สำนักงานประกันสังคม ตระหนักถึงการดูแลช่วยเหลือผู้ประกันตนให้ได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองชีวิตอย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ชีวิตการทำงานของผู้ประกันตน โดยหากเกิดเหตุไม่คาดฝันในชีวิต ทำให้ผู้ประกันตนต้องสูญเสียสมรรถภาพทั้งร่างกายและทางจิตใจจนต้องกลายเป็นผู้ทุพพลภาพ สำนักงานประกันสังคมยังคงให้ความคุ้มครองดูแลผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ระบุว่า สำหรับผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนกลายเป็นผู้ทุพพลภาพ ทางสำนักงานประกันสังคมจะคุ้มครองดูแลและช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ โดยจะต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ซึ่งจะได้รับประโยชน์เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ ดังนี้ กรณีทุพพลภาพรุนแรง ได้รับในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต และกรณีทุพพลภาพไม่รุนแรง ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาตามประกาศฯ กำหนด นอกจากนี้ยังได้รับค่าบริการทางการแพทย์ ดังนี้ กรณีเข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลของรัฐ ประเภทผู้ป่วยนอก จะได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น ถ้าเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลคำนวณตามกลุ่มวินิจฉัยโรค (DRGs) ส่วนกรณีเข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลของเอกชน ประเภทผู้ป่วยนอก จะได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ถ้าเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท อีกทั้งยังได้รับค่ารถพยาบาลหรือค่าพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ กรณีเข้ารับบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายไม่เกินเดือนละ 500 บาท และได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเมื่อมีมติให้เป็นผู้ทุพพลภาพ รวมถึงผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานของสำนักงานประกันสังคม โดยที่สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่าฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ทุพพลภาพให้ตามหลักเกณฑ์ประกาศฯ กำหนด
ทั้งนี้ หากเกิดกรณีผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพถึงแก่ความตาย ผู้จัดการศพมีสิทธิได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท รวมทั้งเงินสงเคราะห์กรณีผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพถึงแก่ความตายผู้มีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์ดังนี้ สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยสองเดือน ส่วนผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยหกเดือน
สำหรับการยื่นคำขอฯ เพื่ออนุมัติให้เป็นทุพพลภาพ ผู้ประกันตนจะต้องใช้หลักฐานเพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน ประกอบด้วย แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส. 2-01) ใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าเป็นบุคคลทุพพลภาพ สำเนาเวชระเบียน และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี ถ้าเป็นกรณีขอรับเงินทางธนาคาร ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งพร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถดำเนินการยื่นคำขอได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ที่สะดวก หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 บริการ 24 ชั่วโมง ทาง Line@ssothai หรือเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี ! ผู้ประกันตนรับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มเป็นหนึ่งพันบาทต่อบุตรหนึ่งคน มีผลบังคับใช้มกราคม 68
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยว่าตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมศึกษาการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้กับผู้ประกันตน ด้วยสาเหตุจากประเทศไทยมีอัตราการเกิดของประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประกันสังคม ดูแลผู้ประกันตนทุกช่วงวัย โชว์ความสำเร็จการดำเนินงาน ปี 67
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้เปิดการแถลงข่าว ผลการดำเนินงานสำนักงานประกันสังคม ประจำปี 2567
รมว. พิพัฒน์ มอบ เลขา อารี ลงพื้นที่ จ.ระยอง เปิดอาคาร สปส. สาขาปลวกแดง สร้างความเชื่อมั่น พร้อมยกระดับการให้บริการ
ในวันที่ 22 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
"พิพัฒน์" ส่ง สปส. จับมือการยางแห่งประเทศไทย ดูแลชาวสวนยาง กว่า 1.5 ล้านคน ให้สิทธิประโยชน์ ม. 40 สร้างคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความเชื่อมั่นประกันสังคมมาตรา 40 รุ่นที่ 2 พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กระทรวงแรงงาน
ประกันสังคม เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนเปลี่ยน รพ. ปี 68 ผ่าน 4 ช่องทาง เริ่ม 16 ธ.ค.67 นี้
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า สำนักงานประกันสังคม แจ้งให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาลประจำปี 2568 ได้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผ่าน 4 ช่องทาง คือ 1.
'พิพัฒน์' มอบ เลขา 'อารี' วางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง พร้อมยกระดับการให้บริการ เพิ่มความสะดวกแก่ นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนในเขตพื้นที่ทั้ง 10 อำเภอ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ในวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567