กยท.เดินหน้าเพิ่มปริมาณยางEUDR 2ล้านตัน/ปี เปิดไฟเขียวMOUกับเอกชนเพิ่มมูลค่ายาง6,000 ล้านบาท

กยท.เดินหน้าส่งเสริมสวนยางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มปริมาณยางEUDR   2 ล้านตัน/ปี รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เปิดไฟเขียวขยาย MOUความร่วมมือทางด้านธุรกิจกับภาคเอกชน  หวังสร้างความเชื่อมั่นและยอมรับตลาดซื้อขายยางของไทย  ในขณะที่เกษตรกรสามารถขายยางได้ในราคารีเมี่ยมสูงกว่าตลาดถึง3 บาท/กก. เพิ่มมูลค่าตลาดยางอีกไม่น้อยกว่า 6,000ล้านบาท/ปี มั่นใจจะทำให้ราคายางมีเสถียรภาพในระยะยาว  และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางยางพาราโลก

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)  เปิดเผยว่า   กยท.มีนโยบายหลักที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพื่อก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลยางให้เป็นไปตามกฎระเบียบ EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) ของสหภาพยุโรป ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป  โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มปริมาณยาง EUDR จากปัจจุบัน 1 ล้านต้น เป็น 2 ล้านตันภายในปี 2568  และ 3.5 ล้านตันในปีถัดไป จากผลผลิตทั้งหมด 4.5 ล้านตัน เพื่อรองรับความต้องการยาง EUDR ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เกษตรกรชาวสวนยางที่ผลิตยาง EUDR ก็จะสามารถขายได้ในราคาที่รีเมี่ยมสูงราคาทั่วไอย่างน้อย 2.50-3.00 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งนอกจากจะสร้างความมั่นคงในอาชีพให้เกษตรกรชาวสวนยางแล้ว ยังจะทำให้ราคายางมีเสถียรภาพมากขึ้น และจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางยางพาราของโลกอีกด้วย

สำหรับกฎระเบียบ EUDR นั้น เป็นกฎหมายว่าด้วยสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ 7 ประเภท ที่จะนำเข้าและส่งออกจากสหภาพยุโรป  และยางพาราก็เป็น 1ใน 7สินค้าเกษตรดังกล่าวต้องปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า ยางพาราและผลิตภัณฑ์มาจากสวนยางที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย  ไม่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ พื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า รวมทั้งจะต้อมีการจัดการสวนยางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม

รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าวต่อไปว่า  ขณะนี้มีภาคเอกชนให้ความสนใจยาง EUDR มากขึ้น  ซึ่งกยท.พร้อมที่จะประสานความร่วมมือในการจัดหายางพารา  EUDR   ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตยางล้อยี่ห้อมิชลินซึ่งใช้ยางปีละประมาณ 1 ล้านตัน ให้ความสนใจและประกาศที่จะซื้อยาง EUDR จากประเทศไทย  ไม่น้อยกว่า 500,000 ตัน/ปี  ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ กยท.ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือทางด้านธุรกิจกับ  บมจ.  ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (THAITEX)  ในการซื้อขายน้ำยางสด EUDR  โดย กยท. จะรวบรวมน้ำยางสด EUDR จำนวน 5,000 ตันต่อเดือน จากจุดรวบรวมน้ำยาง และกลุ่มสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ที่ขายผ่านระบบ TRT  ส่งมอบให้กับ THAITEX  พร้อมทั้งจะตรวจสอบข้อมูลแหล่งผลิตยาง และประเมินความเสี่ยงตามกฎระเบียบ EUDR ก่อนออกเอกสารข้อมูลการซื้อขายยางให้แก่ผู้ซื้อได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

ทั้งนี้ ราคาน้ำยางสด EUDR ที่ทาง THAITEX รับซื้อนั้น จะเป็นราคาพรีเมี่ยมที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำยางสดที่ กยท. ประกาศหน้าเว็บไซด์  2.50  บาทต่อกิโลกรัม  อีกทั้งยังจะได้รับส่วนอัตราการขนส่งตามระยะทางอีก 50  กิโลเมตรละ 15 สตางค์ต่อกิโลกรัม   และถ้าหากเกษตรกรสามารถรวบรวมได้ครั้งละมากกว่า 30 ตัน จะได้บวกเพิ่มอีก 25  สตางค์ต่อกิโลกรัม  นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรพัฒนาคุณภาพยาง หากน้ำยางมีค่าเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้ง(DRC) เกิน 35%  ก็จะบวกราคาเพิ่มอีก 45 สตางค์ต่อกิโลกรัม   รวมแล้วราคายาง EUDR จะมีราคาสูงกว่าราคายางทั่วไปมากกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากการขายยาง EUDR ที่มีในปัจจุบัน คือ 1 ล้านตัน  เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท และถ้าสามารถเพิ่มปริมาณยางEUDR ให้ได้ 2 ล้านตันตามเป้าหมายในปี 2568 ยางพาราทำให้มีรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่าปีละ 6,000 ล้านบาท

“การลงนาม MOU กับ  THAITEX ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่จะทำการซื้อขายโดยอ้างอิงราคาน้ำยางสด ของ กยท. ที่ประกาศหน้าเว็บไซต์ทุกวัน  ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนให้ราคายางประเทศไทยใช้เป็น ดัชนีราคา (Price Index) อ้างอิงในการซื้อขายยางทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งจะทำให้ต่างประเทศเชื่อมั่นและยอมรับในระบบซื้อขายยางของไทยมากขึ้น"  รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าว

นอกจากนี้ กยท.ยังเตรียมขยาย MOU ความร่วมมือทางด้านธุรกิจกับภาคเอกชนรายอื่นๆ ที่มีความสนใจในการซื้อขายยาง EUDR  ให้ครอบคลุมยางทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น ยางก้อนถ้วย  ยางแผ่นดิบ  ยางแผ่นรมควัน  ยางแท่ง  รวมทั้งน้ำยางสด  เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สร้างควาเท่าเทียม และความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในระบบซื้อขายยางของ กยท. สามารถประกาศได้เลยว่า ยางที่ออกจากประเทศไทยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  ไม่ทำลายป่า ไม่ทำผิดกฎหมาย  และที่สำคัญสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาได้  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการ ที่จะสามารถขายยางและผลิตภัณฑ์ยางในตลาดสากลโดยเฉพาะตลาดEU ได้ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน  ในขณะเดียวกันเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ก็จะสามารถขายยาง EUDR ได้ในราคาที่สูงกว่าราคายางทั่วไป  มีตลาดรองรับที่แน่นอน  ซึ่งจะทำให้ราคายางพาราเสถียรภาพในระยะยาว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กยท. ขยายตลาดยาง EUDR ต่อเนื่อง จับมือ ไทยรับเบอร์ฯ เซ็น MOU ซื้อขายน้ำยางสด 5 พันตันต่อเดือน

กยท. ทำได้จริงเปิดดีลซื้อขายน้ำยาง EUDR ต่อเนื่อง จับมือเอกชนรายแรก ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป เซ็น MOU ซื้อยางในราคาพรีเมี่ยม

กยท. มั่นใจก่อนสิ้นปีนี้ราคายางทะลุ 100 บาท/กก. ทุ่ม400ล. เปิดโรงงานยางแท่ง STR20 รองรับEUDRตรวจสอบย้อนกลับ100%

กยท.มั่นใจก่อนสิ้นปีนี้ราคายางทะลุ 100 บาท/กก.อย่างแน่นอน ย้ำชัดครั้งนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ประกาศเดินหน้าเอาจริงปราบยางเถื่อนตรวจสอบเส้นทางด้านการเงิน

กยท.ดีเดย์ซื้อปลาหมอคางดำ 1 ล้านกก. ผลิตน้ำหมักชีวภาพเพิ่มผลผลิตให้ยางพารา

กยท.ดีเดย์ เริ่มรับซื้อปลาหมอคางดำแล้วเป็นวันนี้เป็นวันแรก ตั้งเป้าหมาย 1 ล้านกก. นำร่องในพื้นที่การระบาด 16 จังหวัด ราคา 15 บาท/กก.

ครบรอบ 9 ปี กยท. จัดใหญ่ “Thai Rubber, The Next Chapter” พร้อมผ่าผลงาน 4 ปี "ณกรณ์ ตรรกวิรพัท"

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดงานใหญ่ครบรอบปีที่ 9 โชว์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

“ธรรมนัส"ฟันธงราคายางครึ่งปีหลังสดใส กยท.เดินหน้ากำหนดราคาอ้างอิงของไทย

“ธรรมนัส" ฟันธงราคายางในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 พุ่ง พร้อมเผย นโยบายด้านยางของรัฐบาลเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ผนวกความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น และกฎเหล็ก EUDR

ยางล้อ “Greenergy Tyre” ล็อตแรก ยอดขายทะลุ20,000เส้นกยท.สั่งเพิ่มการผลิต ชูจุดเด่นคุณภาพสูง/ราคาถูก/อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

กยท.เปิดตัวยางล้อ “Greenergy Tyre” ประสบผลสำเร็จ ยอดสั่งทะลุ 20,000 เส้น เตรียมขยายการผลิตเพิ่ม ครอบคลุมการใช้งานรถทุกประเภท เผยจุดเด่น