การประชุมสภาองค์กรชุมชนตำบลระดับชาติ ประจำปี 2566 ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 20-21 ธันวาคมนี้
‘สภาองค์กรชุมชนตำบล’ จัดตั้งขึ้นมาตาม ‘พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551’ ปัจจุบันเป็นระยะเวลา 15 ปี มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบล เทศบาล และเขต (ใน กทม.) ขึ้นมาทั่วประเทศ รวม7,795 แห่ง มีสมาชิกที่เป็นองค์กรชุมชนทั้งสิ้น 157,623 องค์กร !!
สภาองค์กรชุมชนตำบลต่างๆ เหล่านี้ มีบทบาทและภารกิจแตกต่างกันไปตามบริบทของพื้นที่และสภาพปัญหา นับตั้งแต่การดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ป่าไม้ แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร การส่งเสริมอาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค ฯลฯ เป็นภารกิจที่ครอบจักรวาล ด้วยการทำงานเชื่อมประสานกับหน่วยงานภาคีในท้องถิ่น ทั้งหน่วยงานรัฐ อปท. หรือสิ่งใดที่สภาองค์กรชุมชนตำบลสามารถทำเองได้ก็สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอให้หน่วยงานใดสั่งการลงมา...ถือเป็นรากฐานการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นที่ประชาชนมีส่วนร่วม...เป็นเจ้าของ...เป็นประชาธิปไตยที่กินได้อย่างแท้จริง !!
ดังเหตุผลส่วนหนึ่งในการประกาศใช้ พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 ที่ระบุว่า... “เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ การสร้างระบอบประชาธิปไตย และระบบธรรมาภิบาลซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองสิทธิชุมชนและประชาชนให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นตามความหลากหลายของวิถีชีวิต วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของท้องถิ่น จึงเห็นสมควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนและประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้”
การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กรุงเทพฯ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
จากชุมชนท้องถิ่นสู่ข้อเสนอเชิงนโยบาย
นอกจากภารกิจหน้าที่ของสภาองค์กรชุมชนตำบลที่แตกต่างกันไปตามบริบทของพื้นที่และสภาพปัญหาของแต่ละท้องถิ่นแล้ว สภาองค์กรชุมชนยังมีภารกิจที่สำคัญตาม พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 อีกหลายประการ (ดูรายละเอียด พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชนที่ http://web .krisdika.go.th/data /law/law2/% CA77/%CA77-20-2551-a0001.htm)
เช่น มาตรา 24 ให้มีการประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบลอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาจังหวัดต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพื่อไปประกอบการพิจารณาในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด เสนอแนะต่อผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไข หรือความต้องการของประชาชนในเรื่องการจัดทำบริการสาธารณะและการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
สุวัฒน์ คงแป้น นายกสมาคมสภาองค์กรชุมชนพัทลุง ในฐานะผู้มีส่วนในการผลักดัน พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมขน พ.ศ.2551 และส่งเสริมกิจการสภาองค์กรชุมชนตำบลมาอย่างต่อเนื่อง บอกว่า การประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบลตามมาตรา 24 นั้น เป็นการยกระดับการทำงานของสภาฯ ในระดับท้องถิ่น ท้องที่ของตนเอง มาสู่ระดับจังหวัด ทำให้สภาองค์กรชุมชนตำบลในจังหวัดต่างๆ สามารถใช้ช่องทางนี้เสนอแนวทางพัฒนาจังหวัดต่อผู้วาฯ และนายก อบจ. ได้ รวมทั้งเสนอแผนงานการพัฒนาที่ตรงต่อความต้องการของประชาชนในด้านต่างๆ ได้ ไม่ใช่รอแต่โครงการที่ทางจังหวัดจัดทำลงมา
“ที่สำคัญก็คือ ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังกำหนดให้มีการประชุมสภาองค์กรชุมชนระดับชาติปีละครั้ง ทำให้ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ สามารถนำปัญหาต่างๆ ที่ชุมชนประสบ หรืออาจจะได้รับผลกระทบ รวมทั้งข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องปากท้อง คุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนมานำเสนอในที่ประชุมระดับชาติได้ เพื่อรวบรวมข้อมูลนำเสนอรัฐบาลต่อไป” สุวัฒน์บอก
ทั้งนี้ตามมาตรา 30 กำหนดว่า “ในปีหนึ่งให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดให้มีการประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลอย่างน้อยหนึ่งครั้ง”
มาตรา 32 ให้ที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (1) กำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งและการพัฒนาสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบลให้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้เพื่อเสนอให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ
(2)ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและกฎหมาย รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลต่อพื้นที่มากกว่าหนึ่งจังหวัดทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม
(3) สรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ และข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ
การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลในปี 2565 ที่ผ่านมา (ครั้งที่ 14) ที่ พอช.
การประชุมระดับชาติสภาองค์กรชุมชนครั้งที่ 15
นับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่ พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 ได้ประกาศใช้ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนทั่วประเทศ ร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และกระทรวงหารพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายตาม พ.ร.บ.ให้มีภารกิจในการส่งเสริมกิจการของสภาองค์กรชุมชน ได้จัดให้มี ‘การประชุมในระดับชาติสภาองค์กรชุมชน’ มาแล้ว 14 ครั้ง โดยปี 2566 จะเป็นการจัดประชุมครั้งที่ 15
นายประยูร จงไกรจักร ประธานที่ประชุมในระดับชาติสภาองค์กรชุมชนตำบล กล่าวว่า การประชุมในระดับชาติปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 ธันวาคมนี้ โดยจะมีผู้แทนระดับจังหวัดสภาองค์กรชุมชนตำบล และผู้ทรงคุณวุฒิระดับจังหวัดจากสภาองค์กรชุมชนตำบลจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมประมาณ 200 คน โดยวันแรก 20 ธันวาคม จะจัดที่ห้องประชุมสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ และวันที่ 21 ธันวาคม จัดที่รัฐสภา ห้องประชุมสัมมนาอาคารสัปปายะสภาสถาน ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ
โดยมีคำขวัญในการจัดประชุมครั้งนี้ว่า “สภาองค์กรชุมชน เสริมอำนาจชุมชน ประสานความร่วมมือ สร้างโอกาส ปกป้องสิทธิชุมชน เชื่อมโยงองค์กรชุมชนเพื่อขับเคลื่อนสังคม สู่องค์กรหลักในการกำหนดแผนพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต”
สาระสำคัญของการจัดประชุมในระดับชาติฯ ครั้งนี้ คือ การนำข้อเสนอของสภาองค์กรชุมชนตำบลจากทั้ง 5 ภูมิภาคที่ได้มาจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากสภาองค์กรชุมชนตำบลทั้ง 7,795 แห่ง (มีสมาชิกที่เป็นองค์กรชุมชนทั้งสิ้น 157,623 องค์กร) โดยผ่านกระบวนการพิจารณา กลั่นกรอง และประมวลเป็นข้อเสนอร่วมกันจนสรุปเป็นข้อเสนอได้ทั้งหมด 3 ส่วน คือ 1. ข้อเสนอจากสภาองค์กรชุมชนตำบลทั่วประเทศต่อสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ 2. ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อเสนอแก้ไขเร่งด่วน และข้อเสนอเชิงนโยบายจากแต่ละภูมิภาค และ 3.สรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ (ต่อไป)
ข้อเสนอจากสภาองค์กรชุมชนตำบลถึง พอช.
ทั้งนี้ตาม มาตรา 32 (1) กำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบลให้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้เพื่อเสนอให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ สรุปข้อเสนอได้ดังนี้
เพื่อให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ พอช. สนับสนุนงานเพื่อพัฒนาสภาองค์กรชุมชนเข้มแข็ง ตามมาตรา 34 และมาตรา 35 มีการประเมินผลการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชนทุกมิติ สนับสนุนกิจกรรมเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชน จัดตั้งคณะทำงานสนับสนุนสภาองค์กรชุมชนระดับกลุ่มจังหวัด สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดบูรณาการให้ครบทุกจังหวัดในระยะเวลา 5 ปี พัฒนาสภาองค์กรชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อให้สภาองค์ชุมชนเป็นกลไกเชิงสถาบัน พอชมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ‘โครงการบ้านพอเพียงชนบท’ ที่สนับสนุนโดย พอช. โดยเสนอขอให้เพิ่มค่าวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซม เพิ่มค่าแรงช่างในการซ่อมแซมไม่น้อยกว่าร้อยละ 30
ข้อเสนอให้มีนโยบายสนับสนุน ‘กองทุนภัยพิบัติของภาคประชาชน’ ส่งเสริมให้มีกองทุนภัยพิบัติภาคประชาชนระดับจังหวัด โดยให้ขบวนองค์กรชุมชนบริหารจัดการร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง
โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้านพอเพียงชนบท จังหวัดเชียงราย ดำเนินการโดยสภาองค์กรชุมชนตำบล 50 ตำบล รวม 413 หลัง
11 ข้อเสนอจากสภาองค์กรชุมชนตำบลถึงรัฐ
ข้อเสนอจากสภาองค์กรชุมชนตำบลทั่วประเทศตาม มาตรา 32 (2) ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและกฎหมาย รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลต่อพื้นที่มากกว่าหนึ่งจังหวัดทั้งด้านเศรษกิจ สังคม คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลและฝ่ายบริหารได้นำไปพิจารณาดำเนินการในการกำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐ และมีกลไกหรือโครงสร้างที่มีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและสภาองค์กรชุมชนตำบลเป็นกลไกในการติดตามและผลักดันให้เกิดผลในการแก้ไขดำเนินการ สรุปข้อเสนอได้ดังนี้
1.การพัฒนา Soft Power ชุมชน เสนอให้รัฐบาลสนับสนุนสภาองค์กรชุมชนตำบลที่มีการขับเคลื่อน Soft power ให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนได้มากขึ้น อย่างน้อย 100,000 ชุมชน เช่น เรื่องการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน การฟื้นฟูศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา เป็นต้น และให้มีผู้แทนสภาองค์กรชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาตามนโยบาย Soft Power โดยวางเป้าหมายการพัฒนาระยะเวลา 3 ปี
การจัดการท่องเที่ยวชุมชนโดยสภาองค์กรชุมชนตำบลตะกุกเหนือ-ใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี
2.การกระจายอำนาจเพื่อเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง โดยเสนอให้สภาองค์กรชุมชนเข้าไปเป็นองค์ประกอบหนึ่งในคณะกรรมการระดับนโยบายในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจ ขอให้มีการเตรียมความพร้อมประชาชนเพื่อรองรับการกระจายอำนาจ ให้ผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีความพร้อม เป็นต้น
3.ข้อเสนอด้านกฎหมายระเบียบการเงินการคลัง เสนอให้จัดตั้งคณะทำงานศึกษาระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงแก้ไขระเบียบว่าด้วยการเงินการคลังให้สามารถสนับสนุนงบประมาณแก่สภาองค์กรชุมชน องค์กรชุมชน และภาคประชาสังคมได้ ให้มีคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
4.รัฐธรรมนูญฉบับสภาองค์กรชุมชน เสนอให้มีคณะทำงานเพื่อจัดกรอบในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับสภาองค์กรชุมชนขอให้รัฐสนับสนุนการจัดกระบวนการรับฟังความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับสภาองค์กรชุมชน ทั้งในระดับอำเภอและจังหวัด และการปรับปรุงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่ได้
5.การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้เกิดพลังภาคประชาชนที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืนส่งเสริมสนับสนุนแผนและงบประมาณต่อการสร้างสังคมสุจริตอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีข้อเสนอต่อรัฐสภาและคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอให้สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ เสนอให้รัฐบาลและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีกลไกกลาง มีบทบาทเชื่อมโยงบูรณาการหน่วยงานภาครัฐทั้งเชิงนโยบายและการปฏิบัติการพื้นที่ขอให้หน่วยงานในจังหวัดเอื้ออำนวยสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสังคมสุจริตและต่อต้านการทุจริต ผลักดันแผนงานสร้างสังคมสุจริตสู่แผนพัฒนาจังหวัด หรือแผนของ อบจ. และเสนอต่อสถาบันพระปกเกล้าเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้นำขบวนองค์กรชุมชนภาคประชาสังคมที่ทำหน้าที่เป็น ก.บ.จ.ก.บ.ก.ให้มีความรู้และทักษะด้านการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด
6.ด้านที่ดินที่อยู่อาศัย เสนอให้เร่งปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เสนอให้ชุมชนสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตในที่อยู่อาศัยในที่ดินที่ทับซ้อนกับรัฐได้ และขอให้เร่งปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับระบบการจัดการที่ดินในป่าอนุรักษ์ เอื้อให้ชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ เร่งถ่ายโอนภารกิจการจัดการไฟป่าให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ สั่งการให้ทุกหน่วยงานหยุดการไล่รื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนเพื่อดำเนินการโครงการขนาดใหญ่
7.การปกป้องและการจัดการทรัพยากรเพื่อความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้เกิดกองทุนและแผนงานด้านเกษตรปลอดภัยขอให้รัฐออกกฎหมายห้ามจำหน่ายและห้ามนำเข้าสารพิษเกี่ยวกับการเกษตร ออกกฎหมายกำหนดให้มีแนวกันชนเพื่อป้องกันพื้นที่เกษตรอินทรีย์ สนับสนุนงบประมาณเป็นกองทุนกลางในการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ สร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์พัฒนาระบบข้อมูลเกษตรอินทรีย์ และขอให้มีคณะกรรมการออกแบบและติดตามอาหารปลอดภัยในระดับตำบล
8.ด้านสวัสดิการชุมชน การเสริมสร้างสวัสดิการสังคมและรัฐสวัสดิการ หรือสวัสดิการถ้วนหน้า เสนอให้กำหนดนโยบายและการจัดสรรงบประมาณการพัฒนาสวัสดิการถ้วนหน้าในทุกด้านอย่างน้อย 8 ด้าน มีการพัฒนาสวัสดิการถ้วนหน้ารองรับสังคมสูงวัยและหญิงตั้งครรภ์ สนับสนุนโครงการเพื่อสร้างระบบสวัสดิการระดับชุมชน พัฒนาปรับปรุงระบบสวัสดิการเดิมให้เกิดประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มเปราะบาง ปรับปรุงระบบการกระจายรายได้ กระจายโอกาสการเข้าถึงทรัพยากรด้วยการปฏิรูปโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า ภาษีมรดก ภาษีหุ้น เป็นต้น
9.ด้าน BCG Model กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิทธิชุมชน โดยเสนอให้กำหนดนโยบายส่งเสริมและพัฒนาระบบกองทุนไม้เศรษฐกิจในพื้นที่เกษตร การอนุรักษ์พันธุกรรมพื้นบ้านควบคู่กับการสร้างพื้นที่สีเขียวในพื้นที่เกษตร สนับสนุนการพัฒนาระบบแหล่งน้ำขนาดเล็ก สนับสนุนบทบาทเยาวชนในท้องถิ่นในการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG 11สร้างพื้นที่รูปธรรมตัวอย่างเศรษฐกิจ BCG 1 อำเภอ 1 ตำบล
10.การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เสนอให้มีคณะทำงานศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติน้ำ พ.ศ. 2561 การทบทวนโครงสร้างการทำงานด้านการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด และเครือข่ายลุ่มน้ำ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยเสนอให้มีการกระจายอำนาจการบริหารจัดการน้ำให้ชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียม
สภาองค์กรชุมชนตำบลสรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ช่วยกันสร้างฝายชะลอน้ำ ป้องกันน้ำท่วม และกักเก็บน้ำในฤดูแล้ง เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่ต้องใช้งบประมาณมาก
ข้อเสนอเชิงนโยบายจาก 5 ภูมิภาค
11.1 ภาคกรุงเทพฯปริมณฑลและตะวันออก มีข้อเสนอด้านการจัดการภัยพิบัติ การรับมือโรคอุบัติใหม่ การพัฒนาที่อยู่อาศัยเมืองและชนบท
11.2 ภาคกลางและตะวันตก มีข้อเสนอด้านการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน การแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างรัฐกับราษฎร และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีส่วนร่วม การสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมสวัสดิการชุมชน
11.3 ภาคเหนือ มีข้อเสนอแผนการบริหารจัดการพื้นที่กับการใช้ประโยชน์ที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ปา ผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาของรัฐในที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
11.4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีข้อเสนอด้านการบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดใหญ่ (โขง ชี มูล) การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
11.5 ภาคใต้ มีข้อเสนอด้านการทำการประมงอย่างยั่งยืน เสนอให้มีการศึกษาสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ขอให้ชะลอกระบวนการดำเนินงานโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง และศึกษาใหม่ในระดับยุทธศาสตร์ การสัมปทานเหมืองแร่และแผนแม่บทแร่
ข้อเสนอตามมาตรา 32 (3)
ข้อกำหนดในการประชุมสภาองค์กรชุมชนระดับชาติ ตาม พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 มาตรา 32 (3) ได้ระบุให้ที่ประชุมดำเนินการ... “สรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไข เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ”
ทั้งนี้คณะกรรมการดำเนินการจัดประชุมสภาองค์กรชุมชนในระดับชาติครั้งที่ 15 ได้สรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไข เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ ดังนี้
1.การพัฒนาเชิงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และการแก้ไขปัญหาช้างป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก โดยเสนอให้ยกเลิกผังเมือง EEC และกลับไปใช้ผังเมืองรวมและผังเมืองย่อยจังหวัดของแต่ละจังหวัด ส่วนปัญหาด้านช้างป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ เสนอให้มีตัวแทนภาคประชาชนเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งในกลไกการแก้ไขปัญหาช้างป่าพื้นที่ป่ารอยต่อ และให้ทบทวน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
2.การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอให้กำหนดกระบวนการสันติภาพ มีกฎหมายรับรองและเป็นวาระแห่งชาติ
3.ปัญหาประชาชนยังไม่ได้รับเงินเวนคืนส่วนที่เหลือจากโครงการขยายทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงสายมุกดาหาร 3019 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 จากหน่วยงานรัฐในจังหวัดมุกดาหาร โดยเสนอให้กระทรวงคมนาคมต้องทบทวนมาตรการชดเชย เยียวยาอย่างเร่งด่วนให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการขยายทางหลวงชนบทดังกล่าว…
(ภาพจาก OK Nation)
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสียงจากประชาชนในนาม ‘สภาองค์กรชุมชนตำบล’ จากทั่วประเทศที่รวบรวมเรียบเรียงเป็นเอกสารหนาเกือบ 100 หน้า และจะร่วมกันเติมเต็มในการประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลครั้งที่ 15 รวมทั้งเตรียมมอบให้แก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีความหวังว่า...
“หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอเหล่านี้ไปดำเนินการ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เนื่องจากข้อเสนอทั้ง 3 ส่วนจะทำให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชน ในการแก้ไขปัญหาและเกิดการพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ เพื่อนำสังคมไทยไปสู่สังคมลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มความเป็นธรรม ความเท่าเทียม”
พี่น้องเครือข่ายริมรางรถไฟย่านราชเทวี กรุงเทพฯ เป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเช่นกัน
(ผู้ที่สนใจรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ในวันที่ 20 และ 21 ธันวาคม 2566 นี้ ตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป)
*******************
(เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประกาศผล 8 กองทุน เข้ารับรางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชนดีเด่น ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2567
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหารชน) หรือ พอช. ร่วมกับ คณะทำงานพิจารณารางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชนประจำปี 2567 จัดเวทีพิจารณา รางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชน
ชุมชนทั่วประเทศ ระดมข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้รัฐ ในการประชุม ‘ระดับชาติสภาองค์กรชุมชนตำบล’ ครั้งที่ 16 ปี 2567 เชื่อมั่น “พลังชุมชน พลังประชาชน สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้”
การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลครั้งที่ 16’ ปี 2567 ผู้แทนสภาองค์กรชุมชน ทั่วประเทศ ระดมข้อเสนอเชิงนโยบายให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
“16 ปี สภาองค์กรชุมชนตำบล” “พัฒนาประชาธิปไตยฐานราก สร้างพลังชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง”
‘สภาองค์กรชุมชนตำบล’ จัดตั้งขึ้นมาตาม ‘พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551’ ปัจจุบันเป็นระยะเวลา 16 ปี มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบล เทศบาล และเขต
โค้งสุดท้าย 26 กองทุนฯทั่วไทย ลุ้นรางวัลกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่น ‘ป๋วย อึ๊งภากรณ์’
กรุงทพฯ/(16 ธ.ค. 67) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหารชน) หรือ พอช. ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย คณะทำงานพิจารณารางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชนประจำปี 2567
พอช. หนุน “ศูนย์กระจายสินค้าชุมชน” โมเดลสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ที่กาญจนบุรี
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ร่วมกับ เครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี จัดพิธีเปิดศูนย์กระจายสินค้าชุมชนตำบลหนองตากยา
พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก นำทีมช่างชุมชน Kick Off ซ่อมบ้านผู้ประสบภัยพิบัติ ‘แม่ยาวโมเดล’
พอช. หนุนงบกว่า 30 ล้าน ซ่อม สร้าง 6 ตำบล 875 ครัวเรือน สร้างรูปธรรม การจัดการที่ดิน ที่อยู่อาศัย ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายจากชุมชน ถึงรัฐบาล