นวัตกรรมลดการเผา...ในที่โล่ง แก้มลพิษทางอากาศข้ามแดน

ปี 2556 องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดอย่างเป็นทางการว่า PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง และผลกระทบของ PM2.5 ต่อสุขภาพ มีทั้งผลระยะสั้น เช่น ระคายเคืองตา คอ จมูก หัวใจเต้นเร็ว หรือผิดจังหวะ โรคหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำเริบ หลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ ผลระยะยาว เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหืด ภูมิแพ้ มะเร็งปอด โรคหัวใจ  โรคหลอดเลือดสมอง คลอดก่อนกำหนด อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในอนาคต

ประเทศไทยเป็นอีกประเทศที่กำลังต้องเผชิญกับปัญหา PM2.5 และดูเหมือนว่าจะเพิ่มอัตราความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากหลายๆ สาเหตุ รวมถึงปัญหาในด้านภูมิศาสตร์ ที่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงใช้วิธีการเผาในภาคเกษตรกรรม ทั้งนี้ปัจจุบันภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก มีประชากรรวมกันกว่า 150 ล้านคน มีแนวโน้มการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากมลพิษทางอากาศถึง 1.3  ล้านคน คิดเป็น 30% ของประชากรทั่วโลก

เพื่อหาทางออกของปัญหาดังกล่าว เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง, กรมควบคุมมลพิษ, กรุงเทพมหานคร, ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศวอ.) และมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศไทย และเยี่ยมชมนวัตกรรมเครื่องยนต์ต้นกำลังลดการเผาในที่โล่งภาคการเกษตรพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในโครงการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศข้ามแดนจากการเผาไหม้ระหว่างไทย-เมียนมา (The Technical Workshop and Study Visit on Transboundary Haze  Pollution Management Between Thailand and Myanmar) ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และชุมชนอาสาพัฒนา เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. เปิดเผยว่า การเชื่อมประสานกันระหว่างสถานทูตไทย ย่างกุ้ง และผู้นำชุมชน เพื่อหารือร่วมกันในการนำเสนอบทเรียนที่ประเทศไทยควบคุมมลพิษ PM2.5 ด้วยการหารือกับรัฐฉานเกี่ยวกับพื้นที่ Hotspot ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะทั้งสองประเทศ ในฐานะเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกัน รัฐฉานติดกับชายแดนทางภาคเหนือของไทย  เชียงใหม่ ตาก รัฐฉานปลูกพืชไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ง่ายที่สุดคือการเผาวัชพืชซากพืช เป็นต้นทุนที่ถูกที่สุดก่อนที่จะลงมือปลูก ถ้าใช้เครื่องจักร แรงงานคนก็มีค่าใช้จ่ายสูง

ฝุ่น PM2.5 ขึ้นอยู่กับกระแสลมพัดมาทางไหนก็มีผลกระทบ เพราะฝุ่นฟุ้งกระจายบ้านใกล้เรือนเคียง ส่วนใหญ่จะมีการเผาก่อนฤดูฝน ก.พ.-มี.ค.เตรียมดิน เผาเดือนมี.ค.-เม.ย. ก่อนเดือน พ.ค.-มิ.ย. ขณะนี้ราชการสั่งไม่ให้เผา โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือเป็นภูเขา มีความลาดชัน  การใช้รถเครนเกลี่ยวัชพืชทำได้ยาก เกษตรกรจึงเลือกการเผา ขณะนี้ประเทศไทยกำลังผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด โดยประชาชน นักวิชาการมีส่วนร่วมผลักดันร่วมกับนักการเมือง สสส.เป็นองค์กรมีส่วนร่วมประชุมภาคประชาชน

“สถานทูตไทยและพม่าให้ความสำคัญแลกเปลี่ยนความเข้าใจทั้งระยะสั้น ระยะยาว มีพื้นที่ต้นแบบ เริ่มต้นจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ สร้างการรับรู้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ภาครัฐบาลร่วมมือกันทำงานอยู่แล้ว ภาคเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน เป็นธรรมชาติบ้านเราก็มีการเผา ทิศทางลมแปรปรวนก็คงจะปลิวไปทางเขาด้วย  เรามีกฎกติกาบังคับใช้ช่วยกันทำให้อากาศบริสุทธิ์ปลอดภัยสำหรับทุกคน”

“สสส.มุ่งสร้างสุขภาวะประชาชนโดยเน้น 'สร้างนำซ่อม' ได้ยกระดับการดำเนินงานปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ด้านการลดผลกระทบสุขภาพจากมลพิษสิ่งแวดล้อม เป็น 1 ใน 7 ทิศทางและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 10 ปี (2565-2574) โดยมลพิษทางอากาศเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ปัญหา สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน มีความเกี่ยวเนื่องกับหลายฝ่าย ไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วโดยลำพัง โครงการนี้มีการกระชับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศ เป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ของประชาชนทั้งในราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา” นพ.พงศ์เทพเปิดเผย

นายยอดยิ่ง ศุภศรี อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ชี้แจงว่า โครงการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศข้ามแดนนี้ เกิดขึ้นจากการที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง และกระทรวงการต่างประเทศ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เป็นปัญหาสำคัญที่กระทบกับชีวิตของประชาชนไทย-สปป.ลาว-เมียนมา และสอดคล้องกับผลการประชุมระดับผู้นำสามฝ่าย เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 ซึ่งเป็นปัญหาระยะยาวที่ฝังรากลึกในวิถีชุมชนและการทำการเกษตร เป็นปัญหาร่วมของทั้งภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งความรู้ที่ได้จากการอบรมในครั้งนี้ จะนำไปประยุกต์ใช้บริหารจัดการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน และลดการเผาไหม้เพื่ออากาศสะอาดและมลภาวะที่ดีของทุกคน

“ตัวแทนเมียนมาเข้าร่วมประชุมดูงานในครั้งนี้ 20 คน เทคโนโลยีดาวเทียม ดูงานจิสด้า รัฐบาลเมียนมาให้ความสำคัญ ขั้นตอนต่อไปมีการนำผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ ประเทศไทย ไปเมียนมา สาธิตการเพาะปลูกที่ลดการเผา ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นใน 2 หมู่บ้านนำร่อง เนื่องจากพรมแดนสองประเทศติดต่อกัน  ทางพม่ายังไม่มี พ.ร.บ.อากาศสะอาดและยังไม่มีเทคโนโลยี รัฐบาลทหารของพม่าให้ความสำคัญเรื่องนี้จัดประชุม 3 ฝ่าย มีผู้นำสูงสุดของพม่าให้ความสำคัญเข้าร่วมประชุมด้วย” นายยอดยิ่งเปิดเผย

นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า การหารือแนวทางการจัดการปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการ การใช้เทคโนโลยีดาวเทียมติดตามตรวจวัดจุดความร้อน (Satellite Fire  Hotspot Monitoring) และการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึงการถ่ายทอดประสบการณ์ในการบริหารจัดการภาคการเกษตร (Agricultural Management) ให้ฝ่ายเมียนมา ภายใต้ “ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR  Sky Strategy)” ของไทย โดยฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการและเชิงเทคนิคให้แก่เจ้าหน้าที่เมียนมาที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 0คน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจำนวน 10 คน โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมดำเนินการ รวมถึงสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส.ด้วย ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การบรรเทาปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ทั้งในไทยและเมียนมาในอนาคตต่อไป.


รศ.ดร.ดลเดช ตั้งตระการพงษ์

ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.)

ปัญหาการเผาในภาคการเกษตรของประเทศไทย  ประเทศไทยมีพื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ป่าไม้ 163,540 ตร.กม. (ร้อยละ 32) เนื้อที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 239,593 ตร.กม. (ร้อยละ 47) เนื้อที่ใช้ประโยชน์นอกการเกษตร 109,982 ตร.กม. (ร้อยละ 21) เกษตรกรเร่งการผลิตเพื่อให้ทำการเพาะปลูกได้หลายรอบ/ปี ขาดการจัดการที่ดีและเลือกใช้การเผาวัสดุทางการเกษตร เพราะง่าย สะดวก รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ วัสดุทางการเกษตรที่ใช้เผามีข้าวนาปรัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 15,000 ตร.กม. (9.5 ล้านไร่) ผลผลิตข้าวนาปรัง/ไร่ 0.375กก./ตรม. (600 กก./ไร่) ปลูกมากที่สุดในพื้นที่ภาคกลาง การเผาในการทำนาข้าว เผาตอซัง ฟางข้าว ก่อนไถเตรียมดินเพื่อสะดวกในการไถเตรียมดินสำหรับการเพาะปลูกข้าวในฤดูต่อไป มีเศษฟางข้าว0.49ตัน/ตันผลผลิต ข้าวนาปีเผาร้อยละ 29 ของการปลูก ข้าวนาปรังมีการเผาร้อยละ 57 ของการปลูก มีพื้นที่ปลูกอ้อย 11 ล้านไร่ (17,600 ตร.กม.) ผลผลิต/ไร่ 6.5 4กก./ตร.ม. (10.47 ตัน/ไร่) ปลูกมากที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การเผาอ้อยก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อความสะดวกในการตัดอ้อยและลดต้นทุนค่าจ้างตัด เผาหลังเก็บเกี่ยว เผาใบอ้อยที่อยู่ในไร่ เพื่อป้องกันไฟไหม้ช่วงแตกหน่อใหม่ หรือเพื่อความสะดวกในการไถเตรียมดินในกรณีที่จะรื้อตออ้อยพื่อปลูกอ้อยรอบใหม่ เผาเศษใบและยอดอ้อย 0.17 ตัน/ตันผลผลิต มีการเผาร้อยละ 47 ของการปลูก มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 11,000 ตร.กม. (6.8 ล้านไร่) ผลผลิต/ไร่เฉลี่ย 0.44 กก./ตร.ม. (700 กก./ไร่) ปลูกมากที่สุดทางภาคเหนือ การเผาต้นและใบข้าวโพดในแปลงเพื่อความสะดวกในการไถและเตรียมดิน มีเศษยอดใบและลำต้นข้าวโพด 1.84 ตัน/ตันผลิตและเศษซังข้าวโพด 0.24 ตัน/ตันผลผลิต เศษซังข้าวโพด 0.24 ตัน/ตันผลผลิต มีการเผาร้อยละ 35 ของการปลูก

กรมพัฒนาที่ดินระบุ การเผาเศษฟางข้าวจะเกิด PM2.5 จำนวน 4.18 กก./ไร่  การเผาเศษยอดใบ ลำต้น ซังข้าวโพด จะเกิด PM2.5 จำนวน3.09 กก./ไร่ การเผาเศษใบและยอดอ้อยจะเกิด PM2.5 จำนวน 17.60 กก./ไร่

การม้วนและอัดใบอ้อยเป็นก้อนส่งขายให้โรงงานน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล สับและคลุกใบอ้อยลงในแปลงให้ย่อยเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติ ตัดใบอ้อยปกคลุมหน้าดินเพิ่มความชุ่มชื้นหน้าดิน ข้าวโพดต้น ซัง ใบ อัดก้อนจากใบข้าวโพดเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ ผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์โดยไถกลบเร่งการย่อยสลาย อัดเป็นก้อนเพื่อใช้เป็นพลังงานชีวมวล

สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยทำกรณีศึกษา ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ บ้านยางตอย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เกษตรกรรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ นำเศษฟางข้าวมาฝากที่ธนาคารและเบิกถอนเป็นปุ๋ยและน้ำหมักชีวภาพไปใช้ในแปลงเกษตร เปลี่ยนเศษเปลือกข้าวโพดเป็นเห็ดฟางปลอดสารพิษ บ้านสันรุ่งเรือง ต.น้ำมวล อ.เวียงสา จ.น่าน  เกษตรกรนำเปลือกซังข้าวโพดมาเพาะเห็ดฟางแบบตะกร้าและโรงเรือน อัดม้วนใบอ้อยแทนการเผา ต.แม่กุ อ.แม่สอด  จ.ตาก นำรถอัดม้วนเศษใบอ้อยให้เป็นก้อน ใบอ้อยจะไถกลบเป็นปุ๋ยในดิน มีการรวมกลุ่มเกษตรกรใน จ.สุพรรณบุรีและกาญจนบุรี รวบรวมเศษยอดและใบอ้อยเพื่อผลิตเม็ดเชื้อเพลิงชีวมวล

 การนำเครื่องจักรกลมาช่วยในการเก็บเกี่ยว ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรเพื่อลดการเผา นำมาทำปุ๋ย เฟอร์นิเจอร์ นำไปเลี้ยงสัตว์ เพิ่มแรงจูงใจให้เกษตรกรที่ไม่เผา เพิ่มความแตกต่างของราคาอ้อยสดและอ้อยเผาที่เข้าสู่โรงงาน จัดหาตลาดสำหรับเศษวัสดุที่เหลือใช้ทางการเกษตร ห้ามเผาในพื้นที่ใกล้ชุมชน และบังคับใช้ กม.อย่างเคร่งครัด กำหนดวางแผนหรือจัดระเบียบการเผาในแต่ละพื้นที่ การใช้ Burn Check  หรือการจองคิวการเผา รณรงค์สร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจของปัญหาการเผาในภาคการเกษตรและผลกระทบที่เกิดขึ้นในด้านต่างๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเครียด..ภัยเงียบของสังคมไทย! ห้ามไม่ได้..แต่รู้เท่าทันอยู่ให้เป็นได้

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีการประชุม Forum สุขภาพคนไทย 2567 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ

ครั้งแรก!! สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย สร้าง“สังคมปลอดคุกคามทางเพศ”

ปัญหาสังคมในสถานที่ทำงาน อย่างการคุกคามทางเพศ ไปจนถึงการบูลลี่ด้วยสายตาและวาจา เป็นเรื่องจริงที่หลายคนเลือกที่จะนิ่งเฉย และมองข้าม

'จุลพันธ์' ยันไม่ให้เงิน 'กรมบัญชีกลาง 'เป็นอุปสรรค แก้ปัญหา PM 2.5 พร้อมหนุนเต็มที่

'จุลพันธ์' ยัน จะไม่ให้เงินของ กรมบัญชีกลาง เป็นอุปสรรค แก้ปัญหา PM 2.5 ย้ำ รัฐบาล' ให้ความสำคัญ คือการส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือ บอก ไม่ต้องกังวลเรื่องงบขาดพร้อมสนับสนุนเต็มที่

เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ ร่วมกับสสส. ระดมสมองกว่า 20 ภาคี ร่วมจัดทำแผนจัดการความปลอดภัยทางถนนปี 2568

เครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม เดินหน้าขับเคลื่อนสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ปอด..คนไทยไม่ปลอดภัย "PM2.5-บุหรี่ไฟฟ้า"ตัวร้าย!!

อันตรายที่มองไม่เห็นอย่างฝุ่น PM2.5 กำลังคร่าชีวิตและบ่อนทำลายสุขภาพของคนในสังคมไทยอย่างเงียบเชียบ ด้วยตัวเลขที่มีการยืนยันว่า คนไทยกำลังเผชิญปัญหาฝุ่น PM2.5

ต้อนรับเทศกาลPride Month รู้ให้จริง..กม.รับรองเพศสภาพ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศถอนภาวะการมีเพศสภาพไม่สอดคล้องกับเพศกำเนิด ออกจากหมวดความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรมในบัญชีจำแนกโรคสากลฉบับที่ 10 (ICD-10)