นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ย้ำ สิทธิการรักษาพยาบาล “กรณีเจ็บป่วย” ในระบบประกันสังคม ได้รับความคุ้มครองด้วยการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุม โดยผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน 270 แห่ง และสามารถเลือกโรงพยาบาลได้เอง โดยสถานพยาบาลภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานประกันสังคมนั้น เป็นสถานพยาบาลระดับทุติยภูมิขึ้นไป มีมาตรฐานทางการแพทย์ มีความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสามารถให้บริการในทุกสาขาที่จำเป็นได้อย่างครบวงจร หากเกินศักยภาพในการรักษา สามารถส่งต่อไปยังสถานพยาบาลระดับสูงกว่าทันที
ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมได้มีการพัฒนาสิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง เช่น SSO515 ให้ผู้ประกันตนได้รับการผ่าตัดภายใน15 วัน รักษากลุ่มโรคที่ร้ายแรง เช่น กลุ่มโรคมะเร็งโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ และการให้สิทธิประโยชน์การบำบัดทดแทนไตให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษามากขึ้น การตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อค้นหาความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ได้จัดให้มีรถทันตกรรมเคลื่อนที่ไปยังสถานที่ทำงาน โดยไม่ต้องสำรองจ่ายและไม่เสียเวลาในการทำงาน อีกทั้ง ยังมีการปรับเพิ่มรายการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันโรคที่เหมาะสมกับผู้ประกันตน เช่น การเอกซเรย์ปอด ทุก 3 ปี และปรับให้ผู้ที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ได้รับการตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล ไขมัน และการทำงานของไต รวมถึงการตรวจปัสสาวะทุกปี โดยเป็นสิทธิเสริมจากการตรวจพื้นฐานจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะเห็นได้ว่า สิทธิการรักษาของสำนักงานประกันสังคมไม่ด้อยกว่าสิทธิสุขภาพอื่น นอกจากนี้สำนักงานประกันสังคมได้จัดช่องทางให้ผู้ประกันตนประเมินความพึงพอใจการให้บริการทางการแพทย์ และสามารถให้ข้อเสนอแนะหากพบว่ามีการให้บริการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยสามารถแสดงความคิดเห็นผ่าน QR Code ที่ได้ติดไว้ ณ สถานพยาบาลทุกแห่ง โดยสำนักงานประกันสังคมมีความยินดีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกันตนทุกคน
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยแล้ว สำนักงานประกันสังคมยังให้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วยและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์อื่นๆ ได้แก่ กรณีคลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน โดยในส่วนของสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินบำนาญชราภาพให้ผู้ประกันตนเป็นรายเดือน มีเงื่อนไข ดังนี้
ผู้ประกันตนมาตรา 33 มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน หากจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย กรณีจ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน จะได้ปรับเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน
ตัวอย่างการคำนวณบำนาญ จากฐานค่าจ้างที่ใช้ในการนำส่งเงินสมทบเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท
กรณีที่ 1 จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ = 15,000 x 20% = 3,000 บาทต่อเดือน
กรณีที่ 2 ผู้ประกันตนมีระยะเวลาส่งเงินสมทบ 420 เดือน (35 ปี) จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ = 15,000 x 50% = 7,500 บาทต่อเดือน
สำหรับกรณีที่ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ โดยจ่ายเป็นเงินก้อน คำนวณจากเงินสมทบกรณีชราภาพและสงเคราะห์บุตร ที่ผู้ประกันตนและนายจ้างนำส่ง รวมดอกผลหากส่งเงินสมทบเกิน 12 เดือน
จะเห็นได้ว่าการจ่ายเงินสมทบรายเดือนกับกองทุนประกันสังคมนั้นมิได้สูญเปล่า เพราะนอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ระหว่างการทำงานแล้ว สำนักงานประกันสังคมได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณีอย่างต่อเนื่องอยู่สม่ำเสมอ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ เพราะสำนักงานประกันสังคมพร้อมดูแลท่านทุกช่วงวัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิพัฒน์' ย้ำสิทธิประโยชน์อาชีพอิสระ มอบทุนซื้อบ้าน เงินทดแทนเจ็บป่วย เงินทุพพลภาพตลอดชีวิต บำเหน็จชราภาพ ด้วยประกันสังคมมาตรา 40
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นรุ่นแรก เป็นจังหวัดซึ่งมีประชากรจำนวนมากที่สุดในภาคใต้ ประกอบอาชีพอิสระกว่า 500,000 คน
ประกันสังคมเผย เปิดรับสิทธิโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567 วันแรก 1 พ.ย. 2567 ผู้ประกันตนให้ความสนใจเกือบเต็มโควตา ยื่นขอรับสิทธิกว่า 9,000 ล้านบาท
โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 นี้ จะช่วยให้ผู้ประกันตนมีสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกสร้างที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 1.59 ต่อปี
'พิพัฒน์' รมว.แรงงาน ห่วงทายาทพนักงานกวาดถนนเทศบาลนครอ้อมน้อย ประสบเหตุถูกรถกระบะชนเสียชีวิต 2 ราย มอบประกันสังคม จ่ายเงินทดแทนกรณีตายในงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบหมายให้ นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งดำเนินการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิ
สปส. ย้ำขอความร่วมมือ นายจ้าง “แจ้งเข้า-แจ้งออก” ให้ลูกจ้างตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม
นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้กำหนดให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างทำงานในสถานประกอบการตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
“บุญสงค์”ปลัดแรงงาน เข้ารับตำแหน่งวันแรก แถลงมุ่งผลักดันนโยบาย ปี 68 สร้างความเชื่อมั่น ยอมรับ ไว้วางใจ สนับสนุนความเป็นธรรมแก่คนทำงานทุกภาคส่วน
วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวแถลงนโยบายกระทรวงแรงงานและแนวทางการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ต่อสื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า กระทรวงแรงงาน
เช็กสิทธิกรณีว่างงาน กรณีไหนบ้างได้รับเงินทดแทน หากผู้ประกันตนถูกเลิกจ้าง ลาออกหรือสิ้นสุดสัญญา
ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เป็นลูกจ้างที่ได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครอง 7 กรณี โดยเฉพาะในกรณีผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้าง ลาออกหรือสิ้นสุดสัญญา สำนักงานประกันสังคมจะยังคงคุ้มครองผู้ประกันตนให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีว่างงาน