สทนช.ปิดหน่วยปฏิบัติการจัดการทรัพยากรน้ำชั่วคราวในภาวะวิกฤติ หลังประสบผลสำเร็จในการระดมสรรพกำลังบูรณาการร่วมกันวางแผนแก้ปัญหาน้ำเค็มจากแม่น้ำบางปะกงรุกตัวเข้าคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาขา จนสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ เผยสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ได้มากกว่า 10,000 ครัวเรือน
นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะโฆษก สทนช. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการจัดการทรัพยากรน้ำชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ในการ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาน้ำเค็มจากแม่น้ำบางปะกงรุกตัวเข้าคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาขา ตั้งแต่เกิดในช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันว่า หน่วยปฏิบัติการจัดการทรัพยากรน้ำชั่วคราวฯ ใช้ระยะเวลาเพียง 1 เดือน สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาข ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สมุทรปราการ ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ มีค่าความเค็มอยู่ในช่วงควบคุมคือ ไม่เกิน 5 กรัมต่อลิตร และเริ่มทยอยเข้าสู่สภาวะปกติ
โดยพื้นที่ที่มีค่าความเค็มอยู่ในช่วง 0.10-1.00 กรัมต่อลิตร มีจำนวน 8 พื้นที่ เช่น คลองขวาง คลองเปรง คลองสำโรงหน้าอำเภอบางบ่อ คลองหลอดปลาดุก เป็นต้น และพื้นที่ที่มีค่าความเค็มอยู่ในช่วง 1.01-5.00 กรัมต่อลิตร จำนวน 21 พื้นที่ เช่น คลองบึงหนามแดงบางพระ คลองประเวศบุรีรมย์ คลองพระยาสมุทร และบริเวณสี่แยกคลองพระองค์ตัดคลองประเวศฯ เป็นต้น
นอกจากนี้ปริมาณออกซิเจนในน้ำเริ่มมีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ การประมง และการเกษตร เกษตรกรสามารถนำน้ำเข้าสู่แปลงเพาะปลูกพืชและบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้ ชาวบ้านสามารถใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายให้กับผู้ประสบภัยด้านคุณภาพน้ำได้มากกว่า 12,000 ครัวเรือน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สามารถบริหารจัดการน้ำได้ตามปกติแล้ว จึงได้ยุติการทำงานของหน่วยปฏิบัติการจัดการทรัพยากรน้ำชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.2567 เป็น ต้นไป สทนช.ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้เหตุการณ์น้ำเค็มจากแม่น้ำบางปะกงรุกตัวเข้าคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาขาดังกล่าวนั้น เกิดจากทำนบดินชั่วคราว โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบท่าถั่ว ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา พังทลายเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 67 จนทำให้น้ำเค็มจากแม่น้ำบางปะกงไหลทะลักเข้าคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาขา ส่งผลให้ค่าความเค็มในคลองประเวศฯและคลองสาขาสูงที่ระดับ 6.7-25 กรัมต่อลิตร กระทบต่อคุณภาพน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งประชาชน เกษตรกรผู้ปลูกพืช เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำใน อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.บ้านโพธิ์ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ นำไปใช้สอย สทนช.จึงได้ประกาศจัดตั้ง “หน่วยปฏิบัติการจัดการทรัพยากรน้ำชั่วคราวในภาวะวิกฤติ”ขึ้นมา ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและในพื้นที่เพื่อบูรณาการกันแก้ไขปัญหาอย่างเป็นเอกภาพ โดยได้มีการประชุมวางแผนและติดตามการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น สทนช.ได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมชลประทานและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเค็มออกจากพื้นที่ประสบภัยวันละ 56,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งดำเนินการซ่อมแซมทำนบดินที่พังทลายให้แล้วเสร็จ จากนั้นได้แจกจ่ายน้ำจืดสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนรวมจำนวน 5 ล้านลิตร ในขณะเดียวกันกรมพัฒนา ที่ดิน ได้แจกสารบำบัดน้ำเน่าเสีย ที่ผลิตจากสารเร่งซุปเปอร์พด.6 ให้เกษตรกรรวม 2,200 ลิตร พร้อมทั้งได้ฉีดในพื้นที่คลองสาธารณะรวม 155,000 ลิตร สำนักงานประมงจังหวัด แจกจุลินทรีย์ ปม.1 และ ปม.2 เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำในฟาร์มสัตว์น้ำให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในส่วนของจ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สมุทร ปราการเองก็ได้ร่วมแก้ไขสถานการณ์ และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนข่าวสารให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง และได้มีการบริหารจัดการน้ำข้ามลุ่มน้ำโดยการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยาสู่ลุ่มน้ำบางปะกง เพื่อช่วยผลักดันน้ำเค็มในพื้นที่จนสถานการณ์คลี่คลายลงได้
“ส่วนกรณีที่น้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางและปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนลุ่มน้ำบางปะกงในพื้นที่ดังกล่าวอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับลุ่มน้ำอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นลุ่มน้ำท่าจีนจะมีการนำน้ำจากแม่น้ำแม่กลองและคลองดำเนินสะดวกมาเติมเพื่อรักษาค่าความเค็มที่ปากคลองจินดาให้เป็นไปตามเกณฑ์ ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะควบคุมค่าความเค็มโดยการผันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนมาเติมที่คลองพระยาบันลือเพื่อให้รักษาค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานีสูบน้ำดิบสำแลให้เป็นไปตามเกณฑ์ ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาด้านคุณภาพน้ำได้เป็นอย่างดี” รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สทนช. เผย 18 จังหวัดยังจมบาดาล
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทำการสรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 ก.ย. 67 เวลา 7.00 น.
สทนช. อัปเดตสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ เตือนรับมือฝนตกหนัก 30 ก.ย.-1 ต.ค.
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 ก.ย. 67 เวลา 7.00 น. 1.ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงใหม่ (159 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.ศรีสะเกษ (50 มม.) ภาคกลาง : จ.ลพบุรี (74 มม.)
เช็กเลย! 'สถานการณ์น้ำ' ภาพรวมทั้งประเทศ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ เวลา 7.00 น. ดังนี้ 1.ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด
สทนช. อัปเดต 'สถานการณ์น้ำ' ภาพรวมทั้งประเทศ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 16 ก.ย.67 เวลา 7.00 น.
อีสานระทึก! ระดับน้ำโขงพุ่งพรวดเดียวเกือบเมตร เสี่ยงท่วมฉับพลัน
นครพนมลุ้นระทึกอีกครั้ง! ระดับน้ำโขงพรวดเดียวสูงขึ้นอีกเกือบเมตร ฝนกระหน่ำซ้ำทั้งคืน ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆ ลาวแจ้งด่วนเขื่อนจีนปล่อยน้ำ
กรุงเทพฯ รอด! ไม่ซ้ำรอยปี 54
สถานการณ์น้ำท่วมปี 2567 ยังต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับฝนระลอกใหม่เดือนกันยายนนี้ หลังจากช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมภาคเหนือ มีพื้นที่ประสบอุทกภัยถึง 12 จังหวัด ขณะที่รายงานกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ฝน One Map