นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงมหาดไทย ตอบกระทู้ถามสด แทนนายเศรษฐา ทวีศิลป์ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมาย เรื่องมาตรการช่วยอสังหาริมทรัพย์ ระบายสต๊อค และการให้ต่างชาติถือครองคอนโดมีเนียม จาก 49 เป็น 75 % และพ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่จะขยายเวลาเช่าที่ดินเป็น 99 ปีจาก 30 ปี ว่า ช่วงที่ผ่านมาตนไปประกอบศาสนกิจพิธีฮัจน์ โดยขณะนี้ได้รับนโยบายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ไปศึกษาผลได้ ผลเสีย ผลกระทบในเรื่องดังกล่าว ดําเนินการทํา หรือปรับปรุงอะไรบ้าง ตามที่นายกรัฐมนตรี สั่งมาให้ศึกษาผลได้ ผลเสีย เรื่องของการให้ต่างชาติที่จะเข้ามาเป็นแหล่งเงินทุน หรือจะมาทำธุรกิจ
.
“เรื่องของอสังหาริมทรัพย์ กฎหมายพวกนี้ ในความเห็นผมมันตายตัวไม่ได้ มันต้องมีการปรับปรุงและแก้ไขในภาวะเศรษฐกิจนี้ เป็นอย่างนี้ เราอาจจะไม่ต้องการเงินทุนจากต่างชาติ แต่ในสภาพเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง เราต้องการเงินทุนจากต่างชาติ ปัญหาคือว่าการที่เราจะให้ต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทย ต้องดูว่าเป็นแหล่งเงินทุนของต่างชาติ และไม่ได้มาครอบครอง แล้วยึดไปหมด ไปทําในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ได้ เรียนว่าเราคนไทย เรากลัวกับกฎหมายแบบนี้ แล้วกลัวว่าคนต่างชาติจะเข้ามาครอบงําประเทศไทย จะมาเป็นเจ้าของที่ดินจํานวนมาก แต่เราต้องยอมรับว่าถ้าเราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เราก็ต้องปรับปรุงเรื่องข้อกฎหมาย เพราะว่าท่านให้ศึกษาผลได้ ผลเสีย ผลกระทบ บวกอย่างไร ลบอย่างไร ไม่ได้ให้ทําเลย ตอนนี้กรมที่ดินกำลังดําเนินการเรื่องนี้อยู่” นายชาดา กล่าว
.
“เรียนด้วยความเคารพ วันนั้นผมไม่อยู่ คงจะบอกได้เพียงว่ามันเป็นการสั่งที่ให้ไปดําเนินการศึกษา ยังไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องของที่ว่าท่านนายกรัฐมนตรี ท่านสั่งงาน แล้วท่านตามอยู่ กระทรวงมหาดไทยกําลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ แต่ยังไม่ออกมา เพราะเพิ่งได้ 10 กว่าวัน แล้วมันต้องศึกษา ในแง่ของเศรษฐกิจ ในแง่ของกฎหมาย หลายอย่าง ยังคุยกับทางกรมที่ดินว่ามันต้องชัดเจน เพราะจะออกเป็นนโยบาย หรือจะแก้กฎหมาย มันต้องชัดเจนบอกได้ว่าเหตุผลอะไรดีอย่างไร ถึงจะให้เขาเพิ่มมาเป็น 75% ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ แล้วต้องไปศึกษาถึงขั้นขนาดว่าเขาจะครอบครองประเภทไหนมากกว่า ในการจะครอบครองจะเป็นแบบไหน อันนี้มันรายละเอียดเยอะ ไม่ใช่น้อยๆ แล้วท่านนายกรัฐมนตรี เร่งอยู่ว่าให้ดําเนินการ” รมช.มหาดไทย กล่าว
.
นายชาดา กล่าวว่า เรื่อง พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ์ เป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ซับซ้อนพอสมควร คงอธิบายทั้งหมดไม่ได้ แต่เข้าใจพอๆ กับท่าน แต่มันเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ์ เป็น 99 ปี ท่านนายกสั่งให้ทํา ก็กําลังศึกษากันอยู่ตรงนี้
.
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ดำเนินการ หรือสั่งการให้ไปศึกษาผลกระทบ นายชาดา ยืนยันว่า การแก้กฎหมาย นายกรัฐมนตรี สั่งให้หน่วยงานต้องไปศึกษาผลดี ผลเสีย อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าสั่งปุ๊บ แล้วแก้กฎหมายปั๊บ เพราะการแก้ไขกฎหมายต้องเข้ามาสู่รัฐสภา จะต้องเป็นผู้ที่จะลงมติ มีการวิพากษ์วิจารณ์ การแก้กฎหมายต้องศึกษา ท่านนายกจะสั่ง บอกให้มาแก้กฎหมาย แล้วแก้เลย โดยที่ไม่ดผลได้ ผลเสีย เมื่อเอาเข้าสภาผู้แทนราษฎรจะโดนหนักเลย
.
นายชาดา กล่าวว่า อยากให้มองเรื่องของธุรกิจ กับการที่ต่างชาติมาได้ผลประโยชน์ เราเป็นคนไทยไม่อยากให้ใครมาถือแผ่นดินเรา ไม่อยากให้ใครมาครอบครองแผ่นดินของเรา แน่นอนในความเป็นคนไทยทุกคนมีความรู้สึกอย่างนั้น แต่ในบางเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจและเป็นกลุ่มไม่ได้ใหญ่มากนัก ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องมาคิดกันดู แล้วต้องมาวิเคราะห์ ตนเองคงไม่ยอมให้ชาติไหนมาครอบครองประเทศไทย แล้วเดินกร่างไปทั่ว โดยที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เข้าไป มันเป็นไปไม่ได้ แต่เพียงแต่ว่าเราต้องมาศึกษาในแง่ของเศรษฐกิจ ว่าในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้เราจะทําอย่างไร แล้ววันนี้โลกาภิวัฒน์ วันนี้การเคลื่อนที่ของกลุ่มทุนนั้นมาไวไปไว ทุกคนก็หาประโยชน์จากเงินทุนของต่างชาติ
.
“ในเรื่องของเศรษฐกิจมันต้องทํา แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไปยกที่ดินให้ใครนะ ผมเรียนด้วยความเคารพผมเองก็คงไม่ยอม ใครก็คงสั่งผมไม่ได้ เรียนด้วยความเคารพ แต่มันต้องงเอามาดู เพราะว่า หลังท่านบอกว่าให้ไปแก้กฎหมายคือหมายถึงมันมีหลายเรื่อง อย่างที่ตอนนี้เราจะแก้กันเรื่องพรบ.จัดสรรที่ดิน เรื่องนิติบุคคล อะไรมากมาย ที่ท่าน สส.พรรคก้าวไกล เสนอมาแล้ว ผมบอกว่าให้ศึกษา เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่เรื่องของการขายชาติ ต้องเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่ยอมแน่ แล้วต้องหาเหตุผลที่ดีว่ามันเหมาะสม กับเวลา แล้วมันสมควร ต้องมาว่ากันอีกที ผมเชื่อว่าถ้าเกิดมันเป็นผลเสียจํานวนมากเสนอท่านนายกฯ ท่านคงไม่ฝืนหรอก ผมเชื่อว่าอย่างงั้น ตอนนี้มันเป็นเพียงคําสั่งที่ให้ไปแก้กฎหมาย ว่าจะต้อง ทําอะไร ยังไง แค่นั้น เรียนด้วยความเคารพ สบายใจได้ในเรื่องนี้”นายชาดา กล่าว
.
นายชาดา กล่าวว่า ท่านนายกฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของแผ่นดิน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาบริหารบ้านเมือง แผ่นดินนี้เป็นของคนไทยทุกคน จะทําอะไรต้องถามประชาชนก่อน แต่แนวคิดคนที่เป็นนักบริหารต้องมีแนวคิด มีไอเดีย มีสิ่งที่ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่คิดอะไรเลย มันไม่ได้ มันต้องคิดเพื่อให้เศรษฐกิจ นําพาประเทศไปเดินทางไปในทางที่ถูก ที่ควร เรียนด้วยความเคารพไม่ต้องห่วง เราต้องแยก ต้องมีวิธีคิด ในเรื่องเศรษฐกิจ กับเรื่องความมั่นคงของชาติ ในเรื่องผลประโยชน์ของแผ่นดินไทย การดูแลประเทศมีหลากหลายมิติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“อนุทิน” พบ “ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา ย้ำสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ชูจุดแข็งค้าชายแดน แปลงวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงเป็นซอฟท์เพาเวอร์ร่วมกัน
วันที่ 23 ตค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะ เข้าพบเยี่ยมคารวะ สมเด็จมหา+
“อนุทิน” ตั้ง “มงคลพัฒน์ สรรณ์ไตรภพ” บิดา สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย นั่งคณะที่ปรึกษารองนายกฯ-รมว.มหาดไทย
เมื่อวันที่ 22 ตค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ 3/2567เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยในคำสั่งระบุว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าๆ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล
'ซาบีดา' ลุยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานมีฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ. อุทัยธานี
“อนุทิน” ให้นโยบาย ขรก.มหาดไทย คุณภาพชีวิต มุ่งขับเคลื่อน 5 นโยบายหลัก สร้างคุณภาพชีวิต 3 ด้าน “ความมั่นคงปลอดภัย - เศรษฐกิจ - สะดวกสบาย”
วันนี้ (16 ต.ค. 67) เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายของผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดีรังสิต