การจัดงานบ้านมั่นคงครบ 20 ปีที่ พอช. ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ผู้ร่วมงานแสดงสัญลักษณ์ ‘บ้าน’
พอช. / เครือข่ายบ้านมั่นคง 5 ภาค-พอช. จัดงาน ‘บ้านมั่นคง’ ครบ 20 ปี ‘รำลึกอุดมการณ์ สานสัมพันธ์กว้างไกล การบริหารบ้านมั่นคงแนวใหม่’ เพื่อนำเสนอผลงาน สรุปบทเรียนการทำงานตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน ระดมความคิดเห็นเพื่อออกแบบแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เสนอทิศทางการทำงานแนวใหม่ ฯลฯ จนถึงปัจจุบัน พอช. ทำให้ประชาชนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตไปแล้ว รวมกว่า 3,000 โครงการ จำนวน 269,524 ครัวเรือน
ระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคมนี้ เครือข่ายบ้านมั่นคง 5 ภาค และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ ร่วมกันจัดงาน ‘รำลึกอุดมการณ์ สานสัมพันธ์กว้างไกล การบริหารบ้านมั่นคงแนวใหม่’ ที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนเครือข่ายบ้านมั่นคง 5 ภาค เจ้าหน้าที่และผู้บริหาร พอช. เข้าร่วมงานประมาณ 200 คน
ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการ การนำเสนอผลการดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงเมืองและชนบทตลอดช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน การสรุปบทเรียนการทำงาน การระดมความคิดเห็นเพื่อออกแบบแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทิศทางการทำงานแนวใหม่ การแสดงวัฒนธรรมของเครือข่ายบ้านมั่นคง 5 ภาค ฯลฯ
บ้านมั่นคง “สายสัมพันธ์กว้างไกล” เชื่อมทั้งภาครัฐ-อปท.-ภาคธุรกิจ
นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการ พอช. กล่าวเปิดงาน มีใจความสำคัญว่า พอช.มีวิสัยทัศน์ในระยะ 20 ปีว่าภายในปี 2579 พอช. จะสร้างชุมชนให้เข้มแข็งเต็มทั้งแผ่นดิน เพราะฉะนั้นเรื่องบ้านจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะหล่อหลอมคนเข้าหากัน มาทำงานร่วมกัน มาคิด มาออกแบบในการสร้างสังคมที่มีความสุขในการอยู่ร่วมกัน
“หากจะสร้างเอาบ้าน แค่ได้บ้านไม่ต้องมาให้ พอช.ทำ ไปจ้างผู้รับเหมาทำก็ได้ แต่กระบวนการของพวกเราเริ่มตั้งแต่การสร้างการรวมกลุ่ม เริ่มตั้งแต่การสร้างการออมทรัพย์ ไปหาที่ดินร่วมกัน ไปหาที่ที่เหมาะสมร่วมกัน ไปออกแบบการใช้แปลงประโยชน์ที่ดินร่วมกัน ออกแบบบ้านร่วมกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดการพูดคุยกัน ปรึกษาหารือกัน การรวมกลุ่มกัน นำไปสู่ความเข้มแข็งในการจัดการตนเอง” ผอ.พอช. กล่าวถึงกระบวนการบ้านมั่นคง
นายกฤษดา สมประสงค์ ผอ.พอช.
นอกจากนี้กระบวนการบ้านมั่นคง พอช.ไม่ได้ทำคนเดียว พอช.ใช้บ้านเป็นเครื่องมือ ทำงานร่วมกับพี่น้องภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นบ้านมั่นคงเมือง บ้านมั่นคงชนบท บ้านมั่นคงริมคลอง บ้านพอเพียง รวมทั้งบ้านคนไร้บ้าน พอช.ทำงานร่วมกับภาคีพัฒนาอื่นๆ จึงเป็นที่มาของคำว่า “สานสัมพันธ์กว้างไกล” และวันนี้เราจะขยายขอบเขตของความสัมพันธ์เหล่านี้ต่อไป ไปเชื่อมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เชื่อมกับเทศบาล เชื่อมมือกับองค์กรบริหารส่วนตำบล เชื่อมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ฯลฯ
“ทิศทางต่อไปภายหน้า เราจะต้องขยายความร่วมมือกับภาคธุรกิจ เพื่อดึงภาคธุรกิจมาสนับสนุนชุมชน ล่าสุด พอช.ได้ไปคุยกับ BOI. (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ซึ่ง BOI. มีข้อกำหนดข้อหนึ่งว่า ถ้าหากบริษัทธุรกิจเอกชนมีการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนจะสามารถลดภาษีได้ 200 เปอร์เซ็นต์ นี่คือก้อนเงินมหาศาลที่จะมาสนับสนุนชุมชนได้” ผอ.พอช.ยกตัวอย่างความร่วมมือกับภาคธุรกิจที่ พอช.กำลังดำเนินการ
ผอ.พอช. กล่าวด้วยว่า นอกจาก พอช.จะส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชาวชุมชนบ้านมั่นคงแล้ว จากการพูดคุยกับภาคธุรกิจ มีข้อแนะนำว่า โครงการบ้านมั่นคงของ พอช.กระจายอยู่ทั่วประเทศ บางแห่งใกล้แหล่งท่องเที่ยว บางแห่งใกล้จุดคมนาคม หากชุมชนใดมีที่ว่าง มีห้องว่าง หากนำมาปรับปรุงเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยวหรือเซลล์แมน ทำให้สะอาด มาตรฐาน ราคาไม่แพงก็จะเป็นทางเลือกสำหรับคนเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีรายได้ และภาคเอกชนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน
บ้านมั่นคง “ทุกคนร่วมสร้าง”
การจัดงาน ‘รำลึกอุดมการณ์ สานสัมพันธ์กว้างไกล การบริหารบ้านมั่นคงแนวใหม่’ วันแรก (24 ตุลาคม) มีการนำเสนอผลการดำเนินโครงการบ้านมั่นคงเมืองและชนบทในช่วง 20ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2546-2566) โดยนางสาวจิราภรณ์ เขียวพิมพา ผู้แทนเครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง และนายละอองดาว สีลาน้ำเที่ยง ผู้แทนเครือข่ายบ้านมั่นคงชนบท นำเสนอมีเนื้อหาสำคัญว่า
การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อยตามโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ ของ พอช. เริ่มต้นในปี 2546 โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณจำนวน 146 ล้านบาทเศษ เพื่อให้ พอช.จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาชุมชนที่มีรายได้น้อย ไม่มีความมั่นคงในที่ดิน-ที่อยู่อาศัย นำร่องจำนวน 10 โครงการทั่วประเทศ เช่น ชุมชนบ่อนไก่ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ กรุงเทพฯ ชุมชนแหลมรุ่งเรือง จ.ระยอง ชุมชนบุ่งคุก จ.อุตรดิตถ์ ชุมชนเก้าเส้ง จ.สงขลา ฯลฯ
ลำดับช่วงเวลาการดำเนินโครงการบ้านมั่นคงตั้งแต่ปี 2546-2566
หลักคิดสำคัญของโครงการบ้านมั่นคง คือ 1.องค์กรชุมชนเป็นแกนหลักดำเนินการโดยองค์กรชุมชนและท้องถิ่น ทำให้ชุมชนเป็นตัวตั้งในการดำเนินการในทุกขั้นตอน 2.สร้างสังคมมั่นคงในเรื่องที่ดินอยู่อาศัย เน้นการใช้ที่ดินของรัฐ ที่ดินของเอกชนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ รวมทั้งการหาที่ดินใหม่ในกรณีที่ต้องมีการรื้อย้าย
3.สร้างชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การสร้างความมั่นคงของชีวิตด้านสังคมและเศรษฐกิจเป็นสังคมที่มีความเอื้ออาทรต่อกันและมีการจัดการร่วมกัน 4.วางแผนการแก้ไขปัญหาทั้งเมืองโดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งให้เกิดแนวทางและแผนการแก้ปัญหาที่ครอบคลุมทุกชุมชนที่ไม่มีความมั่นคงในเรื่องที่อยู่อาศัยทั้งเมือง 5.ความหลากหลายของรูปแบบและแนวทางการปรับปรุงที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับความต้องการ ความสามารถในการจ่ายของชุมชนผู้เดือดร้อน เงื่อนไขที่ดินและความเห็นร่วมของคณะกรรมการการเมือง ฯลฯ
โดย พอช. จะสนับสนุนให้ชุมชนที่มีความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย เช่น อยู่ในที่ดินบุกรุกทั้งของรัฐและเอกชน ที่ดินเช่า บ้านเช่า เสี่ยงต่อการถูกไล่รื้อ ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ฯลฯ รวมกลุ่มกันแก้ไขปัญหา เช่น จัดหาที่ดินใหม่ โดยเช่าหรือซื้อที่ดิน เพื่อสร้างบ้าน สร้างชุมชนใหม่ หรือซ่อม สร้าง ปรับปรุงบ้านใหม่ในที่ดินเดิม ฯลฯ
ขณะที่ชุมชนที่เดือดร้อนจะต้องรวมกลุ่มกัน หรือลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนเป็นแกนหลัก เช่น จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ เริ่มตั้งแต่สำรวจข้อมูลความเดือดร้อน ข้อมูลครัวเรือน จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมทั้งยังเป็นฝึกการบริหารเงิน-บริหารคน ฯลฯ
ทั้งนี้ พอช. จะส่งเจ้าหน้าที่ สถาปนิกชุมชน เข้าไปทำงานร่วมกับชุมชน เช่น สนับสนุนการรวมกลุ่ม จัดตั้งคณะทำงานจากชุมชนขึ้นมาเพื่อดำเนินการ ร่วมกันออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนพัฒนาที่อยู่อาศัย ร่วมกันออกแบบบ้าน ออกแบบผังชุมชน ในลักษณะ “ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่” ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน และจัดตั้งสหกรณ์เคหสถานเพื่อให้มีสถานะเป็นนิติบุคคล สำหรับทำนิติกรรมสัญญา ซื้อ-เช่าที่ดิน ขอใช้สินเชื่อจาก พอช. และบริหารโครงการ-ก่อสร้างบ้าน
นอกจากนี้ พอช.ยังมีหน้าที่สนับสนุนทางด้านการเงินแก่ชุมชน เช่น ให้สินเชื่อซื้อที่ดิน-ก่อสร้างบ้าน (ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนระยะยาว) อุดหนุนงบประมาณการสร้างบ้าน สร้างสาธารณูปโภคส่วนกลาง ฯลฯ โดย พอช.จะอนุมัติงบประมาณผ่านสหกรณ์เคหสถานที่ชุมชนจัดตั้งขึ้นมา (ไม่ได้อนุมัติเป็นรายบุคคล) และคณะกรรมการสหกรณ์ฯ จะร่วมกันบริหารโครงการ-ก่อสร้างบ้าน
บ้านมั่นคงทุกคนร่วมสร้าง
20 ปีบ้านมั่นคงแก้ปัญหาแล้ว 269,524 ครัวเรือน
นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พอช. ได้สนับสนุนให้เครือข่ายบ้านมั่นคงทั่วประเทศ จัดทำ ‘โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองและชนบทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19’ เช่น ในปี 2563 ดำเนินการใน 228 เครือข่าย/เมือง 2,846 ชุมชน 1,546 ตำบล รวม 529,502 ครัวเรือน
โดยชุมชนต่างๆ ร่วมกันผลิตหน้ากากผ้าอนามัยแจกจ่ายชาวชุมชนและประชาชนทั่วประเทศ รวม 1.1 ล้านชิ้น แจกถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ฯลฯ มูลค่ารวม 2.25 ล้านบาท ทำครัวกลางแจกจ่ายอาหาร 49 ครัวหลัก ใน 540 ชุมชน รวม 336,930 กล่อง เกิดอาสาสมัครทำงาน 2,638 คน
บ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร ทำให้ชุมชนเดิมที่เคยบุกรุกที่ดินราชพัสดุริมคลองได้เช่าที่ดินและปลูกสร้างบ้านอยู่อาศัยถูกกฎหมาย มีบ้านใหม่ที่สวยงาม สภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม (ผ่อนชำระเงินกู้สร้างบ้านจาก พอช.ประมาณเดือนละ 3 พันบาทเศษ ระยะเวลา 15 ปี) ขณะนี้ก่อสร้างแล้วใน 17 ชุมชน จำนวน 1,500 ครัวเรือน จากเป้าหมายทั้งหมด 38 ชุมชน รวม 6,386 หลัง ส่วนคลองลาดพร้าว สร้างบ้านเสร็จแล้วประมาณ 3,500 ครัวเรือนใน 35 ชุมชน
โครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงาน เช่น โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เพื่อให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาระบบรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เช่น โครงการรถไฟรางคู่ในภาคใต้ รถไฟความเร็วสูงในภาคอีสาน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มีที่อยู่อาศัยใหม่ที่มั่นคง โดยการรื้อย้ายออกจากแนวพัฒนาระบบราง แล้วหาที่ดินแปลงใหม่รองรับ เช่น เช่าที่ดิน รฟท. เพื่อสร้างบ้าน สร้างชุมชนใหม่
โดย พอช.รับผิดชอบดำเนินการ ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2560-2570) ใน 300 ชุมชน 35 จังหวัดทั่วประเทศ รวม 27,084 ครัวเรือน ใช้งบประมาณทั้งหมด 7,718 ล้านบาทเศษ โดยในปี 2566 นี้จะเริ่มดำเนินการใน 14 ชุมชน รวม 912 ครัวเรือน ใช้งบประมาณ 123 ล้านบาทเศษ
โครงการนำร่องสวัสดิการที่อยู่อาศัยเช่าราคาถูก มีรูปแบบการทำงาน คือ 1.ปรับปรุงสร้างใหม่โดยชุมชนบ้านมั่นคง นำพื้นที่ว่าง ห้องว่าง ปรับปรุงเป็นห้องเช่าราคาถูก 2.พัฒนาปรับปรุงตึกร้าง อาคารร้างเป็นห้องเช่าราคาถูกโดยพัฒนาอาคารร่วมกับภาคประชาสังคม หน่วยงานท้องถิ่น กทม. และ 3.สร้างใหม่โดยใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐ เช่น ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
ขณะนี้มีชุมชนนำร่องแล้ว เช่น ศูนย์พักคนไร้บ้าน บ้านพูนสุข อ.รังสิต จ.ปทุมธานี ชุมชนใหม่คนไร้บ้าน ซอยเลียบวารี 79 เขตหนองจอก กรุงเทพฯ และอาคารย่านแยกแม้นศรี กรุงเทพฯ ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร ฯลฯ
จนถึงปัจจุบัน (ตุลาคม 2566) เป็นเวลา 20 ปี พอช. ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตไปแล้ว รวมกว่า 3,000 โครงการ จำนวน 269,524 ครัวเรือน
*****************
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สุราษฎร์ธานี จัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี67 ย้ำชุมชนต้องเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยคนจน
UN – HABITAT หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’ กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’
รวมพลังคนจนแก้ปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ วันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2567
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
‘21 ปีบ้านมั่นคง’ พอช. แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ กว่า 3 แสนครัวเรือน
รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย และสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยแก่คนจนในเมืองที่ ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัด
เสียงจากคลองเปรมประชากร…บ้านหลังใหม่ชีวิตใหม่ “คืนสายน้ำให้คนคลอง คืนสายคลองให้คนเมือง”
คลองเปรมประชากร มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คลองนี้ได้ประสบปัญหามากมาย
บอร์ด พอช. มีมติ พักชำระหนี้องค์กรผู้ใช้สินเชื่อในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ
สถานการณ์การเกิดอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุยางิ ในระหว่างวันที่ 7 - 8 กันยายน 2567 ส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดเชียงราย จำนวน 7 อำเภอ
รมว.พม. แจ้งตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 แห่ง ใน 13 จว. ช่วยกลุ่มเปราะบาง-ผู้ประสบภัยน้ำท่วมริมแม่น้ำโขง ด้าน พอช. พร้อมอนุมัติงบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบภัยพิบัติภาคเหนือและอีสาน
จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลกระทบในพื้นที่ 8 จังหวัด 47 อำเภอ 207 ตำบล 22,817 ครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา