สะพานวัดใจบ้านน้ำเชี่ยว
สำหรับทุกคนที่เดินทางมาจังหวัดตราด ส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งไปเกาะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “เกาะช้าง” และหมู่เกาะบริวารเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อ จนลืมนึกถึงว่า บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ยังมีสิ่งน่าสนใจที่ต้องไปเยือน ชวนไปเที่ยว ชวนไปสัมผัสถึงเสน่ห์ของเมืองตราด และที่นั่นก็คือ “บ้านน้ำเชี่ยว” แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ที่มีเรื่องราวมากมายให้น่าไปค้นหา ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติป่าชายเลน สะพานวัดใจ อาหารพื้นถิ่น วิถีชุมชน 2 ศาสนา3 วัฒนธรรม และเรื่องราวอีกมากมายที่ทุกคนต้องหลงใหล
พี่หน่อย หรือ นางสุรัตนา ภูมิมาโนช ประธานวิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์บ้านน้ำเชี่ยว และกลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ได้เล่าให้พวกเราฟังว่า บ้านน้ำเชี่ยว เป็นชุมชนเล็กๆ ในตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 8 กม เป็นชุมชนใกล้ปากอ่าวอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี เดิมที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทยพื้นที่ และชาวจีนที่ล่องเรือสำเภามาค้าขาย ก่อนลงหลักปักฐานอยู่อาศัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวมุสลิมที่เรียกตัวเองว่า “แขกจาม หรือ จำปา” ได้อพยพหนีภัยสงครามจากกัมพูชามาตั้งรกรากอาศัยอยู่เพิ่มเติม ทำให้บ้านน้ำเชี่ยวเป็นชุมชน “2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม” คือ ศาสนาพุทธ-อิสลาม และวัฒนธรรมไทย-จีน-มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติสุขมาช้านาน ลักษณะภูมิประเทศของบ้านน้ำเชี่ยว ถือว่าได้เปรียบด้านทรัพยากรมีความสมบูรณ์ เพราะมีทั้งป่าชายเลน เป็นชุมชนปลายแม่น้ำ มีบ้านเรือนตั้งอยู่ริมน้ำ เป็นแหล่งรวมของคนไทยพุทธ ไทยมุสลิม และไทยเชื้อสายจีน ภายในชุมชนจึงมีทั้งวัด ศาลเจ้า และมัสยิด จนกลายเป็นอัตลักษณ์อันทรงเสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ ที่สามารถผสมผสานความหลากวิถีให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างกลมกลืน
วิถีชีวิตชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว
พี่หน่อย เล่าต่อไปอีกว่า ผู้มาเยือนบ้านน้ำเชี่ยว ที่นี่มีสิ่งน่าสนใจและของดีหลากหลายให้เที่ยวชม เริ่มจาก “คลองน้ำเชี่ยว” เส้นเลือดหลักของชาวชุมชน ซึ่งเราสามารถเดินแบบสบายๆ เที่ยวชมวิถีความเป็นอยู่ของชุมชน ที่มากไปด้วยรอยยิ้มและน้ำใจไมตรีของชาวบ้านน้ำเชี่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน คลองน้ำเชี่ยวมีจุดที่ผุ้มาเยือนทุกคนต้องไปนั่นก็คือ “สะพานวัดใจ” เป็นสะพานข้ามคลองโครงเหล็กโค้งสูง ยามสะท้อนต้องเงาน้ำจะมองเห็นเป็นรูปวงรีสวยงามดูคล้ายดวงตา จึงได้รับฉายาว่าเป็น “ดวงตาแห่งบ้านน้ำเชี่ยว” ซึ่งเป็นใครไปที่ จ.ตราด ต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปเช็คอินที่นี่ และบริเวณริมคลองน้ำเชี่ยวยังมี “มัสยิดอัลกุบรอ” มัสยิดแห่งแรกของภาคตะวันออกอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิม
มัสยิดอัลกุบรอ
ที่นี่มีแหล่งท่องทางธรรมชาติคือ “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน” ที่มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติทอดยาวนำชมระบบนิเวศป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มีหอดูนกสูงกว่า 12 เมตร ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูนก ชมวิว และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป่าชายเลนได้รอบด้าน นอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ ชมอุโมงค์ป่าโกงกางอันสวยงามยามเย็น ชมเหยี่ยวแดงที่มีอยู่จำนวนมาซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ชมป่าชายเลนผืนใหญ่ วิถีประมงพื้นบ้าน ชมทะเลปากอ่าวซึ่งจะเห็นความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ ซึ่งทะเลบริเวณนี้สามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของเกาะช้างได้อย่างชัดเจน
อุโมงค์ป่าโกงกาง
นอกจากนี้ ที่บ้านน้ำเชี่ยว ยังมีอีกหนึ่งของดี คือ “งอบน้ำเชี่ยว” งานหัตถกรรมภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น งอบน้ำเชี่ยวทำจากใบจาก ฝีมือประณีตสวยงาม ประกอบด้วย 5 รูปทรงให้ผุ้มาเยือนได้เลือกซื้อหา ได้แก่ ทรงกระทะคว่ำ ทรงยอดแหลม ทรงกระดองเต่า ทรงกะโหลก และทรงสมเด็จ
งอบน้ำเชี่ยว
ส่วนด้านอาหารการกิน นอกจากอาหารทะเลสดๆรสเลิศแล้ว ถ้ามาถึงน้ำเชี่ยวต้องไม่พลาดชิม “ข้าวเกรียบยาหน้า” ของกินเมนูขึ้นชื่อของชุมชน ต้องบอกว่าเป็นที่เดียวในโลกเลย พอบอกแค่ชื่อก็แปลก คนที่น้ำเชี่ยวเรียกคำว่าทาเป็นคำว่ายา แต่เว้นหน้าอย่างเดียวที่พวกเราเรียกว่าทาแป้งก็สงสัยเหมือนกันทําไมไม่เรียกยาแป้ง ที่มาของเมนูนี้ มาจากชาวมุสลิมเชื้อสายจามที่เข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชน ซึ่งนำวัฒนธรรมการกินมาด้วย นั่นคือ ข้าวเกรียบปากหม้อ บวกกับที่ชุมชนนี้มีกุ้ง มีมะพร้าวจำนวนมาก แผ่นแป้งของข้าวเกรียบยาหน้ามีวัตถุดิบและส่วนผสมอย่างเดียวกับข้าวเกรียบปากหม้อ คือใช้แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ผสมเข้ากับน้ำ จากนั้นนำไปนึ่งเป็นแผ่น ๆ จนสุก แล้วนำไปตากแดดจนแห้ง ครั้นเมื่อจะรับประทาน ก็จะนำแผ่นแป้งที่ผ่านการตากแดดจนแห้งนั้นไปปิ้งบนเตาถ่านจนแป้งกรอบ ทาน้ำตาลอ้อยเคี่ยวซึ่งมีลักษณะข้นเหนียว และตักเครื่องโรยหน้า ซึ่งทำจากแครอท มะพร้าว และกุ้งสับละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย ละเลงทาลงบนแผ่นแป้ง แล้วโรยด้วยต้นหอมซอย พร้อมรับประทาน และมีลักษณะใกล้เคียงกับขนมเบื้อง
ข้าวเกรียบยาหน้า
บ้านน้ำเชี่ยวนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแล้ว ชาวชุมชนยังให้ความสำคัญกับการลดปริมาณคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้สามารถคว้า “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” (Thailand Tourism Awards) หรือ “รางวัลกินรี” ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 ของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” มาครองใน 2 ประเภทรางวัลด้วยกัน ได้แก่ รางวัลดีเด่น กินรีเงิน สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ และเกียรติบัตรประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชาวชุมชนได้เป็นอย่างดี
รางวัลดีเด่น กินรีเงิน
“บ้านน้ำเชี่ยว” เป็นอีกหนึ่งแลนด์มารค์ที่ทุกคนต้องไป เมื่อมาเที่ยวที่ จ.ตราด เราสามารถมาท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์มุมมองใหม่กับสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ผสานวิถีความหลากหลายให้กลายเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมป่าชายเลน ทั้งมีกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายให้เลือกทำทั้งแบบ One Day Trip และการพักค้างแบบโฮมสเตย์ ผู้สนใจสามารถรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “กลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว” ติดต่อ พี่หน่อย โทร. 084 892 5374 หรือดูที่เพจ กลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว (วิสาหกิจฯโฮมสเตย์บ้านน้ำเชี่ยว)
ล่องเรือชมเหยี่ยว
ความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนปากอ่าวบ้านน้ำเชี่ยว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม! 'อนุทิน' เผยมีประชาชนกังวล MOU 44 ยกเลิกเที่ยวเกาะกูด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้พบปะกับนักท่องเที่ยว ที่มาท่องเที่ยว เกาะกูด จังหวัดตราด ก่อนเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะกูด
ผู้ประกอบการเรือโดยสาร เผยนักท่องเที่ยวไทยกังวลสถานการณ์เกาะกูด
ผู้ประกอบการเรือโดยสาร เผยนักท่องเที่ยวไทยกังวลเรื่องปัญหาเกาะกูด ห่วงเสี่ยงภัยหรือไม่ ส่วนการเดินทางมาของ 2 รองนายกรัฐมนตรี หวังสร้างความเชื่อมั่นกลับมาสู่เกาะกูดอีกครั้ง ยายวัย 80 ปี ยันเกาะกูดเป็นของไทย
สุราษฎร์ธานี จัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี67 ย้ำชุมชนต้องเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยคนจน
UN – HABITAT หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’ กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’
รถทะลักเกาะช้าง แห่เที่ยวช่วงหยุดยาว 3 วัน ท่าเรือเฟอร์รี่ใช้เรือ 5 ลำให้บริการ
ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ บริษัท เกาะช้างเฟอร์รี่ จำกัด บ้านธรรมชาติ ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด รถยนต์กว่า 300 คัน รวมทั้งรถทัวร์ท่องเที่ยว 5-6 คันและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศกว่า 100 คน
รวมพลังคนจนแก้ปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ วันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2567
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
‘21 ปีบ้านมั่นคง’ พอช. แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ กว่า 3 แสนครัวเรือน
รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย และสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยแก่คนจนในเมืองที่ ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัด