การดูแลผู้สูงอายุ : ประสบการณ์ส่วนตัวในการอยู่ ให้มีคุณภาพและจากไปอย่างไร้กังวลในประเทศไทย บนเวที SX2024

ในปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ปัญหาการดูแลญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการใส่ใจ โดยเฉพาะการทำความเข้าใจช่องว่างระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ในงานเสวนาเรื่อง “วางแผนวัยชะ-รา-ล่า” ที่งาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้สูงอายุ Cheery Home International และนายกสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย พร้อมด้วย คุณทศพล ทิพย์ทินกร นักเขียนบทภาพยนตร์หลานม่า ได้แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวในการดูแล “อาม่า” ของตนเอง การเสวนาครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวดูแลผู้สูงอายุ และการวางแผนเพื่อให้ญาติผู้ใหญ่สามารถจากไปอย่างสงบและมีศักดิ์ศรี

ประสบการณ์ส่วนตัวในการดูแลคุณย่าคุณยาย

นพ.เก่งพงศ์ เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวในการดูแลอาม่า “อึ้งศรี แซ่ตั้ง” ซึ่งมีอายุถึง 104 ปีก่อนที่ท่านจะจากไปเมื่อปีที่ผ่านมา อาม่าที่มาจากเมืองจีนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 มีลูกถึง 7 คน หลาน 16 คน การเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สุดท้ายทุกคนก็ประสบความสำเร็จ โดยปัญหาที่ครอบครัวเผชิญในช่วงที่อาม่าป่วย คือใครจะเป็นคนดูแลท่าน นี่เป็นจุดที่ทำให้ นพ.เก่งพงศ์ มองเห็นความสำคัญของการสร้างโรงพยาบาลที่รองรับการดูแลผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหาในครอบครัวที่หลายคนอาจพบเจอ

“อาม่าต้องผ่าตัดเข่า ผ่าตัดมะเร็ง เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาภายในครอบครัวซึ่งคนที่ดูหนังเรื่องหลานม่าจะเข้าใจ เรื่องของสังคมแบบนี้ทำให้เกิดความคิดที่จะพลิกสถานการณ์สาธารณสุขได้” นพ.เก่งพงศ์ เล่าถึงประสบการณ์ตรง

ในขณะเดียวกัน คุณทศพล ทิพย์ทินกร เล่าถึงประสบการณ์ในการดูแลอาม่าของตนเองเช่นกัน อาม่าของคุณทศพลเคยขายโจ๊กที่ตลาด คุณแม่ก็เคยไปช่วยบ้าง พอโตขึ้นไม่ค่อยได้สนิทกับอาม่า แต่เมื่อเรียนจบและอาม่าป่วย เป็นมะเร็งลำไส้ เขาก็ได้พาท่านไปหาหมอและใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น การดูแลอาม่าในช่วงที่ป่วยทำให้คุณทศพลได้รู้จักและเรียนรู้เรื่องราวในอดีตของอาม่ามากขึ้น ซึ่งทำให้เข้าใจว่าการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาทางกาย แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวด้วย

ช่องว่างระหว่างวัยและอุปสรรคทางวัฒนธรรม

ทั้งสองท่านได้เน้นย้ำถึงปัญหาของช่องว่างระหว่างวัยและอุปสรรคทางวัฒนธรรมที่มักเกิดขึ้นในการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในครอบครัวเชื้อสายจีน นพ.เก่งพงศ์ อธิบายว่า ในครอบครัวจีน ผู้สูงอายุมักจะไม่บอกปัญหาสุขภาพของตนเองให้ลูกหลานทราบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่

คุณทศพลบอกว่า “อาม่ามีอาการปวดท้องเรื้อรังมาหลายปี แต่ไม่เคยบอกใคร อาม่ากินยาชุดมานานเป็นปีๆ พวกเราไม่รู้เลย เพราะกลัวว่าลูกหลานจะลำบากหรือสิ้นเปลืองเงินในการรักษา”

การทำความเข้าใจมุมมองของผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญ นพ.เก่งพงศ์ ใช้การเปรียบเทียบว่า การมองผ่าน “แว่นตาคนละสี” เป็นการอธิบายว่า ผู้สูงอายุมักมีมุมมองที่ต่างจากคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่มักเติบโตมาด้วยความลำบาก และมองการรักษาหรือการใช้เงินอย่างระมัดระวัง

“เราต้องเข้าใจว่าวัฒนธรรมและการเติบโตของรุ่นเขามันต่างกับของเรา” นพ.เก่งพงศ์ กล่าวเสริม

คุณทศพล เสริมว่า “เราซื้อของมาให้กิน อาม่าด่าเลยว่าทำไมต้องซื้อของแพงๆ หรือทำไมต้องใช้เงินเยอะๆ ในการซื้อของบางอย่าง แต่ต่อมาเราก็เข้าใจว่าอาม่าจะมองว่าเงินควรเก็บไว้ใช้ในสิ่งที่จำเป็นมากกว่า”

แนวทางการดูแลผู้สูงอายุในยุคปัจจุบัน

ทั้งสองท่านเห็นพ้องกันว่า การดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดและวิธีการ นพ.เก่งพงศ์ กล่าวว่า การรักษาผู้สูงอายุในปัจจุบันไม่ใช่หน้าที่ของแพทย์เพียงคนเดียว หรือการรักษาตามโรค แต่ต้องอาศัยการให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล มีหลายมิติมากขึ้น ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม ความสัมพันธ์ทั้งหมดสามสิ่งนี้ขาดไม่ได้

นพ.เก่งพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บางครั้งอาจต้องใช้ "white lie" หรือการโกหกแบบขาว เพื่อให้อาม่าหรือคุณย่ารู้สึกสบายใจ เช่น การบอกว่าการผ่าตัดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงอาจมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น

นอกจากนี้ การวางแผนล่วงหน้าสำหรับช่วงท้ายของชีวิต หรือที่เรียกว่า advance care planning ก็เป็นสิ่งสำคัญ นพ.เก่งพงศ์ เล่าว่า อาม่าของเขาได้เตรียมกระเป๋าที่บรรจุสิ่งของสำคัญสำหรับการจากไปไว้ตั้งแต่ตอนอายุ 70 ปี และอัพเดตของในกระเป๋าอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมเมื่อถึงเวลาจากไป สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการมองความตายเป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านของชีวิต และเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเตรียมตัวไว้

การเตรียมตัวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ทั้ง นพ.เก่งพงศ์ และคุณทศพล ต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมตัวเพื่อวัยชรา โดยการดูแลสุขภาพควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ไม่ใช่รอจนถึงอายุ 50 ปี การสร้างรากฐานสุขภาพที่ดีตั้งแต่เด็กด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) จะช่วยให้เรามีชีวิตที่มีคุณภาพยาวนานขึ้น

คุณทศพลที่เพิ่งเป็นคุณพ่อเมื่อปีที่แล้ว ยังเล่าเพิ่มเติมว่า การเตรียมตัวเพื่อเป็นพ่อแม่และการดูแลผู้สูงอายุนั้นมีความคล้ายคลึงกัน เพราะต้องอาศัยความเข้าใจและการเตรียมพร้อมทั้งทางกายและใจ

การป้องกันโรคสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร

นพ.เก่งพงศ์ ยังได้กล่าวถึงแนวคิด ikigai ของญี่ปุ่น หรือการหาจุดมุ่งหมายในชีวิต การให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในสังคมและทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร การอยู่บ้านเฉยๆ โดยไม่ทำกิจกรรมใดๆ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมถึง 30% ดังนั้น การสร้างโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ทำสิ่งที่ตนรักและมีความถนัดจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขามีคุณค่าและสุขภาพจิตดีขึ้น

การดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาทางกาย แต่ยังเกี่ยวข้องกับความเข้าใจและความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว การดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและจากไปอย่างสงบ จำเป็นต้องอาศัยการเตรียมพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการสื่อสารที่ดีระหว่างกัน การเตรียมตัวสำหรับวัยชราไม่ควรเริ่มเมื่ออายุมากแล้ว แต่ควรเริ่มตั้งแต่เด็ก เพื่อสร้างฐานสุขภาพที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว

“เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด และไอเดียสุดเจ๋งด้านความยั่งยืนกับวิทยากรชื่อดัง ศิลปิน และเหล่าไอดอลจากทุกแวดวง ตื่นเต้นไปกับสุดยอดนวัตกรรมกอบกู้โลกให้คุณได้เรียนรู้ และพร้อมปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในวิถีชีวิตประจำวันยุคโลกเดือดได้อย่างมีความสมดุล ในงาน Sustainability Expo (SX2024) ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของ SX ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, และแอดไลน์ @sxofficial  เตรียมพบกับมุมมองดีๆ และต้นแบบสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยั่งยืน ตลอดจนร่วมกิจกรรมมากมายเพื่อโลก ด้วยกันที่ Sustainability Expo 2024: Good Balance, Better World #good balancebetter world 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชวนหนอนหนังสือร่วมแบ่งปัน และอุดหนุนของบริจาคสภาพดี ที่ SX REPARTMENT STORE ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

SX REPARTMENT STORE 2024 ชวนหนอนหนังสือร่วมแบ่งปันของนอกสายตา และอุดหนุนของบริจาคสภาพดี ที่จุดรวบรวมของบริจาคในงาน มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 (BOOK EXPO THAILAND 2024)

เดินหน้ายกระดับงาน Sustainability Expo 2025 ผลักดันการลงมือทำเพื่อความยั่งยืน

“เราไม่ได้ปิดงาน แต่เป็นการ Launching Forward ไปสู่ SX2025” คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานอำนวยการ SX2024 กล่าวในการปิดฉากงานมหกรรมด้านความยั่งยืน

“สึนามิน้ำจืด” เสียงเตือนจากธรรมชาติ ท่าน ว.วชิรเมธี แนะป้องกันด้วยการบวชป่า ปลูกป่า บนเวที SX2024

“สึนามิน้ำจืด” คำที่พระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ใช้เรียกสถานการณ์น้ำท่วมที่เชียงราย และหลายพื้นที่ในปีนี้ พร้อมชี้ให้เห็นว่าต้นตอของปัญหาเกิดจาก “โลภาภิวัตน์” หรือความโลภ หากจะบรรเทาและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ต้องเริ่มจากตัวเราเอง

ASEAN Circular Economy Forum : อาเซียน ต้องการผู้เชี่ยวชาญ เงินทุน และการตระหนักรู้เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาค ในงาน SX2024

“แนวคิดและการทำงานต่าง ๆ เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนมีอยู่มากมาย แต่อยู่ในระดับท้องถิ่นและแยกตามอุตสาหกรรม ในขณะที่ในระดับภูมิภาค ยังไม่มีแนวทางหรือกรอบที่ชัดเจนสำหรับภาคเอกชน ตอนนี้มีโครงการริเริ่มมากมายที่พยายามจะเปลี่ยนพฤติกรรม

“Australian Green Economy Mission” เมื่อปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ไม่มีพรมแดน ความยั่งยืนจึงเป็นเรื่องของทุกคน ในงาน SX2024

“มันต้องใช้เวลา และทุกคนก็รู้ดีว่าโลกของเรามีเวลาจำกัดที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ” ดร. แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย