คนไทยป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ วันละ 64 คน เสียชีวิตอันดับ 2 ของมะเร็งในไทย' ปัจจัยจากพันธุกรรม พบได้มากใน ผู้ป่วยชาวเอเชีย แม้ไม่สูบบุหรี่-ไม่ได้รับฝุ่น PM2.5 เผยนวัตกรรมให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด รูปแบบฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ลดเวลาการรักษาจาก 1 ชั่วโมง เหลือ 7 นาที ประสิทธิภาพ-ความปลอดภัยไม่ต่างจากวิธีเดิม แต่ผู้ป่วยกลับบ้านได้เร็ว รพ.สามารถช่วยคนไข้ได้เพิ่มมากขึ้นศ.ดร.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ กล่าวว่า สถานการณ์มะเร็งปอดในปัจจุบัน นับเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่น่า เป็นห่วงของประเทศไทย และมีผลต่อการเพิ่มภาระทางสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย เป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง แต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 23,494 คน หรือวันละ 64 คน เป็นเพศชาย 15,200 คน และเพศหญิง 8,294 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 19,864 คน หรือคิดเป็น 54 คนต่อวัน ' นับเป็นมะเร็งที่มีอุบัติการณ์ และอัตราการเสียชีวิตที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย เป็นปัญหาที่ทางสาธารณสุข ควรเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
สำหรับปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็น
- ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงได้ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด ซึ่งร้อยละ 85 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่ ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผล ได้แก่ การได้รับมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5, การเผาถ่าน, การสัมผัส กับก๊าซเรดอน และสารก่อมะเร็งอื่น ๆ เช่น แร่ใยหิน โครเมียมและรังสี
2.ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อายุ
"แต่ละปีคนไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งสูงกว่าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 6 เท่า"อุบัติการณ์ และอัตราการเสียชีวิต ด้วยมะเร็งปอดในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดต่างๆ นำมาซึ่งการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทย" โดยกว่า 80% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเสียชีวิตภายใน 5 ปี' ศ.ดร.นพ.วิโรจน์ กล่าว
รศ. นพ. วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต กล่าวว่า โรคมะเร็งปอดมี 2 ชนิด 1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก และ 2. มะเร็งปอด ชนิดเซลล์ไม่เล็ก วิธีในการรักษาโรคมะเร็งปอดมีหลายวิธีแตกต่างกัน การพิจารณาเลือกวิธีในการรักษา ขึ้นกับชนิด และระยะของมะเร็งปอดตลอดจนสภาพร่างกายของผู้ป่วยเป็นสำคัญซึ่งในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่มักจะรู้จักเพียงการ ผ่าตัด การฉายแสง หรือ การฉายรังสีและการให้ยาเคมีบำบัด เนื่องจากเป็นการรักษา ที่มีมานาน และคนไทยมีความ คุ้นชิน
ปัจจุบันการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก มีวิวัฒนาการความก้าวหน้าของการรักษาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถรักษาได้อย่างเฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งมากยิ่งขึ้น และลดอาการข้างเคียงจากการ ใช้ยาเคมีบำบัดในรูปแบบเดิม ทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น เพิ่มอัตราการรอดชีวิต หรือสามารถควบคุมโรคได้ดียิ่งขึ้น
ได้แก่ 1. การรักษาแบบเฉพาะเจาะจง (targeted therapy) หรือการรักษาโดยใช้ยามุ่งเป้า โดยการใช้ยาที่ ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง ทำให้ให้ประสิทธิผลในการรักษาดีขึ้นและและมีผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติน้อย และ 2.การใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) เป็นยากลุ่มใหม่ที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ปัจจุบันมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยจะมีรูปแบบการบริหารยาเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ทางสายน้ำเกลือ
ขณะที่ นายแพทย์ ยศวัจน์ รุ่งโรจน์วัฒนา กล่าวว่ายาภูมิคุ้มกันบำบัดที่นำมารักษา คนไข้ มะเร็งปอดทั้งในส่วนของเป็นยาเดี๋ยว หรือการใช้ ร่วมกับยาเคมีบำบัด ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดี และมีผลข้างเคียงที่ควบคุมได้ โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่ยาในกลุ่ม ภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งแต่เดิมจะบริหารยาด้วยวิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำแต่ในปัจจุบัน มีนวัตรกรรมใหม่ ที่มีการนำ Halozyme Therapeutics* drug delivery technology (Enhanze@; HuPH20) มาใช้ในการนำส่งยาซึ่งในอดีต การฉีดยาใต้ผิวหนังจะสามารถที่จะฉีดยาได้ปริมาณเพียง 1-2 มิลลิลิตร แต่ด้วยการมี นวัตกรรมที่ผสม ไฮยาลูโรนิคเดสเข้าไปเพื่อสลายไฮยาลูโรแนนเพื่อทำให้ช่องว่างชั่วคราวภายใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถเพิ่ม การนำส่ง ยาใต้ผิวหนังได้ปริมาณที่มากขึ้น โดยนำนวัตกรรมนี้มาใช้ในยาหลากหลายไม่ว่าเป็นยารักษามะเร็ง ยาเบาหวาน รวมถึง ยาในกลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด โดยจากการศึกษาทางคลินิก พบว่าการให้ยาด้วยวิธีทางใต้ผิวหนังเทียบกับการให้ยา ทางหลอดเลือดำมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่แตกต่างจากการบริหารยาด้วยวิธีเดิม แต่สามารถที่จะลดระยะเวลาในการบริหารยาได้ลดลง จาก 1 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 7 นาที'
"ระยะเวลาในการบริหารยาลดลงทำให้ คนไข้สามารถที่จะกลับบ้านได้อย่างรวดเร็ว สามารถไปใช้ชีวิต ประจำวันได้ตามที่ต้องการ ส่วนโรงพยาบาลและบุคลลากรทางการแพทย์ สามารถที่จะช่วยเหลือคนไข้ หรือสามารถที่จะเพิ่ม ประสิทธิภาพของหน่วยมะเร็งได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ การบริหารยาด้วยวิธีการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง จำเป็นจะต้องวางแผนการรักษา ระหว่าง อายุรแพทย์โรคมะเร็ง กับคนไข้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไข้" นายแพทย์ ยศวัจน์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอส แอนด์ พี จัดงาน “S&P Sweet Happiness 2025” ฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี
บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเค้กและเบเกอรี่ เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ จัดงาน
กทปส.จัดแสดงนิทรรศการโครงการที่ได้รับสนับสนุนทุนจาก กทปส.ในงาน BTFP Showcase 2024
กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ(กทปส.)ได้จัดงาน BTTP Showcase 2024
เอ็มไอที สโลน เชิญผู้นำด้านการดูแลสุขภาพ ร่วมปฏิวัติอนาคต การดูแลประชากรสูงวัยในอาเซียน
สำนักงานเอ็มไอที สโลน ประจำภูมิภาคอาเซียน (MSAO) จัดการประชุมครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ในกรุงเทพฯ ภายใต้หัวข้อ "Beyond Years; The Future of Longevity
CEA จัดงานประกาศ “รางวัลความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ ประจำปี 2567”
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ประกาศผลผู้ที่ได้รับรางวัลใน“งานประกาศรางวัลความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์
กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี “Life’s Delicious by กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต”
บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปีเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับทุกคน
การประชุมวิชาการ เรื่อง “Competitive Thailand, Growing Sustainably Together” การออกแบบกฎหมายเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จัดการประชุมสัมมนานานาชาติ OCS International Symposium “Competitive Thailand, Growing Sustainably Together”