แนะนำ 4 กองทุนลดหย่อนภาษีที่ควรมีติดพอร์ต

การลงทุน เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว รวมทั้งยังมีผลประโยชน์ทางด้านภาษีด้วย แต่น่าเสียดายที่นักลงทุนจำนวนมากมักละเลยประโยชน์ทางภาษีที่สามารถได้รับจากการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีบางประเภท กองทุนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณ แต่ยังช่วยลดภาระทางภาษีอีกด้วย ในบล็อกนี้ เราจึงจะมาแนะนำ 4 กองทุนลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจ และควรมีติดพอร์ตการลงทุนของคุณเอาไว้ จะมีกองทุนใดบ้าง ไปชมกันเลย

1. กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF เป็นกองทุนลดหย่อนภาษีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินได้ที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนหลังจากถือครองเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีปฏิทิน นักลงทุนสามารถนำเงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุน LTF ไปหักลดหย่อนจากเงินได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถนำเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุน LTF ในแต่ละปีไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยมีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเงินสะสมที่นักลงทุนจ่ายเข้ากองทุน RMF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ เงินได้ที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุน RMF ยังได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย ทำให้กองทุนลดหย่อนภาษีประเภทนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มุ่งหวังการออมเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณอายุ

3. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)

กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT เป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เป็นต้น REIT ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคลในส่วนของกำไรสุทธิที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้ถือหน่วยลงทุนจะต้องเสียภาษีเพียงครั้งเดียวจากเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุน

4. กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุน Infrastructure ก็ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในลักษณะเดียวกันกับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยกองทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคลในส่วนของกำไรสุทธิที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องเสียภาษีเพียงครั้งเดียวจากเงินปันผลที่ได้รับ กองทุน Infrastructure มักจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ถนน สะพาน ท่าเรือ โรงไฟฟ้า เป็นต้น

โดยสรุปแล้ว การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวข้างต้น ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระภาษีอีกด้วย ซึ่งถือเป็นประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขของแต่ละกองทุนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงพิจารณาระดับความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อให้การลงทุนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด