ระดับพื้นที่“ศรีสะเกษ”พร้อมแล้ว เปิดจุดผ่อนปรนท่องเที่ยวเขาพระวิหาร

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1 )  นำคณะรัฐมนตรีจากกระทรวงในการกำกับ  ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เป็นช่วงเวลาที่ประเด็นการเจรจาเพื่อเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง และอยู่ในความสนใจของประชาชนในวงกว้างอีกครั้ง  

โดยเฉพาะคนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษที่เฝ้ารอโอกาสนี้มานาน เพราะนี่หมายถึงการได้กลับมาไปมาหาสู่ของคนทั้ง 2 ประเทศ ที่ในระดับพื้นที่เองเรียกว่ามีความสัมพันธ์อันดี แนบแน่น และเป็นโอกาสของการกลับมาฟื้นฟู เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ที่ซบเซาไปเป็นเวลากว่า 16 ปี นับแต่ปี 2551 ที่มีปัญหาความขัดแย้งและปิดจุดผ่อนปรนฯ

นายอนุทิน  กล่าวเรื่องนี้ว่า ภาพของศรีสะเกษในอนาคตอันใกล้ คือ การเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักอีกเมืองหนึ่งในประเทศ โดยการใช้ประโยชน์จากต้นทุนที่มี ทั้งต้นทุนวัฒนธรรม ความรู้ความสามารถ เสน่ห์ของผู้คน สถานที่ท่องเที่ยว ผลิตผลจากเกษตรกรรม และสินค้าจากความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ นำไปต่อยอด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการและบุคลากรในสังกัดร่วมกันผลักดัน

"ศรีสะเกษมีโอกาสเจริญเติบโตอีกมาก ทั้งมิติการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การค้า ศรีสะเกษจะไม่ใช่เมืองที่คนผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ต้องเป็นเมืองที่คนต้องแวะชื่นชมความงดงาม และตอนนี้ทุกหน่วยงานกำลังดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อให้เกิดโอกาสในการสร้างรายได้ " รมว.มหาดไทย กล่าว 

ขณะที่  "..แนน" หรือ นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส. ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย  กล่าวเสริมว่า หากเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และการบริการต่างๆ  อาทิ ที่พัก  ร้านค้า ร้านอาหาร   และยังสร้างอาชีพให้แก่ชาวศรีสะเกษมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และจังหวัดศรีสะเกษจะกลายเป็นจุดหมายของนักเดินทาง ที่ไม่ควรพลาดเพื่อขึ้นชมความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานดังกล่าวที่มีความยิ่งใหญ่อายุไม่ต่ำกว่าพันปี และได้รับการขึ้นทะเบียเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกมาแล้ว 

ในห้วงโอกาสนี้  สื่อมวลชนได้มีโอกาสสำรวจความพร้อมของภาคส่วนต่างๆ ของจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่ระดับนโยบาย ไปจนถึงเอกชนผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ พบว่าแต่ละภาคส่วนมีความตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ทางจังหวัดศรีสะเกษได้ติดตามประเด็นการเปิดจุดผ่อนปรนฯ จากระดับนโยบายของรัฐบาล และดำเนินการเตรียมความพร้อม โดยมีการประชุมส่วนราชการ และหน่วยงานความมั่นคง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย ซึ่งขณะนี้ถือว่าในพื้นที่มีความพร้อมในทุกด้านทั้งการบริหารจัดการ จำนวนบุคลากรสนับสนุนกรณีที่ระดับนโยบายของทั้ง 2 ประเทศ บรรลุข้อเจรจาได้สำเร็จ

นางจิตร อาจสัญจร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดศรีสะเกษได้มีการตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อม ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ศุลกากร อุทยานฯ ซึ่งการหารือของทุกฝ่ายตอนนี้มองว่าในระดับพื้นที่มีความพร้อมหมดแล้ว รอเพียงระดับนโยบายเท่านั้น

“ในส่วนของอุทยานฯ เรามีการเตรียมการในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีการพูดคุย ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านค้าที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 40 ราย รวมถึงดูแลจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนอุทยานฯ ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว คาดว่าถ้ามีการกลับมาเปิดจุดผ่อนปรนฯ จะช่วยให้จำนวนนีกท่องเที่ยวกลับเข้ามาเหมือนอดีตที่เคยสูงสุด 5-7 แสนคนต่อปี จากปัจจุบันในช่วงที่ยังปิดจุดผ่อนปรนฯ จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยขึ้นมาเที่ยวอยู่ประมาณ 1.7-2.2 แสนคนต่อปีและอุทยานฯ จัดเก็บรายได้จากค่าเข้า และค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้ประมาณ 7-10 ล้านบาทต่อปี” นางจิตร กล่าว

ทางด้านนายสวัส ลุนผง หัวหน้าฝ่ายจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ส่วนตัวได้รับมอบหมายให้ดูแลงานที่เกี่ยวกับจุดท่องเที่ยวในอุทยานฯ มาตั้งแต่ปี 2539 อยากเห็นจุดผ่อนปรนฯ กลับมาเปิดอีกครั้ง เพราะจะส่งผลโดยตรงกับรายได้ของคนในพื้นที่ โดยเศรษฐกิจของ อ.กันทรลักษ์ และพื้นที่ต่อเนื่องกันจะดีขึ้นทันที 

เห็นได้จากจากข้อมูลโดยปกติที่รายได้ของชุมชนที่เกิดต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนอุทยานฯ เช่น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พัก พาหนะเดินทาง ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จะอยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ของรายได้ที่อุทยานฯจัดเก็บได้ เช่น ปัจจุบันที่อุทยานจัดเก็บรายได้ได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี ก็สร้างรายได้ต่อเนื่อง 150 ล้านบาท ซึ่งหากจุดผ่อนปรนฯ กลับมาเปิดอีกครั้ง รายได้ต่อเนื่องจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล

ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนอุทยานฯ ตอนนี้ถือว่ามีความพร้อมในทุกจุด ซึ่งทางอุทยานฯ เองอยากให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยว เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม อย่างผามออีแดง จุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของประเทศ หรือที่เรียก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น 3 แผ่นดิน เนื่องจากบริเวณผามออีแดงจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในบริเวณ “สามเหลี่ยมรวงผึ้ง” ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง 3 ประเทศ ไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว  และยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากในฤดูฝน ตลอดจนเป็นจุดชมดาว ที่สามารถมองเห็นทางช้างเผือกในช่วงเดือนต.ค.-เม.ย. ของทุกปี ซึ่งทางอุทยานฯ ได้จัดกิจกรรมดูดาวให้กับผู้สนใจด้วย สามารถติดต่อมายังสำนักงานอุทยานฯ โดยจะมีวิทยากรคอยแนะนำการดูดาว การใช้แอปพลิเคชั่นในการสนับสนุนการดูดาวได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ในพื้นที่อุทยานฯ ยังเป็นที่ตั้งของแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรมที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทโดนตวล ที่ประวัติการก่อสร้างมีความเก่าแก่ใกล้เคียงกับปราสาทนครวัด และรายละเอียดของตัวปราสาทยังเป็นแหล่งเรียนรู้อารยธรรมมากมาย รวมไปจนถึงสถูปคู่ ที่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวเนื่องกับปราสาทโดนตวล  และ ภาพแกะสลักนูนต่ำ อยู่บริเวณผาอีมอแดง ที่คาดว่าเป็นการภาพที่ช่างได้แกะเป็นต้นร่าง ก่อนจะแกะสลักจริงบนเขาพระวิหาร มีรายละเอียดให้ศึกษาสำหรับผู้ที่มีความสนใจในอารยธรรมโบราณ  

ด้าน“วันปิติ สีหาพงศ์” หรือ ฝายน้ำ และ วิชยุติ ธรรมาบุญ หรือ เติ้ล คู่รักคนรุ่นใหม่ ที่เป็นลูกหลานคนศรีสะเกษ ที่ตัดสินใจทิ้งงานเอเยนซี่ที่กรุงเทพฯ กลับมาทำธุรกิจที่บ้าน ซึ่งทั้งคู่และครอบครัวช่วยกันเปิดรีสอร์ทแนวแคมปิ้ง ชื่อ “ปิติ ฟาร์ม” (Piti Farm)  มีที่ตั้งอยู่ในที่ดินของครอบครัวบริเวณแนวถนนขึ้นอุทยานฯ   ทั้งคู่ยอมรับว่าติดตามข่าวคราวการเตรียมเจรจาเพื่อเปิดจุดผ่อนปรนฯ อย่างใกล้ชิด และอยากให้ระดับนโยบายเจรจากันได้สำเร็จ เพราะจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่คนคนในพื้นที่ดีขึ้นมาก 

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนของเสียงสะท้อน คนในพื้นที่ทั้งระดับนโยบาย เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และประชาชน ที่มีการเตรียมตัวพร้อมกับติดตามเฝ้ารอการกลับมาเปิดจุดผ่อนปรนช่องทางขึ้นเขาพระวิหารอีกครั้ง  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ลงสงขลาเปิดอาคารเทศบาลเมืองคอหงส์

'อนุทิน' ลงพื้นที่สงขลา เป็นประธานเปิดอาคารเทศบาลเมืองคอหงส์ อ.หาดใหญ่ ย้ำบทบาทเทศบาลยุคใหม่ส่งเสริมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกด้าน

"อนุทิน" ขอบคุณ "เพื่อนเลิฟ" เป็นสะพานบุญ ปฏิบัติภารกิจ "หัวใจติดปีก" หลังบินด่วนร้อยเอ็ด ส่งทีมแพทย์ผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ

หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย ทีมแพทย์ นำโดย นพ.พัชร อ่องจริต อาจารย์ศัลยแพทย์ หัวหน้าสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

อย่างหล่อ! ‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง ‘ทักษิณ’ ยันการกระทำสำคัญกว่าคำพูด

‘อนุทิน’  ปัดตีกอล์ฟ ‘ทักษิณ’ เคลียร์ปมขัดแย้ง ยัน ‘การกระทำสำคัญ กว่าคำพูด’  ย้ำอีแอบ ไม่ได้หมายถึงตัวเอง - ภูมิใจไทยชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงเข้าประชุมครม.