วิธีเก็บรักษาไวน์ 5 ประเภท เก็บไวน์อย่างไรให้คงคุณภาพดีและไม่เสียรสชาติ

WINE - ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายพันปี ด้วยเสน่ห์และความน่าหลงไหลของรสชาติทำให้ไวน์ถูกยกให้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสนใจในหลายแง่มุม ตั้งแต่กระบวนการผลิต สายพันธุ์องุ่น และมิติรสชาติ จนออกมาเป็นความหลากหลายและเอกลักษณ์เฉพาะของไวน์แต่ละประเภทที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและเสน่ห์ของเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นอย่างดี ทำให้ไวน์กลายเป็นเครื่องดื่มที่มักถูกหยิบขึ้นมาดื่มในหลายโอกาส

แต่รู้หรือไม่ แม้ไวน์จะจัดอยู่ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่การจัดเก็บไวน์ให้ได้รสชาติและคงคุณภาพที่ดีก็นับเป็นเรื่องสำคัญที่สายดื่มไม่ควรมองข้าม เพราะไวน์ที่เปิดขวดแล้วนั้นมีการเก็บรักษาที่แตกต่างจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป บางคนอาจคิดว่าแค่ปิดขวดก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อหยิบมาดื่มอีกครั้ง ไวน์กลับเสียรสชาติ ไม่อร่อย ไม่ซ่าเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง ในบทความนี้ เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับไวน์แต่ละประเภทว่ามีลักษณะรสชาติที่โดดเด่นแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงวิธีการเก็บรักษาที่เหมาะสมสำหรับไวน์แต่ละชนิดกัน

1. RED WINE - ไวน์แดง

RED WINE - ไวน์แดง นับเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 6,000 ปี ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ดีนำมาหมักทั้งลูก รวมทั้งเปลือกและก้านขององุ่น สีของเครื่องดื่มเป็นสีแดงเข้ม มีปริมาณแทนนิน (Tannin) สูง รสชาติไม่หวานจนเกินไป มีความเข้มข้น เปรี้ยว ฝาด และขม รสชาติของไวน์แดงนั้นจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์องุ่นที่ใช้หมัก ระยะเวลาการบ่ม อุปกรณ์ที่ใช้หมักอย่างถังไม้โอ๊ค และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

• การเก็บรักษา

ในการเก็บไวน์ให้คงรสชาติและคุณภาพดี สิ่งแรกที่ต้องคำนึงเลยคือการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ โดยไวน์แดงควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 12-18°C และรักษาความชื้นไว้ที่ 50-70% ที่สำคัญควรเก็บในพื้นที่มืด และหลีกเลี่ยงแสงแดดและการสั่นสะเทือน และควรวางขวดในแนวนอนเพื่อให้ไวน์สัมผัสกับจุกคอร์ก เป็นการรักษาความชื้นของไม้คอร์ก และป้องกันอากาศไหลเข้าในขวด และสำหรับไวน์แดงที่มีการเปิดขวดแล้ว ควรปิดจุกคอร์กให้สนิท สามารถเก็บตู้แช่ไวน์ได้นานประมาณ 3-5 วัน

2. WHITE WINE - ไวน์ขาว

WHITE WINE - ไวน์ขาว เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตมาจากองุ่นเขียวหรือองุ่นแดง ที่ทำการปอกเปลือกแล้ว จากนั้นนำน้ำองุ่นที่ได้ไปบ่มและหมัก สู่กระบวนการผลิตเป็นไวน์ต่อ โดยสีของเครื่องดื่มจะมีความใส มีรสชาติจางกว่าไวน์แดง กลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติออกเปรี้ยว สดชื่น มีความครีมมี่ต่างจากไวน์แดงชัดเจน ทั้งนี้รสชาติของไวน์ขาวแต่ละขวดจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยการผลิตเช่นเดียวกัน

• การเก็บรักษา

การเก็บไวน์ขาวที่ดีมีข้อจำเป็นที่ต้องคำนึงไม่ต่างจากการเก็บไวน์แดงเลยคือ การควบคุมความคงที่ของอุณหภูมิ การหลีกเลี่ยงแสงและการสั่นสะเทือน และวางขวดในแนวนอน ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาไวน์ขาวอยู่ที่ประมาณ 8-12°C แตกต่างจากไวน์แดง หากเปิดขวดแล้วก็ควรปิดฝาให้สนิท จะสามารถเก็บได้นานประมาณ 2-3 วันในตู้แช่ไวน์หรือห้องเก็บไวน์

3. ROSE WINE - ไวน์โรเซ่

ROSE WINE - ไวน์โรเซ่ ผลิตโดยการหมักเปลือกองุ่นแดงกับน้ำองุ่นในระยะเวลาสั้น ตั้งแต่หลักชั่วโมงจนประมาณ 3-4 วัน แต่ก็สามารถนำไวน์แดงและไวน์ขาวมาเบลนด์ (Blended) เพื่อให้ได้ไวน์โรเซ่ได้เช่นกัน สีของเครื่องดื่มจะมีสีชมพูอ่อนคล้ายสีกุหลาบ รสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย หวาน ซ่า มีความสดชื่นคล้ายกับไวน์ขาว ซึ่งรูปแบบการผลิต ระยะเวลาในการหมัก ชนิดขององุ่น และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ สามารถส่งผลต่อรสชาติที่แตกต่างกันออกไปได้

• การเก็บรักษา

สำหรับการเก็บไวน์โรเซ่ก็จะคล้ายกับไวน์ขาว แนะนำให้เก็บในอุณหภูมิคงที่ หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนโดยแนะนำให้เก็บไว้ในตู้แช่ไวน์หรือห้องเก็บไวน์ ซึ่งไวน์โรเซ่ที่มีการเปิดดื่มแล้วควรเก็บไว้ในที่เย็นและรักษาอุณภูมิให้คงที่ ประมาณ 7-13°C เก็บในตู้เย็นจะอยู่ได้ประมาณ 3-5 วัน และควรปิดปากขวดด้วย Stoppe ป้องกันอากาศเข้าและส่งผลต่อรสชาติของเครื่องดื่มได้

4. SPARKLING WINE - สปากลิ้งไวน์

SPARKLING WINE - สปากลิ้งไวน์ เป็นไวน์ชนิดที่มีฟอง เดิมมักจะมาจากไวน์ขาว การผลิตจึงไม่ต่างกัน นั่นคือการนำองุ่นไปบ่มและหมัก สปากลิ้งไวน์นิยมนำมาดื่มก่อนมื้ออาหาร เพราะมีรสชาติเปรี้ยวหวาน ซ่า ให้ความสดชื่น สามารถเรียกน้ำย่อยได้ดี ยิ่งอุณหภูมิของสปากลิ้งไวน์เย็นเท่าไหร่ ฟองและความซ่าก็จะมากขึ้น ซึ่งความซ่าที่ได้นั้นมาจากก๊าซ Co2 (คาร์บอนไดออกไซด์) จากการหมักบ่มตามธรรมชาติ และการอัดก๊าซเข้าไปนั่นเอง

• การเก็บรักษา

การเก็บรักษาสปากลิ้งไวน์นั้นเหมือนกับการเก็บรักษาไวน์ทั่วไป คือควรเก็บในพื้นที่มืดห่างจากแสงแดด หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือน และมีการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ควรเก็บไว้ในพื้นที่อุณหภูมิเย็น โดยอุณหภูมิในการเก็บรักษาสปากลิ้งไวน์นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 7-12°C และเมื่อเปิดขวดแล้ว จำเป็นต้องปิดปากปวดให้แน่นสนิทเพื่อรักษาความซ่าและฟองไว้ จึงควรใช้ Stopper หรือจุกไวน์สำหรับไวน์ที่มีฟองโดยเฉพาะ รวมถึงควรเก็บไว้ในตู้แช่ไวน์หรือห้องเก็บไวน์ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

5. FORTIFIED WINE - ฟอร์ติไฟด์ ไวน์

FORTIFIED WINE - ฟอร์ติไฟด์ไวน์ หรือเรียกสั้นๆว่า พอร์ตไวน์ คือไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าไวน์ประเภทอื่น เพราะมีการผสมแอลกอฮอล์เพิ่มเข้าไปในกระบวนการผลิต ซึ่งพอร์ตไวน์จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ Ruby ที่มีระยะเวลาหมักประมาณ 3 ปี และ Tawny ที่มีระยะเวลาในการหมักนานกว่า และสามารถหมักนานได้ถึง 20 ปี เหมาะสำหรับดื่มแบบเย็น รสชาติมีความเข้มข้นสูง ซึ่งความหวานนั้นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับกระบวนการหมัก เหมาะสำหรับการดื่มหลังมื้ออาหาร

• การเก็บรักษา

การเก็บรักษาฟอร์ติไฟด์ไวน์ หรือพอร์ตไวน์ ต้องคำนึงถึงอุณหภูมิและแสง เพราะไวน์ประเภทนี้สูญเสียรสชาติได้เร็วมากหากเจอกับอุณหภูมิร้อนหรือแสงแดด จึงควรเก็บในที่เย็นอุณหภูมิสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงแสงแดด อุณหภูมิที่เหมาะสมจึงอยู่ที่ประมาณ 13-18°C เมื่อเปิดดื่มแล้วควรปิดขวดหรือจุกไม้คอร์กให้แน่น และนำไปเก็บในตู้แช่ไวน์หรือห้องเก็บไวน์ แต่เนื่องจากไวน์ชนิดนี้มีการเติมแอลกอฮอล์หรือบรั่นดีลงไปด้วย ระยะเวลาในการเก็บจึงนานกว่าไวน์ประเภทอื่น สามารถเก็บได้นานถึง 28 วัน

จะเห็นว่าไวน์แต่ละประเภทนั้นมีความซับซ้อนของกรรมวิธีและเสน่ห์ของรสชาติที่แตกต่างกัน ไวน์แดงมีรสชาติอันโดดเด่น ไวน์ขาวมีความสดชื่นเจือด้วยกลิ่นผลไม้ ไวน์โรเซ่มีความกลมกล่อมและรสชาติอันซับซ้อน สปากลิ้งไวน์มีความซาบซ่าอันเป็นเอกลักษณ์ และพอร์ตไวน์ที่มีความเข้มข้น ไวน์แต่ละประเภทจึงล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวการเก็บไวน์ในตู้แช่ไวน์หรือห้องเก็บไวน์โดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติ เช่น อุณหภูมิ แสงแดด ความร้อน และความชื้น จึงเป็นหัวใจสำคัญของการถนอมรสชาติ กลิ่น และคงคุณภาพของไวน์ให้สมบูรณ์และอยู่ได้นานขึ้นนั่นเอง

สำหรับใครที่ชื่นชอบการดื่มไวน์หรือมีไวน์ขวดโปรดเก็บไว้ แต่กังวลเรื่องการเก็บรักษา ที่ i-Store Wine Storage เรามีบริการห้องเก็บไวน์ Wine Cellar ระดับพรีเมียมตามหลักมาตรฐานสากล ที่มีการควบคุมอุณหภูมิและระดับความชื้นที่เหมาะสม อีกทั้งยังสามารถเข้า-ออกห้องเก็บไวน์ส่วนตัวได้ตลอด 24 ชม. พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม มั่นใจได้เลยว่าไวน์ของคุณจะได้รับการเก็บรักษาอย่างดี ให้คุณได้ดื่มด่ำรสชาติสุดเลิศล้ำของไวน์ขวดนั้นไปได้อีกนาน