"มีความรู้ กู้เงินได้ ขายของดี มีกำไร ใช้หนี้ทัน" "รมช.พณ.นภินทร" ถก 12 สถาบันการเงิน เพิ่มโอกาสให้คนตัวเล็ก ดัน SMEs ไทยโต 40% ของ GDP

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทาง การจัดกิจกรรม “จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับ SMEs ไทย ว่า วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชิญสถาบันการเงิน 12 แห่ง และ 6 หน่วยงานพันธมิตร เข้าร่วมหารือเพื่อวางแนวทางการสนับสนุนแหล่งเงินทุน พร้อมออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทย ประกอบด้วย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารยูโอบี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) รวมทั้ง ได้เชิญ 6 หน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม และให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สมาคมธนาคารไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยมีตนนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม
.
รมช.พณ. กล่าวต่อว่า การประชุมในครั้งนี้ ประเด็นสำคัญ คือ การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยของไทยให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมประชุมพิจารณาออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือแพคเกจพิเศษแก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยเป็นการเฉพาะ ทั้งกรอบวงเงิน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ระยะเวลาการผ่อนชำระ การค้ำประกัน/หลักประกันการเงินกู้ เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และการอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วขึ้น รวมทั้ง ขอความร่วมมือจาก 6 หน่วยงานพันธมิตรให้การส่งเสริมสนับสนุน และสร้างความยั่งยืนแก่ผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง
.
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการจัดงานใหญ่เพื่อผู้ประกอบการ SMEs ไทย ชื่องาน ‘มหกรรมรวมพลัง SMEs ไทย’ ที่จะจัดขึ้นช่วงต้นปี 2567 ซึ่งกิจกรรม ‘จับคู่กู้เงิน’ ระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยกับสถาบันการเงิน จะเป็น 1 ไฮไลท์สำคัญของการจัดงาน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่สามารถจับต้อง และเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน หากการจับคู่ดังกล่าวประสบความสำเร็จจะสะท้อนถึงภาพการผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน และหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ และผลักดันให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้น เป็นการขยายโอกาสทางการค้า ขยายการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวถือเป็นหัวใจหลัก และเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะกิจการของคนตัวเล็กที่มีสายป่านด้านเงินทุนที่ไม่ได้ยาวมากนัก การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการต่อยอดให้ผู้ประกอบการรายย่อยของไทยสามารถเดินบนเส้นทางธุรกิจได้อย่างมั่นคง สร้างแต้มต่อทางธุรกิจ และมีเสถียรภาพเพียงพอในการประกอบกิจการ พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง
.
‘มหกรรมรวมพลัง SMEs ไทย’ และ กิจกรรม ‘จับคู่กู้เงิน’ เป็นภารกิจเร่งด่วน Quick Win ของกระทรวงพาณิชย์ ในการสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการ SMEs ผลลัพธ์สำคัญของการจัดงานเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคประชาชน เศรษฐกิจในประเทศเกิดการหมุนเวียน และช่วยขยายตลาดแก่ผู้ประกอบการ SMEs เบื้องต้น กำหนดจัดมหกรรมฯ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และ 3 ภูมิภาคของประเทศ คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ โดยกิจกรรมหลักภายในงาน ประกอบด้วย

1) การเปิดพื้นที่ให้ SMEs เข้าร่วมแสดง และจำหน่ายสินค้า อาทิ ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจอาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชน กว่า 100 คูหา

2) การเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ

3) การสร้างองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพธุรกิจโดยการจัดอบรมสัมมนาในหัวข้อที่ SMEs จำเป็นต้องรู้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น กฎระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศ สิทธิประโยชน์ FTA และแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น

4) การให้สินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ภายใต้กิจกรรม ‘จับคู่กู้เงิน’ และ

5) การให้คำปรึกษาด้านการทำธุรกิจ เทคนิคการขอสินเชื่อสถาบันการเงินจากผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์
.   
เบื้องต้นที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า SMEs ไทยมีความต้องการหลัก คือ ‘มีความรู้ กู้เงินได้ ขายของดี มีกำไร ใช้หนี้ทัน’ ซึ่งการประชุมหารือวันนี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการได้ทุกข้อ ส่งผลให้การหารือเป็นไปด้วยดีในทิศทางเดียวกัน สถาบันการเงินและหน่วยงานพันธมิตรพร้อมให้ความช่วยเหลือ/สนับสนุนการจัด ‘มหกรรมรวมพลัง SMEs ไทย’ และ กิจกรรม ‘จับคู่กู้เงิน’ อย่างเต็มที่ และยินดีร่วมผลักดันให้ SMEs ไทย สร้างมูลค่าทางการตลาดและมีอัตราการเติบโตทะลุ 40% ของ GDP ประเทศ พร้อมรับนโยบายไปดำเนินงานเพื่อแปลงความต้องการด้านสินเชื่อ/ขอรับการสนับสนุนด้านต่างๆ ของผู้ประกอบการ SMEs ให้กลายเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นจริง โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานระหว่างผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน และหน่วยงานพันธมิตรเพื่อให้เกิดความคล่องตัว
.
ทั้งนี้ กิจกรรมจับคู่กู้เงินจะช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SMEs ได้ในระดับหนึ่ง ลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ เป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างหน่วยธุรกิจให้แน่นแฟ้นขึ้น รวมถึงการได้รับคำปรึกษาจากหน่วยงานพันธมิตรอย่างตรงจุด ทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเหมาะสมกับผู้ประกอบการแต่ละประเภท สามารถนำไปปรับใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุประสิทธิผลสูงสุด ส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามมา สอดรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน

“ขอขอบคุณสถาบันการเงิน/หน่วยงานพันธมิตรที่เข้าร่วมประชุม และยินดีให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนพร้อมทั้งให้การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในครั้งนี้ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะช่วยสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการรายย่อยระยะยาว เป็นการสร้าง/ขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เห็นผลเป็นรูปธรรม รวมทั้ง ช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการลงทุนของภาคธุรกิจมีความเข้มแข็ง และเอื้อต่อการเข้าสู่แวดวงธุรกิจมากขึ้น โดยมีหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และพร้อมส่งเสริมให้ SMEs ไทยเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภาครัฐโดยเฉพาะกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรอย่างเข้มข้นในการเสริมสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นแก่ผู้ประกอบการ และหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้ SMEs อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีความมั่นใจว่า ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพสูงที่พร้อมสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจประเทศ โดยตั้งเป้าว่า อีก 4 ปีข้างหน้า SMEs ไทยจะสร้างมูลค่าตลาดและเติบโตทะลุ 40% ของ GDP ประเทศ” รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พาณิชย์' ชี้เป้าส่งออกอาหารเสริมเจาะตลาดสหรัฐฯ

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ชี้เป้าส่งออกอาหารเสริมเจาะตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯ เน้นกลุ่มคนรักสุขภาพ และคนออกกำลังกาย เน้นสินค้าที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ขายส่วนผสมจากสมุนไพรไทย มั่นใจมีโอกาสเติบโต

'ภูมิธรรม' รับลูก 'เศรษฐา' ดึงเจ้าสัวช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่าย

“ภูมิธรรม”รับลูก “เศรษฐา” ดึงเจ้าสัว ปตท. ซีพี ไทยเบฟ ห้าง ปั๊มน้ำมัน ช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่ายหรือนำไปทำตลาด เพื่อดูแลเกษตรกร 

ตั้ง“จ.อ.ยศสิงห์”เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ รมช.สุชาติ ช่วยดูแลปากท้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ/เห็นชอบแต่งตั้ง ข้าราชการและข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง หลายกระทรวงนั้น

พาณิชย์ ยอมรับภาพรวมค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ปรับเพิ่มสูงขึ้น

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ภาพรวมดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 หลังจากที่ชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 และปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2566