู้นำนวัตกรรมและผู้กำหนดนโยบายมากมายไว้ที่นี่ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอนาคตในภูมิภาคเน้นย้ำบทบาทและศักยภาพของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยพลังของ AI เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวปราศรัยพิเศษในงาน ในหัวข้อ "การมุ่งหน้าสู่ยุค AI ของประเทศไทย โดยมองว่า AI ไม่ใช่กระแสที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หากแต่เป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสังคมของเราอย่างรอบด้าน จากการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด AI ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 826 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 นั้น ประเทศไทยพร้อมคว้าโอกาสนี้ผ่านแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
โดยได้วางกรอบการดำเนินงานไว้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสู่เป้าหมาย การสร้างบุคลากรด้าน AI ให้ได้มากกว่า 30,000 คนภายในปี 2570 พร้อมทั้งส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้มีมูลค่ารวมมากกว่า 48,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคก็กำลังเร่งลงทุนด้าน AI อย่างจริงจัง โดยมุ่งหวังที่จะเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผมมีความเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นในภูมิภาค เราจะสามารถยกระดับตำแหน่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นกำลังสำคัญระดับโลกในด้านนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างแน่นอน
ด้าน นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเดลต้า ประเทศไทย กล่าวว่า เดลต้าได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ผ่านโซลูชันนวัตกรรมหลากหลายรูปแบบของเรา ตัวอย่างเช่น โซลูชันระบายความร้อนขั้นสูง Air-Assisted Liquid Cooling (AALC) ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้ความสามารถในการระบายความร้อนมากกว่า 2.5 เท่าและใช้พลังงานน้อยกว่า 7% เมื่อเทียบกับการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม วิสัยทัศน์ของเดลต้าไม่เพียงแค่มุ่งก้าวล้ำนำหน้ากระแสเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อนาคตที่เทคโนโลยีสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ และขับเคลื่อนด้วยหลักความยั่งยืน เพื่อก้าวสู่โลกที่ชาญฉลาด ยั่งยืน และเชื่อมโยงถึงกัน
นายทิม โรเซนฟิลด์ ยังกล่าวอีกว่า AI จะสามารถปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง แต่หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดที่เราเผชิญคือความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราพบโอกาสสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้โดยอาศัยระบบโครงสร้างพื้นฐานการทำความเย็นด้วยของเหลว หรือ Liquid cooling infrastructure ที่เข้ามาเป็นตัวพลิกโฉมการใช้พลังงานในระบบโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว
โดยเทคโนโลยีนี้สามารถลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 50 นายทิมยังเน้นย้ำว่า การปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่เดิมด้วยเทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ทำได้จริง แต่ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงความสามารถการรับประกันความคุ้มค่าของการลงทุนด้าน AI ในระยะยาว โดยมุ่งเน้นสามประเด็นหลัก ได้แก่ การรักษาความคล่องตัวในการประยุกต์ใช้นวัตกรรม การปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และการลงทุนในโซลูชันที่สามารถขยายขนาดได้ เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันภายในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
อีกทั้งยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้ AI ให้สอดคล้องกับระบบที่มีอยู่เดิม การจัดการต้นทุนที่สูง และการบูรณาการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้อภิปรายถึงศักยภาพของ AI ในการเสริมสร้างความยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรและลดปริมาณของเสีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอธีระ เปิดข้อมูลเทียบ Long COVID ระหว่างก่อนเดลต้า เดลต้า และ Omicron
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” 31 มกราคม 2566
เตือน โอมิครอน BA.2 ดุพอๆกับเดลต้า
ดร. อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค
'ดร.อนันต์' หวั่น 'โอมิครอน' ที่แตกตัวเองเป็นวงกว้าง กราฟอาจไปได้สูงกว่าช่วงพีคของ'เดลต้า'
'ดร.อนันต์' เตือนสถานการณ์โควิดในไทยยังไม่ได้อยู่ในช่วงขาลง หวั่นโอมิครอน ทั้ง BA.1, BA.2 และ BA.1.1 ที่แตกตัวเองเป็นวงกว้าง กราฟอาจไปได้สูงกว่าช่วงพีคของเดลต้า
ข่าวดี 'หมอสันต์' เผย 'โอมิครอน' เมืองไทย เข้าสู่ขาลงแล้ว และอาจจบเร็วเกินความคาดหมาย
'หมอสันต์' เผยข่าวดี'โอมิครอน'เมืองไทย เข้าสู่ขาลงแล้ว และอาจจบเร็วเกินความคาดหมาย กทม.โอมิครอนได้เข้าแทนที่เดลต้าเกือบหมดแล้ว อัตราป่วยเข้ารพ. และตายกลับมีอัตราคงที่ และเริ่มลดจำนวนลง
'นพ.ธีระ' ชี้ยอดติดเชื้อโอมิครอนอาเซียนพุ่งแซงค่าเฉลี่ยโลก
'หมอธีระ' เผยยอดติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุ 334 ล้านคนไปแล้ว ยอดติดเชื้อโอมิครอนในอาเซียนพุ่งกระฉูดเกินค่าเฉลี่ยโลก เผยผลการศึกษาผลการกระจายวัคซีน-ยายังมีความเป็นธรรมอื้อ
'หมอยง' เผยผลวิจัย 'เดลต้า' ใช้เวลา 3 เดือนยึดไทย แต่ 'โอมิครอน' ใช้เวลาแค่เดือนเดียว
สายพันธุ์เดลต้าเข้ามาแทนที่สายพันธุ์แอลฟา ยังใช้เวลา 2-3 เดือน แต่สายพันธุ์ โอมิครอน แพร่กระจายได้เร็วกว่า ช่วงระยะเวลาเพียงเดือนเดียว สามารถตรวจพบได้ประมาณร้อยละ 90 แล้ว