ระดมสมองเปิดเส้นทางใหม่ เขียนอนาคต..เด็กและเยาวชน

ในโอกาสที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง (101 Public Policy Think Tank, 101 PUB) จัดงานเสวนา “เปิดเส้นทางใหม่ นโยบายเด็กและครอบครัวไทยแห่งอนาคต” เมื่อเร็วๆนี้ ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ทำให้รับรู้ว่าในมิติของเด็กและเยาวชนไทยนั้น มีปัญหาสำคัญที่รอการแก้ไขอยู่ หากไม่ลงมือทำวันนี้ อนาคตของเด็กและเยาวชนไทยก็จะต้องเผชิญกับอุปสรรค และความท้าทายกับโลกใบใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เปิดเผยว่า ปัญหาสำคัญของเด็กและเยาวชนไทยที่รอการแก้ไข 4 เรื่องนั้น เริ่มตั้งแต่ 1.เรื่องพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของเด็กปฐมวัย 2.วัยรุ่นมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น แต่บุคลากรทางแพทย์และสถานบริการยังไม่เพียงพอ 3.ความขัดแย้งและไม่ลงรอยทางความคิดของคนต่างรุ่น และ 4.ความต้องการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นทางสังคม ทั้งนี้จากผลงานวิจัยที่เป็นความร่วมมือของสถาบันการศึกษา ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

“สสส.มีองค์กรพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์จับมือกันทำงาน  เพื่อค้นหาคำตอบแบบเจาะเชิงลึกและเชิงระบบรากเหง้าของปัญหา หรือปัญหาโครงสร้าง ด้วยความมุ่งหวังทำให้เกิดศาสตร์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว kid for kids เพื่อสแกนสถานการณ์ นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในงาน ผลงานจะถูกนำไปใช้ในเวทีการเมือง ผลงานวิจัยทั้ง 4 เรื่องจะมีวิทยากรสนทนาแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 4 ด้าน สังคมไทยมีความพร้อมที่จะบ่มเพาะเด็กที่อยู่บนแผ่นดินไทย ระบบสวัสดิการเด็กเล็ก สุขภาพจิตในเด็ก ความไม่ลงรอยทางความคิด คนต่างรุ่นต่างวัยมีปัญหาทางความคิดจริงหรือ? ศักยภาพและพลังของคนรุ่นใหม่ เพื่อเราจะได้คนมีคุณภาพเติมศักยภาพให้ครอบครัวและชุมชน เพื่อการเรียนรู้ไม่รู้จบ การประกันสิทธิรอบด้านแบบไร้รอยต่อ สังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องกังวลในอนาคต เป็นงานเร่งด่วนที่ต้องเร่งทำวันนี้ มิฉะนั้นเราจะพลาดโอกาสกลายเป็นระเบิดเวลา งานนี้ต้องเร่งขับเคลื่อนสอดคล้องกับโลกในยุคผันผวน โลกรวน เราต้องหาพันธมิตรจากเด็กและเยาวชนไทย” น.ส.ณัฐยาชี้แจง

น.ส.ณัฐยาย้ำว่า จะต่อยอดงานด้วยการจัดวงพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงมหาดไทย ผลักดันข้อเสนอศูนย์ดูแลเด็กอ่อนให้เกิดขึ้นจริง เพราะแม่ที่เป็นข้าราชการดูแลบุตรหลังคลอดได้ 98 วัน ในขณะที่แม่ที่ทำงานภาคเอกชนดูแลบุตรได้เพียง 45 วัน การจัดสถานที่ให้นมบุตรที่อายุมากกว่า 45 วันเมื่อแม่มาทำงานและระหว่างการทำงาน ข้อที่น่าสังเกตเด็กเกิดน้อยลง แต่มีเด็กที่เกิดในสังคมรายได้น้อยระดับล่างสุดของประเทศมากถึง 40% มีความไม่พร้อมในทุกเรื่อง เป็นครัวเรือนกลุ่มหลักที่กำลังพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศ แสดงให้เห็นถึงช่องว่างในการพัฒนา เป็นเรื่องที่จะต้องจัดหาสวัสดิการให้เด็กกลุ่มนี้ หากเปรียบเทียบสังคมไทยเดิมเป็นพีระมิด แต่แนวโน้มปัจจุบันเป็นพีระมิดหัวกลับเสมือนตะปูง่อนแง่น เด็กเกิดน้อยและนับวันทุกปีจำนวนเด็กเกิดใหม่จะน้อยลงทุกที ในขณะที่คนตายมากกว่าเด็กเกิดใหม่ เมื่อสอบถามตัวเลขเด็กเกิดใหม่ในระบบฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข เมื่อแม่มาคลอดไม่ได้มีการเก็บข้อมูล ต้องตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนราษฎรเมื่อมีการแจ้งเกิด

สำหรับหัวข้องานวิจัยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ความยากจนเพิ่มความเสี่ยงในการมีปัญหาสุขภาพจิต อีกทั้งปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้เกิดความยากจน ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริบทที่มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูง มีภาวะซึมเศร้าเป็น 1.17 เท่าของประชากรที่อยู่ในบริบทที่มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้ต่ำ ยิ่งเป็นเพศหญิง รายได้ต่ำ  การศึกษาต่ำ ว่างงาน เจ็บป่วยด้วยโรคทางกาย อยู่ในบริบทสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำด้านเพศสถานะ การเข้าถึงทรัพยากร มีผลทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางด้านสุขภาพจิตได้ สอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ที่กล่าวถึงความเชื่อมโยงของปัจจัยที่กำหนดสุขภาพด้านสังคม ระบบบริการสุขภาพและสุขภาพของประชากร

ผศ. ดร.ภาวิน ศิริประภานุกูล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยในไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป โดยปี 2567 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศแนวทางการดูแลพัฒนาการเด็กปฐมวัย ภายใต้แนวความคิด Nurturing Care Framework ซึ่งการดูแลเด็กต้องครอบคลุมถึงเรื่องสุขภาพ  โภชนาการ สวัสดิการ การได้รับความเอาใจใส่ และโอกาสเข้าถึงเรียนรู้ ซึ่งไม่เพียงให้ความสำคัญเฉพาะกับตัวเด็ก แต่รวมไปถึงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ดูแลด้วย ผู้วิจัยมีข้อเสนอระบบสวัสดิการเด็กเล็กคือ

1.ให้รัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันกำกับดูแลสถานดูแลเด็กปฐมวัยให้มีมาตรฐาน เพิ่มกำลังคนให้สามารถดูแลเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันได้ครอบคลุม 2.ให้มีสถานรองรับเด็กของภาครัฐที่เพียงพอ เช่น บ้านพักเด็ก สถานสงเคราะห์เด็กในและนอกเวลาราชการ การดูแลในชุมชน รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์แก่ครอบครัวที่ดูแลเด็กด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยให้เด็กไทยเติบโตขึ้นได้อย่างเต็มศักยภาพ เป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต

ดร.สัณห์สิรี โฆษินทร์เดชา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า James Heckman นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันและผู้ได้รับรางวัลโนเบล แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ศึกษาพบว่าการลงทุนในเด็กปฐมวัยมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของภาคเศรษฐกิจ ลดปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ลดต้นทุนในการจัดการแก้ไขปัญหาของภาครัฐในอนาคต ยิ่งประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมากถึงร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร ส่งผลให้คนในวัยทำงานลดน้อยลง คนที่อยู่ในวัยทำงานต้องแบกรับภาระในการพึ่งพิงประชากรในช่วงวัยอื่นๆ ทั้งนี้ผู้สูงอายุในอีก 20 ปีข้างหน้าไม่มีความพร้อมดูแลตนเองแม้จะเกษียณอายุแล้ว ไม่มีความมั่นคงทางการเงินและคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับต่ำหรือไม่มีเงินเก็บ ส่งผลถึงความต้องการที่พึ่งพิง

ทั้งนี้ จากข้อมูลของศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) ระบุว่า สัดส่วนเด็กและวัยชราต่อประชากรในวัยแรงงาน 100 คน หรืออัตราการพึ่งพิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.7 ในปี 2563 เพิ่มเป็นร้อยละ 65.3 ในปี 2583 หมายความว่าเด็กที่กำลังเติบโตเป็นประชากรวัยแรงงานของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า จะต้องแบกรับดูแลประชากรในวัยพึ่งพิงมากขึ้น โดยสัดส่วนของภาระที่มาจากผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นด้วย

รศ. ดร. นพ.บวรศม ลีระพันธ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้แจงว่า การพัฒนาหลักประกันสุขภาพจิตถ้วนหน้าในบริบทประเทศไทยที่ทุกคนเข้าถึงได้ จำเป็นต้องใช้กระบวนการคิดเชิงระบบ เพื่อระบุจุดคานดีคานงัดในระบบที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการออกแบบนโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของคนในสังคมอย่างยั่งยืน คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอต่อการปรับปรุงเรื่องบริการสุขภาพจิต ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 4 ด้าน คือ 1.เพิ่มชุดสิทธิประโยชน์ในการจ่ายเงินชดเชยช่องทางใหม่ๆ เช่น โทรเวช (telemedicine) เพื่อให้ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตกลุ่มใหม่เข้าถึงได้เพิ่มขึ้น 2.ขยายการบริการสุขภาพจิต ให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ใช่ทีมสุขภาพจิตเข้ามามีส่วนร่วม ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจิตของผู้ป่วยโรคทางกาย รวมถึงผู้ป่วยระยะยาว 3.ออกแบบระบบ “ผู้สั่งการรักษาทางสังคม” ทำหน้าที่เชื่อมต่อคำวินิจฉัยและการดูแลรักษาของทีมสุขภาพจิตเพื่อส่งกลับไปที่ครอบครัว องค์กร ชุมชน หรือสังคมที่ผู้ป่วยใช้ชีวิตอยู่ เพื่อแก้ปัญหาถึงรากฐาน 4.ทำงานเชิงนโยบายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปรับแก้ปัจจัยด้านสังคม ให้เอื้อต่อการมีสุขภาพจิตเชิงบวก ลดจำนวนผู้มีปัญหาสุขภาพจิตรายใหม่ และแก้ไขปัญหาทั้งระบบได้อย่างยั่งยืน

รศ. ดร.ฐิติกาญจน์ อัศตรกุล คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า คณะผู้วิจัยใช้เครื่องมือ Civic Imagination มุ่งออกแบบและพัฒนากระบวนการนำจินตนาการของเยาวชนมาสู่การพัฒนานวัตกรรมทางสังคม ด้วยการเสริมเครื่องมือการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ การคิดเชิงออกแบบ และกระบวนการสร้างนวัตกรรมทางสังคม ให้แก่เยาวชนอายุ 15-18 ปี รวม 6 ทีม โดยมีพี่เลี้ยงและผู้เชี่ยวชาญร่วมบ่มเพาะอย่างใกล้ชิด พบว่าเยาวชนมีความยึดมั่นในคุณค่าพลเมืองเพิ่มขึ้น เกิดความตระหนักต่อหน้าที่พลเมือง และการมีความรู้ด้านพลเมือง กระบวนการที่ถูกพัฒนาขึ้น จึงสามารถนำไปบูรณาการให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรของสถานศึกษา  เช่น กลุ่มวิชาสังคมศึกษา (หน้าที่พลเมือง) เพื่อเป็นทางเลือกในการส่งเสริมความเป็นพลเมือง โดยอาศัยการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงความคิดแบบไม่ปิดกั้นจินตนาการ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วัยโจ๋อุดร หลีกทางสายควันบุหรี่ ไม่เท่แถมคนรอบข้างเหยื่ออันตราย

วิทยาลัยการอาชีพอุดรธานี จ.อุดรธานี จัดโครงการ “กล่องความคิดในความเห็นต่าง” เปิดใจผู้สูบและไม่สูบบุหรี่ เสียงส่วนใหญ่เคาะ “สูบบุหรี่ไม่ได้เท่อย่างที่คิด คนรอบข้างเสี่ยงติดโรคจากควันบุหรี่” สสส. ชวนเยาวชนสร้างสรรค์คอนเทนต์พิษภัยปัจจัยเสี่ยงเหล้า-บุหรี่-อุบัติเหตุ เป็นเครื่องเตือนใจคนรอบข้าง

สสส. สานพลัง ภาคี จัดใหญ่! กลางเมืองสุโขทัย เทศกาล The ICONiC Run Fest Thailand Series Sukhothai 2024 เดิน วิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพ

วันที่ 24 ส.ค. 2567 ที่วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อ.เมือง จ.สุโขทัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

สสส. สานพลัง SYNHUB เดินหน้าโครงการ “HealthTech X 2 The Future” หนุน คนรุ่นใหม่-ธุรกิจ-สตาร์ทอัพ ตื่นตัวสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์กลุ่มเปราะบาง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สนับสนุนทุนสูงสุด 1 ล้านบาท ปลื้ม HealthTech X 1 ออกสู่ตลาดโลก นวัตกรรมสุขภาพ “Bederly” ใช้จริงใน 20 รพ.สต. “iFlow Zone Headband” จดลิขสิทธิ์เตรียมต่อยอดเชิงพาณิชย์

วันที่ 22 ส.ค. 2567 ที่ SYNHUB Digi-Tech Community จ.ปทุมธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ บริษัท ซีนเนอร์ยี่ อินโนเวชั่น จำกัด (SYNHUB) จัดกิจกรรม Open House โครงการ HealthTech X 2 The Future เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการไทย

“Movement คนรุ่นใหม่” #คนรุ่นใหม่คืนถิ่น 2 สสส. สานพลัง พอช. มุ่งกระจายโอกาสทั่วถึง ร่วมพลิกวิกฤต เป็นโอกาสพัฒนาบ้านเกิด

กรุงเทพมหานคร / เวลา 09.00 น. วันที่ 20 ส.ค. 2567 ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

“ยุทธการหักหอกเป็นดอกไม้” พลิกใจให้เลิกยา...คืนสู่สังคม

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่รับฟังสรุปการดำเนินงาน “ลดเสี่ยง ลดผู้เสพ เพิ่มสุข มีเงินออม”

เนื่องในวันแม่แห่งชาติ มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ สานพลัง สสส. เดินหน้ารณรงค์ หนุนให้ “นมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำ”

น.ส.นิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.