บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2567 ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 1/2567 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 5,863 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสก่อนจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในประเทศสหรัฐฯ ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินเพื่อส่งออกตึงตัว รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ใช้กลั่นจริงเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ (Crude Premium) ปรับตัวลดลง หลังจีนและอินเดียลดการซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง ในขณะที่อุปทานจากตะวันออกกลางปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาค ส่วนธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ในไตรมาส 1/2567 ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนตัวลง ประกอบกับแรงกดดันจากอุปทานในตลาด เช่นเดียวกันกับกำไรจากธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอยที่ปรับตัวลดลงจากส่วนต่างราคายางมะตอยเทียบกับราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวลง หลังตลาดถูกกดดันจากความต้องการใช้ยางมะตอยในภูมิภาคที่อ่อนตัวลง
โดยภาพรวมกลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มฯ รวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามันอยู่ที่ 10.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 6.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากไตรมาส 4/2566
นายบัณฑิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 หลังได้รับแรงกดดันจากโรงกลั่นใหม่หลายแห่งที่เริ่มเปิดดำเนินการ ทำให้อุปทานปรับเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงกลั่นยังได้รับแรงหนุนจากโรงกลั่นรัสเซียที่ยังคงอยู่ในระหว่างการปิดปรับปรุงจากการถูกโจมตี ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มตึงตัว ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ ท่ามกลางปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง และสำหรับภาพรวมของธุรกิจโรงกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสู่สมดุล โดยคาดว่าจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ไทยออยล์จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดและขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ตลาดที่ผันผวน รวมถึงแสวงหาโอกาสสร้างรายได้เพื่อผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยออยล์เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568 และเร่งบริหารจัดการโครงการ CFP
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“ไทยออยล์”) เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568 มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีในปีหน้ายังคงมีความท้าทายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ไทยออยล์ ได้รับคะแนน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CGR Rating) หรือ 5 ตราสัญลักษณ์
CEO ไทยออยล์ คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 in Transformation Excellence
เมื่อเร็วๆ นี้ คุณบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล Bangkok Post CEO of the Year 2024
“ไทยออยล์” ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับลดลง
“ไทยออยล์” ส่งมอบระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับ รพ.สต.- รร. ต.ช.ด. 5 แห่ง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ไทยออยล์ ขับเคลื่อนโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บริษัทผู้รับเหมาช่วงแถลงข่าวเรียกร้องค่าตอบแทนค้างจ่ายจาก UJV - Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (“Samsung”), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (“Petrofac”) และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (“Saipem”)
จากกรณีที่บริษัทผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้าระหว่าง - Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (“Samsung”), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (“Petrofac”) และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (“Saipem”) (เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ให้กับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“ไทยออยล์”) จำนวน 16 บริษัท ใ