สภาวะเบิร์นเอาต์ (Burnout) หรือการหมดไฟ เป็นปัญหาใหญ่ที่คนวัยทำงานในปัจจุบันหลายคนมักจะเจอ ที่อยู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยล้ากาย เหนื่อยล้าใจขึ้นมา ทั้งเครียด หดหู่ เหนื่อยง่าย ไม่มีสมาธิ มองไปทางไหนก็ไม่สดใส หรือการขาดแรงจูงใจ ทำให้รู้สึกไม่อยากทำงานไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น โดยสภาวะเบิร์นเอาต์นี้ อาจมีสาเหตุมาจากการต้องอยู่ในสภาวะการทำงานที่มีความกดดันต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ การทำงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อน รวมไปถึงการได้รับคำพูด หรือเจอเรื่องราวที่กระทบกระทั่งต่อจิตใจด้วย ซึ่งคนวัยทำงานก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสาเหตุเหล่านี้ได้เสมอไป แล้วจะทำยังไงให้หายจากการเบิร์นเอาต์? วันนี้เราจะขอมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับธรรมชาติบำบัด หรือวิธีฮีลลิ่งร่างกายและจิตใจง่ายๆ ด้วยธรรมชาติรอบตัว ให้หายจากสภาวะเบิร์นเอาต์กัน
ธรรมชาติบำบัดคืออะไร ช่วยแก้สภาวะเบิร์นเอาต์ได้อย่างไร
ก่อนพาคนวัยทำงานที่กำลังเบิร์นเอาต์ไปฮีลลิ่งกาย ฮีลลิ่งใจผ่านธรรมชาติ เรามาเข้าใจความหมายของธรรมชาติบำบัดให้มากขึ้นกันก่อน โดยธรรมชาติบำบัด หรือ Naturopathy คือ หนึ่งในรูปแบบของแพทย์ทางเลือกที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งจะเน้นการใช้ธรรมชาติที่โลกของเราสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะผ่านกลิ่น รูป รส และเสียงช่วยรักษา เยียวยาร่างกายและจิตใจ อย่างการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานที่สีเขียว ล้อมรอบด้วยต้นไม้ การรับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาติโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งที่เยอะจนเกินไป หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นต้น
และอย่างที่เรารู้กันว่าสิ่งที่มาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีอากาศบริสุทธิ์ บรรยากาศปลอดโปร่งหรืออาหารเพื่อสุขภาพอย่างผักและผลไม้ มักจะมีความออร์แกนิก ปราศจากมลภาวะและสารเคมีที่เป็นอันตราย จึงสามารถช่วยสร้าง ‘ความสมดุล’ ให้แก่ร่างกาย ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น แถมลดความลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ในอนาคตได้ด้วย ดังนั้นการใช้ธรรมชาติบำบัดจึงเหมาะเป็นทางเลือกที่จะแก้สภาวะเบิร์นเอาต์ ฮีลลิ่งร่างกายและจิตใจที่รู้สึกเหนื่อยล้านั่นเอง
ธรรมชาติบำบัดด้วยวิธีไหนได้บ้าง
การทำธรรมชาติบำบัดสามารถทำได้หลายวิธีเลย แต่วิธีง่ายๆ ที่เหมาะกับคนวัยทำงานที่มีเวลาน้อย และต้องทำงานหนัก อาจลองทำตามวิธีดังต่อไปนี้ดู
1. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
วิธีแรกที่เป็นการทำธรรมชาติบำบัดด้วยรสและกลิ่น คือ การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเน้นการการรับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาติ หรือออร์แกนิกโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งที่เยอะจนเกินไป เช่น ผักผลไม้ สมุนไพร เนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก ไม่เน้นรสจัด ไม่เผ็ด หวาน หรือเค็มจัด ซึ่งจะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากขึ้น อวัยวะสามารถทำงานได้อย่างปกติ และไม่เสี่ยงเจอกับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เราสามารถใช้อวัยวะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในช่วงแรกสำหรับมือใหม่ อาจยังรู้สึกไม่คุ้นชิน เราอาจค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการกินไปทีละนิด เช่น สลับทานเป็นบางมื้อ หรือวางแพลนทานให้ได้อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ช่วยได้เหมือนกัน
2. การทำกายภาพบำบัด หรือการออกกำลังกาย
การทำกายภาพบำบัด หรือการออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีใช้ธรรมชาติบำบัดที่แก้สภาวะเบิร์นเอาต์ได้ค่อนข้างดี โดยการทำกายภาพบำบัด หรือการออกกำลังกายที่เป็นการขยับร่างกายแต่ละส่วนตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ การเต้นแอโรบิก การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การวิ่ง ตีกอล์ฟ หรือว่ายน้ำจะช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น มีภูมิคุ้มกันโรค ไม่ปวดเมื่อยร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หรือหลัง นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่ช่วยลดความเจ็บปวด และกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกมีความสุข ส่งผลทำให้อารมณ์ดีขึ้นและลดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลที่เกิดจากการเบิร์นเอาต์ได้นั่นเอง ทั้งนี้ควรทำกายภาพบำบัดหรือการออกกำลังกายให้ถูกวิธี และไม่หักโหมจนเกินไปด้วย เพราะเราอาจเสี่ยงได้รับการบาดเจ็บ และเกินอันตรายได้ คนวัยทำงานที่กำลังรู้สึกเบิร์นเอาต์ลองหาเวลาว่างๆ ไปออกกำลังกาย หรือทำกายภาพบำบัดสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รับรองได้ทั้งสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมได้รับความสุขที่มากขึ้น
3. การท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ
และวิธีสุดท้ายที่จะทำให้เราสามารถสัมผัสธรรมชาติได้ครบ ทั้งกลิ่น รูป รส และเสียงก็คือการท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ โดยพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมสีเขียว รายล้อมด้วยต้นไม้ ดอกไม้ หรือมีอากาศที่บริสุทธิ์ ปราศจากมลภาวะรบกวน ไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา น้ำตก หรือทะเลก็ได้ ซึ่งการเข้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือสภาพแวดล้อมสีเขียวนั้นดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ ผ่านประสาทสัมผัสของเราได้อย่างครบถ้วนเลย ได้แก่
● จากการมองเห็น
เหนื่อยล้า เครียดกดดันจากการจ้องคอมพิวเตอร์ และอยู่กับกองงานเป็นเวลานานๆ หากได้ไปพักสายตา เห็นวิวธรรมชาติสวยๆ ที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย เช่น ภูเขาสูง สวนดอกไม้ ก็อาจช่วยให้กลับมามีไฟในการทำงานอีกครั้ง ได้ลดความเครียด ลดความวิตกกังวล มีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ในขณะที่ทำงาน
● จากการรับกลิ่น
กลิ่นที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ช่วยทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย และกลิ่นจากธรรมชาติบางกลิ่นสามารถลดความดันในเลือด ทำให้อารมณ์ดี แถมลดความเครียดได้ด้วย เช่น กลิ่นทะเล กลิ่นดอกไม้ กลิ่นสมุนไพรบางชนิด เป็นต้น
● จากการได้ยินเสียง
ฟังเสียงคีย์บอร์ด เสียงคลิกเมาส์ และเสียงประชุมที่รบกวนสุขภาพจิตมามากแล้ว เปลี่ยนไปฟังเสียงจากธรรมชาติกันดีกว่า รับรองว่าช่วยผ่อนคลายจิตใจคนวัยทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดความเมื่อยล้า และทำให้มีสมาธิโฟกัสกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น เช่น การฟังเสียงลมพัด เสียงน้ำตก เสียงนก เป็นต้น หากใครเคยฟัง ASMR ผ่าน Podcast แล้วรู้สึกว่าก็ฟินแล้ว ขอบอกว่าของจริงนั้นฟินกว่านั้นแน่นอน
การท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ นอกจากจะช่วยฮีลลิ่งร่างกายและจิตใจได้ดีจากสภาะเบิร์นเอาต์ได้แล้ว ยังทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ใช้เวลาอยู่กับตนเองและคนที่เรารัก (ที่เราอาจจะชวนเขาไปเที่ยวด้วย) ได้มากขึ้น เพราะบางทีอารมณ์ความรู้สึกหดหู่ ร่างกายเหนื่อยล้าก็มาจากการที่เราโฟกัสกับงานมากกว่าตัวเอง ทำงานหนักจนเกินไป จนไม่ได้หาความสุขให้ตัวเองเลยนั่นเอง ดังนั้นหากอยากกลับมามีแพชชั่นอีกครั้ง สัมผัสความสุขได้อย่างเต็มที่ ควรหาเวลาไปรับลม ชมวิว สุดกลิ่นไอที่บริสุทธิ์ เช่น ไปเที่ยวภูเขา น้ำตก ทะเล ป่า หรือสวนดอกไม้สักที่ด่วนๆ เลย
และนี่คือวิธีแก้สภาวะเบิร์นเอาต์การทำงาน ที่เรานำมาฝากวัยทำงานกัน ใครที่กำลังหมดไฟ เครียด หดหู่ เหนื่อยง่าย ไม่มีสมาธิ ไม่อยากทำงาน ลองหาเวลาว่างจากงานมาทำธรรมชาติบำบัดเล็กๆ น้อยๆ ดู ไม่ว่าจะเป็นรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือจะออกไปท่องเที่ยว ชมวิวสวยๆ และสัมผัสบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายก็ช่วยได้ดีไม่แพ้กันเลย สำหรับชาววัยทำงานคนไหนกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ไว้ไปทำธรรมชาติบำบัด แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ โรงแรมเขาใหญ่สุดหรูที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศร่มรื่น อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เห็นวิวเขาใหญ่ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมาพร้อมกับกิจกรรมมากมายให้คุณได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น ตีกอล์ฟ ขับรถ ATV ขี่ม้า หรือจะหาที่รับประทานอาหารออกแกนิก ร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ ก็มีเมนูให้เลือกเพียบ มาที่นี่รับรองได้ฮีลลิ่งร่างกาย จิตใจกลับไปทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สิ้นหมอนักธรรมชาติบำบัด 'นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล' จากไปอย่างสงบในวัย 71 ปี
เพจเฟซบุ๊ก Banchob Junha แจ้งว่า นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ได้เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 71 ปี เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยระบุว่า ประวัติ “นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล” นายแพทย์นักธรรมชาติบำบัด ผู้คร่ำหวอดในศาสตร์แห่งธรรมชาติบำบัดการแพทย์ทางเลือกและผสมผสานมานานกว่า 40 ปี