นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นต่ออนาคตกัญชาไทย ที่มีความพยายามจากบางฝ่าย ในการให้กลับเป็นยาเสพติด ว่า
กลุ่มที่ต้องการนำกลับไปเป็นยาเสพติด มักจะให้เหตุผลว่า แม้จะเอากลับไปแล้ว ก็ยังสามารถใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ขอย้ำว่าประเทศไทยได้เคยมีช่วงเวลาในการที่ให้ช่อดอกของกัญชาและกัญชงเป็นยาเสพติดแต่ยังคงใช้ในทางการแพทย์ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วได้ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ของสังคมไทยตามมา
คือ แพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชาให้กับผู้ป่วย ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ใช้กัญชานอกระบบทางการแพทย์ จึงทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อนถูกจับกุมไปอยู่ในเรือนจำ
ขอให้ศึกษารายงานของศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติดในผลการศึกษาติดตามสถานการณ์การใช้และการให้บริการกัญชาทางการแพทย์ระยะที่สอง ช่วงปี 2563-2564 ในประเทศไทย ซึ่งศึกษาโดย ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อัษณางค์กรชัยและคณะ
โดยการศึกษาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่กัญชายังเป็นยาเสพติดแต่ใช้ทางการแพทย์ได้ กลับพบว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับกัญชา นอกระบบ ของกระทรวงสาธารณสุขมากถึงร้อยละ 84 และมีประชาชนใช้กัญชานอกเหนือข้อบ่งใช้ในโรคต่างๆนอกเหนือการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขมากถึงร้อยละ 84 ทั้งที่ตอนนั้น ก็คลายล็อกให้ใช้ทางการแพทย์ได้ แต่กลับมียากัญชาถึงมือประชาชนน้อยเหลือเกิน ทั้งที่กัญชา มีประสิทธิภาพ ในการรักษา เพราะ ผลการศึกษาเดียวกันนี้พบว่า หลังใช้กัญชา ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นถึงดีขึ้นมากถึงร้อยละ 93 ทั้งผู้ป่วยเบาหวาน แพ้เหงื่อตัวเองแพ้ความร้อน งูสวัด ก้อนเนื้อที่กระเพาะปัสสาวะ AIDS สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ ก้อนเนื้อที่ต่อม ลูกหมาก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อัมพาตครึ่งซีก เก๊าท์ ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจอ่อนๆ เป็นต้น
นี่คือประสิทธิภาพของกัญชา ซึ่งประชาชนต้องลอบใช้ แม้ว่า ตอนนั้น จะคลายล็อกก็ตาม
เราทราบกันดีว่าที่แพทย์ ไม่จ่ายยากัญชา ก็เพราะข้ออ้างว่าไม่ได้มีงานวิจัยที่ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ และไม่ได้เป็นข้อบ่งใช้ภายใต้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข หรือมีอคติและความไม่เข้าใจในเรื่องกัญชา แม้กระทั่งแต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับยาแผนปัจจุบันอย่างอื่น สุดท้ายแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ ประชาชน ที่ใช้กัญชาเป็นทางเลือกด้านการรักษาสุขภาพ ก็หมดโอกาสนั้น เพราะหมอไม่สั่งยา นี่คือปัญหา ของการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด แล้วให้สิทธิ์เฉพาะกับแพทย์ในการจ่ายยา ก็เหมือนทำลายยากัญชาไปโดยปริยาย
“ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าถึงเอากลับเป็นยาเสพติด ประชาชน ก็ใช้กัญชาดูแลสุขภาพตัวเองได้ เพราะประสบการณ์ มันให้คำตอบไว้หมดแล้ว ขนาดคลายล็อกให้ใช้ ประชาชนยังเข้าไม่ถึง หากเอากลับไปเป็นยาเสพติด ก็อวสานได้เลย”
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก คนที่ใช้กัญชานอกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพราะแพทย์ไม่จ่ายยาให้ ก็ต้องกลับไปเป็นอาชญากรนำไปติดคุกตะรางนั้น เหมาะสมแล้วหรือไม่ นี่ก็เป็นคำถามที่ต้องตอบให้ได้
ทั้งนี้ หากมีการนำกัญชา กลับไปเป็นยาเสพติดแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ การมีข้อกำหนดที่ยุ่งยากและเป็นภาระเกินไปในสถานพยาบาลทุกแห่ง ทำให้แพทย์ส่วนใหญ่ไม่เป็นมิตรกับการจ่ายกัญชาให้คนไข้ แล้วก็เลือกที่จะไม่จ่าย แม้ชาวบ้านจะร้องขอก็ตาม
และในความเป็นจริงในช่วงกัญชาเป็นยาเสพติดแต่อ้างว่าใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ปรากฏว่าผลิตภัณฑ์กัญชาที่รัฐบาลลงทุนผลิตให้โรงพยาบาลต่างๆจ่ายให้ผู้ป่วย กลับปรากฏว่าแพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชาให้คนไข้และปล่อยให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันกัญชาหมดอายุไป ในขณะที่ประชาชนกลับต้องหาน้ำมันกัญชาใต้ดินเพื่อมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
ณ จุดหนึ่งประชาชนจะหาทางเข้าถึงยากัญชาเอง แล้วจะเกิดเรื่องแบบเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 ที่คุณยายอายุ 70 ปี ปลูกกัญชาเพื่อต้มกินรักษาโรคเพื่อการพึ่งพาตัวเอง แต่กลับถูกจับกุมและขังคุก เราต้องการให้เหตุการณ์ทำนองนี้กลับมาอีกหรือไม่
“เรื่องของกัญชา จะต้องคำนึงถึง 2 ด้าน คือ เมื่อกัญชา คือ ยา มีสรรพคุณในการรักษา เราต้อง
1.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาได้มากขึ้นโดยไม่ถูกผูกขาดอยู่กับกลุ่มทุนทางการแพทย์บางกลุ่ม
2.ออกกฎหมายคุ้มครองผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชาอย่างเข้มงวด และผู้ที่ห้ามใช้กัญชาอย่างเคร่งครัด และยังกำหนดให้มีบทลงโทษรุนแรงกว่ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ก็ยังได้
และการจะทำเช่นนั้นได้ ไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาด้วยการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยอ้างว่าจะยังคงใช้ทางการแพทย์ได้ แต่จะปล่อยให้สถานการณ์ที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมทั้งระบบก็ไม่ได้เช่นกัน
ทางออกเรื่องนี้จึงทำได้เพียงประการเดียวคือ ต้องเร่งตราพระราชบัญญัติในการใช้ประโยชน์และควบคุมกัญชา และกัญชงทั้งระบบ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเอาความจริงมาพูดกันเท่านั้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตำรวจแถลงจับเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ ของกลางยาบ้า 41 ล้านเม็ด
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง
ทหารพราน ปะทะเดือด กลุ่มค้ายาชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ยึดยาบ้า 2 แสนเม็ด
ภายหลังจากที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ วางมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงประเพณีลอยกระทงประจำปีนี้
'ทวี' ตื่น แม่สร้างห้องขังดูแลลูกติดยา รุกจับมือทุกฝ่ายดูแลก่อนออกสู่สังคม
“ทวี”เยี่ยม “เอ็ม” หนุ่มบุรีรัมย์ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น ครบ 1 อาทิตย์หลังแม่ทนไม่ไหวสร้างห้องขังลูกเหตุเพราะติดยา พร้อมประกาศเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจัง และสร้างคนให้มีความรู้ความสามารถทัดเทียมนานาประเทศ
น้ำท่วมใหญ่ชายแดนไทย ทำสถานการณ์ยาเสพติดรุนแรงมากขึ้น
พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันนี้ เจ้าหน้าที่กองกำลังผาเมือง(กกล.ผาเมือง)
จนท.หลายภาคส่วน ลงพื้นที่ตรวจสอบ แม่สร้างห้องกรงในบ้าน รอขังลูกทาสยา
นายวรพนธ์ หิรัญรัตนา พนักงานอัยการจังหวัดนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ สูงเนิน ผอ.คุมประพฤตินางรอง , นางรัชนีกร สวัสดิ์พูน ปลัดอาวุโส รักษาราชการนายอำเภอนางร
‘อิ๊งค์’ ส่งสัญญาณ! กวาดล้างพ่อค้ายา
“นายกฯ อิ๊งค์” ย้ำแผนปราบยา ตัดวงจร ฝึกอาชีพ ส่งสัญญาณกวาดล้างผู้ค้าในพื้นที่ระบาด ยึด อายัดทรัพย์ เอาผิดอย่างจริงจังและเด็ดขาด