สส.นักพัฒนา “สฤษดิ์” หนุนงบ พ.ร.บ. รายจ่าย 2567 แนะ สงป. เพิ่มค่าอาหารกลางวันเด็ก รร.เอกชน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ

นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ โดยกล่าวว่า รัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายไว้เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ว่าจะพัฒนาคุณภาพของครูทั้งประเทศ จะให้ความสำคัญกับเด็กไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกาย สุขภาพใจ จะให้ความสำคัญกับเด็กทุกคน ซึ่งจากงบประมาณส่วนนี้ จะเห็นได้ว่า เด็กเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด รัฐจะดำเนินการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาที่เป็นรากฐานความสำคัญของความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสังคมไทย จะเห็นว่างบประมาณในปีนี้ (2567) 3.48 หมื่นล้านล้านบาท เป็นงบประมาณที่มากกว่าปีที่แล้ว มากกว่าถึง 295,000 ล้านบาท โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับงบประมาณสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกระทรวงมหาดไทย ถึง 328,000 กว่าล้านบาท งบประมาณที่ได้มาทั้งหมดนี้ เกือบ 90% เป็นงบประมาณบุคลากร 61% กว่า 2 แสนกว่าล้านบาท และเป็นงบประมาณอุดหนุน 9 หมื่นกว่าล้าน รวมเบ็ดเสร็จ 90% เป็นงบดำเนินการ 3% งบลงทุน 3% และงบอื่นๆ อีกเล็กน้อย
.
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเราพัฒนาเพียงสภาพพื้นฐาน ไม่ได้มีการพัฒนาเชิงรุกเพื่อให้เกิดคุณภาพของผู้เรียน ลดความเหลื่อมล้ำโดยตรง ตามนโยบายที่ รมว.ศธ. พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาฯ ที่จะให้เด็กเรียนดี มีความสุข และเดินไปด้วยกันนั้น เป็นนโยบายที่ดีเพื่อที่จะให้เด็กได้รับสิทธิพื้นฐานเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการของรัฐ รวมทั้งแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่ได้นำเสนอนโยบายไปแล้วนั้น จะเห็นได้ว่านโยบายของรัฐบาลพยายามที่จะให้ประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มีความเสมอภาคสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ได้มีการเลื่อนปรับปรุงเรื่องโครงการอาหารกลางวัน โดยให้โรงเรียนขนาดเล็กของรัฐบาลเป็นลำดับขั้น ต่ำกว่า 40 คือ 36 บาท ขณะเดียวกันจะเห็นว่ารัฐบาลไทย ใช้งบประมาณเลี้ยงดูเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยกว่า 130,000 คน เป็นจำนวน 1,420 ล้านบาท ถือเป็นงบประมาณที่สูง ดังนั้นรัฐบาลควรที่จะเจียดงบประมาณให้ความสำคัญ ความเสมอภาคกับเด็กทุกคนที่เป็นเยาวชนของชาติ และจะเป็นกำลัง เป็นเสาเข็มค้ำยันประเทศชาติต่อไปในอนาคต นายสฤษดิ์ กล่าว
.
นายสฤษดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. เริ่มมีนโยบายที่จะผลักดันจัดสรรงบประมาณในปี 2567 โดยจะให้กับโรงเรียนขยายโอกาส ม.1 ถึง ม.3 เป็นเงินงบประมาณ 1,344 ล้านบาท และมีแนวนโยบายที่จะผลักดันให้เด็กอนุบาล 1 ก่อนประถมศึกษา ถึง ป. 6 โรงเรียนเอกชนทุกคนจะได้รับอาหารกลางวันเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แค่เฉพาะเด็กที่ทุพโภชนาการ หรือขาดแคลนเท่านั้น
.
ในส่วนของข้อเสนอเชิงนโยบายของอนุกรรมาธิการ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบ อัธยาศัย และเอกชน ในคณะกรรมาธิการฯ ก็พยายามผลักดันสนับสนุนที่จะให้เด็กทุกคนได้ทานอาหารกลางวันเท่าเทียมกัน และได้นำเสนอ สช. (สำนักงานการค้ำประกันการศึกษาเอกชน) เสนอครม. แล้ว แต่ทางครม. ได้ให้กลับมาพิจารณาอีกว่า ให้ทางกระทรวงศึกษาฯ พิจารณา ทุกหน่วยงาน อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพัฒนาสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และท้องถิ่น ต่างเห็นตรงกันว่าควรที่จะให้เด็กเสมอภาคกัน แต่ทางสำนักงบประมาณแห่งเดียวกลับเห็นว่าไม่ควร ให้ชะลอออกไปก่อน เพียงแค่เห็นว่าสถานศึกษาเอกชนเป็นสถานศึกษาทางเลือก มีศักยภาพเพียงพอ ไม่ควรสนับสนุน และให้ออกค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้ นายสฤษดิ์ ขอให้ทางสำนักงบประมาณควรพิจารณาใหม่ เพราะสิทธิพื้นฐานเป็นของคนทุกคน
.
สำหรับเรื่องโครงการเรียนดี มีความสุข ของ รมว.ศธ. เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณ และนโยบายของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระครู และบุคลากรทางการศึกษา ตรงนี้จะทำให้ครูมีเวลาที่จะทุ่มเทอยู่ชั้นเรียนสอนเด็ก มุ่งหวังไปที่เด็ก ดังนั้นงบประมาณที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นวิทยฐานะที่ลดขั้นตอนมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน และครูบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น หรือแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ตรงนี้จะเป็นขวัญและกำลังใจให้ครูได้มีสุขภาพจิตที่ดี และตั้งใจทำงาน ส่วนเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอน เรื่องงบประมาณต่างๆ จะเป็นงบประมาณกระทรวงศึกษาฯ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศ ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง เรียนทุกที่ทุกเวลา anywhere any place เรียนฟรีมีงานทำ โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้เรียนมีรายได้ระหว่างเรียน ลดความเหลื่อมล้ำ มี 1 อำเภอ 1 โรงเรียน มีระบบครูแนะแนว เพื่อจะให้เด็กรู้เป้าหมายของชีวิต ให้มีการจัดมาตรฐานวิชาชีพ โดยมีวัดผลการศึกษาประเมินผลการศึกษา ดังนั้นจึงขอให้ทางรัฐบาลได้อนุมัติในความเห็นชอบ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อ พิจารณางบประมาณเร่งด่วน เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ทันกับความต้องการ และแก้ปัญหาวิกฤตต่อไป นายสฤษดิ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' เผย 'วัน อยู่บำรุง' มีพรรคสังกัดแล้ว ลุ้นนั่งเก้าอี้ผู้ช่วยรมต.มหาดไทย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวัน อยู่บำรุง ระบุตนเป็นหนึ่งในบุคคลที่รักและเคารพว่า นายอนุทิน อุทานว่า "โอ้โห้ ผมรู้จักกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

เอาแล้ว! สส.รัฐบาลยังโวยกลางสภาไม่เอา 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' ขอ 'ไร่ละพัน' กลับคืน

เอาแล้ว!!! สส.ฝ่ายรัฐบาล “ภท.-พท.” หารือกลางสภาฯ ออกโรงต้าน ชี้ ชาวนาร้องยี้ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' ขอคง 'ไร่ละพัน' ไว้เหมือนเดิม

'ภูมิใจไทย' แถลงจุดยืนกัญชาลั่นต้องมีกฎหมายควบคุม!

'ภูมิใจไทย' ย้ำ จุดยืน 'กัญชา' ต้องมีกม.ควบคุม เผยร่างค้างสภาฯรอถก ยัน ไม่มีเกาเหลาพรรคร่วมรบ. เหตุเดินตามนโยบายที่แถลงไว้ บอก มีมารยาทมากพอไม่ทะเลาะกับใคร

'อนุทิน' ท้วงดึงช่อดอกกัญชาเป็นยาเสพติด กระทบผู้ป่วย เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดกระทรวงสาธารณสุข มีมติให้กัญชากัญชงกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งว่า ภูมิใจไทยไม่สนับสนุนให้ใช้กัญชาทางสันทนาการ

'อนุทิน' โวย 'กูรูไพศาล' ปั่นกันสนุกเลย แต่คนที่ตายคือผม ยืนยันไม่จับมือก้าวไกล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี)