พอช. ร้อยดวงใจ จิตอาสา พัฒนาชุมชนท้องถิ่น “ปลูกป่า สร้างฝาย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

พิธีโครงการ พอช. ร้อยดวงใจ จิตอาสา พัฒนาชุมชนท้องถิ่น“ปลูกป่า สร้างฝาย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

เพชรบุรี/8มิ.ย2567 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. จัดกิจกรรม พอช. ร้อยดวงใจ จิตอาสา พัฒนาชุมชนท้องถิ่น “ปลูกป่า สร้างฝาย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗  โดยมี ดร.กอบศักดิ์  ภูตระกูล ประธานคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการ คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง และแกนนำป่าชุมชนนำร่อง 15 พื้นที่จากทั่วประเทศ กว่า200 คน เข้าร่วมการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ณ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ต้นไม้ที่ใช้ปลูก ณ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ

ด้วยในปี 2567 เป็นมหามงคลสมัยพิเศษ  พอช.สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จึงดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งจะมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด

ดร.กอบศักดิ์  ภูตระกูล ประธานคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า โครงการ พอช. ร้อยดวงใจ จิตอาสา พัฒนาชุมชนท้องถิ่น“ปลูกป่า สร้างฝาย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นับเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญของชาวบ้าน ชุมชนถ้ำเสือ ซึ่งได้มีโอกาสร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย  

เป็นโอกาสที่ดีเนื่องในวาระครบรอบเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงรัชกาลที่10  ทํายังไงที่เราจะพลิกพื้นแผ่นดินไทยให้กับมีความอุดมชุ่มชื้นแล้วก็มีพื้นที่ป่ามากขึ้น หนึ่งในนั้นก็เราพบว่ามีป่าชุมชนครับป่าชุมชนเป็นสิ่งที่รัฐบาลมอบหมายให้ชุมชนช่วยดูแลพื้นที่ป่าให้  ถ้าเป็นป่าของรัฐก็จะโล่งๆ แต่ถ้าเป็นป่าชุมชนจะคึกคักเขียวชอุ่ม เพราะพี่น้องชุมชนคอยช่วยกันปกป้อง มีอาสาสมัครในการดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พอช.จึงได้ทำโครงการนําร่องป่าชุมชน 15ชุมชน ต้นแบบของประเทศไทย และที่ถ้ำเสือก็เป็นหนึ่งในนั้น ตั้งใจว่าจะชวนทุกคนมาเริ่มต้นโครงการปลูกป่าก็ตั้งใจจะปลูกประมาณหนึ่งหมื่นต้น ได้ทั้งประโยชน์ ทั้งอาหาร ทั้งเห็ด ทั้งผลเก็บเกี่ยวได้เพราะว่าเวลาเราทําป่าชุมชน หัวใจคือเราต้องดูแลบริหารจัดการเรื่องน้ำ จึงตั้งใจทําฝายชะลอน้ำเป็นช่วงๆพอทําเสร็จ น้ำมาก็จะชะลอความแรงแล้วซึมลงสู่ใต้พื้นดิน จะชุ่มชื้นป่าก็จะอุดมสมบูรณ์ขึ้นมา  ในขณะเดียวกันก็จะมีโครงการปลูกต้นไม้ จะเป็นทั้งป่าชุมชน และเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตของชุมชน “ชุมชนเอื้อป่า ป่าเอื้อชุมชน”  

ประธานกอบศักดิ์ และนายกฤษดา ผอ.พอช. ร่วมกันปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ

“เราสามารถชวนพี่น้องชาวบ้านปลูกป่า ทำธนาคารต้นไม้ เก็บออมเลี้ยงชีพได้ ก็นับเอาว่าต้นไม้ที่มีอยู่จะมีอายุกี่ปีถ้า10 ปีก็คูณเข้าไป 1 ต้น 2 หมื่นบาท เราใช้ไม้ก็ได้ เก็บผลผลิตกินได้ อยู่บนพื้นความคิดว่า เมืองไทยมีที่ดินเป็นเงินเป็นทองเราต้องหาทางให้เงินทองงอกเงยให้เต็มหมดในพื้นที่เมืองไทย  ในอนาคตบอกเลยว่าต้นไม้จะมีค่า วันนี้เราดําเนินการสร้างฝายหลายตัว พอสร้างฝายเสร็จ ปลูกต้นไม้ต่อแล้วก็หลังจากนั้นก็ตั้งใจว่าจะขับเคลื่อนโครงการพัฒนาต้นไม้โครงการต่างๆ นอกจากที่ถ้ำเสือแล้ว เรายังจะไปปลูกป่าที่ตำบลวังตามัว จังหวัดนครพนม ในวันที่ 19 มิ.ย นี้ อีก 11972 ต้น”

นายกฤษดา สมประสงค์ กล่าวว่า  ในการทำกิจกรรม  ร้อยดวงใจ จิตอาสา พัฒนาชุมชนท้องถิ่น “ปลูกป่า สร้างฝาย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พอช.ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคี ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม  โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานสถาบันร่วมเป็นจิตอาสาพระราชทานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาคี ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  เป็นการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร ด้านการมีส่วนร่วม การเป็นจิตอาสา และสร้างความสัมพันธ์อันดีของผู้ปฏิบัติงานสถาบัน และสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ภารกิจขององค์กรต่อสาธารณะที่มีความสอดคล้องกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน 

สร้างฝายชลอน้ำป่าชุมชนถ้ำเสือ

“เราทําในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การปลูกป่าในโครงการนี้ เป็นการ kick off จุดแรกซึ่งมีเป้าหมายดําเนินการใน 76 จังหวัดทั้งประเทศ โดยเฉพาะมีพื้นที่ป่าชุมชน 15 ป่าชุมชน การที่เราจะได้น้อมนําพลังทุกภาคส่วนถวายให้กับพระองค์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการทําให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ถ้ำเสือนั้นเป็นพื้นที่ป่าชุมชนซึ่ง พอช. ได้มาส่งเสริมให้พี่น้องเครือข่ายองค์กรชุมชนร่วมกับประชาสังคม ภาคีทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนพื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้ ในการที่จะฟื้นคืนผืนป่าให้กลับคืน โดยการปลูกป่าในครั้งนี้ จํานวน 1,072 ต้น เป็นการรวมพลังทุกภาคส่วนมาช่วยกันคืนทรัพยากรธรรมชาติให้กับผืนป่าแห่งนี้ให้ยั่งยืน”

นายสุเทพ  พิมพ์ศิริ  แกนนำป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือ  กล่าวว่า  ชุมชนบ้านถ้ำเสือได้ตั้งคณะกรรมการป่าชุมชนขึ้นมาดูแล  มีคณะกรรมการรวม 15 คน  มีระเบียบข้อบังคับ  เช่น  ห้ามตัดไม้ทุกชนิด  ห้ามล่าสัตว์ป่า  ห้ามบุกรุกแผ้วถาง ห้ามจุดไฟเผาป่า  หากทำผิดระเบียบจะว่ากล่าวตักเตือนก่อน  หากทำผิดซ้ำจะโดนปรับ  และจะส่งดำเนินคดีหากยังทำผิดซ้ำอีก  แต่ชาวบ้านสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเก็บหาของป่าเพื่อบริโภค  ตัดไม้ไผ่เพื่อใช้สอย  หากใช้ประโยชน์อื่นๆ คณะกรรมการป่าชุมชนจะประสานกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เพื่อพิจารณา  ชาวบ้านถ้ำเสือยังช่วยกันดูแลป่าชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง  เป็นป่าชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้  อยู่ห่างจากย่านชุมชนหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร  เป็นป่าที่ราบสลับภูเขา  มีไม้ต่างๆ เช่น ไม้รวก สามพันตา งิ้ว มะค่า ตะแบก ไม้รัง ฯลฯ มีถ้ำซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ‘บ้านถ้ำเสือ’  โดยกรมป่าไม้ได้ขึ้นทะเบียนรับรองเป็นป่าชุมชนในปี 2552 เนื้อที่ 772 ไร่เศษ  (ปัจจุบันชาวบ้านขยายการดูแลป่าชุมชนเพิ่มขึ้นอีก 2 แปลง  รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 3,500 ไร่)  จากผลงานการดูแลป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือมาอย่างต่อเนื่อง  จึงทำให้บ้านถ้ำเสือได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 15 ป่าที่เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการจัดการป่าชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับ พอช.  และได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 75,000 บาท  เพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมการพัฒนาป่าชุมชน  ไม่ว่าจะเป็น การปลูกป่า การทำฝายชะลอน้ำบริเวณป่าถ้ำเสือ  การเชื่อมโยงเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน

นางนันทนา บุณยานันต์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน กล่าวว่า  สืบเนื่องจากการที่กรมป่าไม้ร่วมกับ พอช. ได้ลงนามความร่วมมือกับกรมป่าไม้ ในการที่จะพัฒนาป่าชุมชนสู่ความยั่งยืน เรามีเป้าหมายถึง 15 พื้นที่ทั่วประเทศ บ้านถ้ำเสือนี้เป็นหนึ่งใน 15 พื้นที่ มีความเข้มแข็งเริ่มต้นจากป่าชุมชนที่เขาได้รับอนุมัติ 3,180ไร่ แล้ววันนี้ทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนน่ะก็ได้เข้ามาต่อยอดในหลายหลายมิติ สร้างความมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและก็สิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่การปลูกต้นไม้แล้วก็การทำฝายแล้วก็มีเรื่องของการจะต่อยอดในเรื่องของการวิสาหกิจชุมชนเรื่องของธนาคารต้นไม้  วันนี้ป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือก็จะเป็นต้นแบบแห่งหนึ่งที่จะขยายผลไปให้ป่าชุมชนอื่นอื่นหรือชุมชน ที่จะมาทำให้ชุมชนนั้นมีความเข้มแข็งและก็มีสิ่งแวดล้อมและก็เศรษฐกิจดีขึ้น

“ป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือเป็นป่าต้นแบบหรือเป็นชุมชนต้นแบบที่มีความเข้มแข็ง  มีความหลากหลายของภูมิอากาศก็ดี พืชพันธุ์ต่างๆ สิ่งที่เราตั้งใจที่จะขยายต่อจากโครงการนี้ไปอีก ก็คือเรื่องของการดูแลป่าแล้วได้มาเรื่องของคาร์บอนเครดิต นั่นก็หมายถึง ถ้าชุมชนปลูกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นธนาคารต้นไม้หรือปลูกต้นไม้ในป่าชุมชนเราสามารถประเมินกายภาพของต้นไม้ที่มันเจริญเติบโตออกมาเป็นตัวเลขคาร์บอนได้และถ้าเราเข้าร่วมโครงการทําคาร์บอนเป็นปี คาร์บอนที่สะสมกักเก็บมากขึ้น เขาเรียกว่าคาร์บอนเครดิต ก็จะสามารถที่จะนําคาร์บอนเครดิตนั้นไปขายให้กับภาคธุรกิจที่เขาปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ชุมชนก็จะมีได้รายได้จากการปลูกต้นไม้”

ฝายชะลอน้ำป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือ

การจัดกิจกรรม “ปลูกป่า สร้างฝาย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ที่ชุมชนบ้านถ้ำเสือ เป็นกิจกรรมที่ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ โดยนำพระราชปณิธานและพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มุ่งยกระดับการแก้ไขปัญหาสังคมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน มาปรับใช้ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคม ชุมชนท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็งเต็มพื้นที่ประเทศไทย ผ่านโครงการด้านจิตสาธารณะและจิตอาสาร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน อีกทั้งได้เรียนรู้พื้นที่รูปธรรมต้นแบบ เรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน  การทำธนาคารต้นไม้ การปลูกป่าเพื่อสร้างพื้นที่การดูดซับคาร์บอน ( Carbon Credit ) ดังคำว่า   “ป่าสร้างคน..คนสร้าป่า” เป็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“บ้านน้ำเชี่ยว 2 ศาสนา3 วัฒนธรรม” สานพหุวัฒนธรรม นำสู่การจัดการจัดการตนเอง (2)

พวกเราได้รู้จักบ้านน้ำเชี่ยวจังหวัดตราดไปแล้ว ต้องบอกว่าเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งในด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัย 17 ประเทศในระดับเอเชียและนานาประเทศ ผนึกพลังทุกภาคส่วนสร้างบ้านเพื่อทุกคน เสนอรัฐหนุนเสริมบ้านโดยชุมชน ปลดล๊อกสิทธิที่ดินและระบบการเงิน สู่ความยั่งยืนมั่นคง

กทม. : วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนจาก 17 ประเทศในระดับเอเชียและนานาประเทศ ร่วมเสนอแนวทางการการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนในระดับเอเชียและนานาประเทศ

ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชน เปิดวงแลกเปลี่ยนบทเรียนการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนในระดับเอเชียและนานาประเทศ

วันที่ 2-3 กรกฎาคม 2567 ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชน หน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ประชาสังคม นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ

วราวุธ รมว.พม. เยี่ยมบ้านมั่นคงเมืองย่าโม ย้ำนอกจากมีบ้านแล้วต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีทุกครัวเรือน

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการบ้านมั่นคง

กระทรวง พม. เปิดปฏิบัติการ “พม.ร่วมใจ สานสายใยพี่น้องเปราะบาง ชุมชนริมคลองเปรมประชากร”

กรุงเทพฯ/29 มิถุนายน 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดโครงการ “พม.ร่วมใจ สานสายใยพี่น้องเปราะบาง ชุมชนริมคลองเปรมประชากร”