เวทีชุมนุมตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ (ภาพจาก P-move)
ถนนราชดำเนินนอก / ส่องข้อเรียกร้องของ P-Move 10 ด้าน เสนอต่อรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาความไม่มั่นคงในชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิด้านที่ดินที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การจัดการทรัพยากรป่าไม้ ฯลฯ ส่วนผลเจรจายังไม่คืบหน้า P-Move รอดูการประชุม ครม. 10 ตุลาคมนี้ว่าจะนำเอาข้อเสนอจากประชาชนเข้าประชุมคลี่คลายปัญหาหรือไม่ นอกจากนี้ P-Move ยังมีข้อเสนอเชิงนโยบายด้านที่อยู่อาศัยต่อกระทรวง พม.และ พอช. เช่น จัดทำที่พักเช่าราคาถูกทุกตำบลๆ ละ 1,000 ยูนิต เพิ่มงบประมาณที่พักชั่วคราว กรณีไฟไหม้ไล่รื้อจากเดิมครัวเรือนละ 18,000 บาทเป็น 36,000 บาท
ตามที่เครือข่ายภาคประชาชนในนาม ‘ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม’ (ขปส.) หรือ ‘P-Move’ (People Movement) ซึ่งประกอบด้วยประชาชนที่มีความเดือดร้อนกลุ่มต่างๆ เช่น เครือข่ายสลัม 4 ภาค สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ กลุ่มชาติพันธุ์ ชาวกะเหรี่ยง ชาวเล ฯลฯ ได้ชุมนุมยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณประตู 5 (ด้านหลังทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนินนอก) และได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า
“ด้วยเครือข่ายประชาชนได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาของรัฐ ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงในชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิด้านที่ดินที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การจัดการทรัพยากรป่าไม้และอื่น ๆ ทั้งนี้ ช่วงรณรงค์การเลือกตั้งที่ผ่านมาทางกลุ่ม P-Move ได้จัดเวทีภาคประชาชนเสนอนโยบายต่อพรรคการเมืองขึ้น เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 เพื่อนำเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อพรรคการเมืองและสาธารณะเกี่ยวกับข้อเสนอเชิงนโยบาย ความไม่มั่นคงในชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิด้านที่ดินที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การจัดการทรัพยากรป่าไม้และอื่น ๆ โดยเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมานำเสนอนโยบายแล้วนั้น
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นไปตามนโยบายช่วงรณรงค์เลือกตั้ง อันเป็นสัญญาประชาคมต่อประชาชนทั้งประเทศ จึงเสนอข้อเสนอเชิงนโยบาย 10 ด้าน ประกอบด้วย
ข้อเสนอเชิงนโยบาย 10 ด้าน
- ด้านสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่มีบทบัญญัติกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในด้านต่าง ๆ ขอให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกกระบวนการทุกขั้นตอน
- ด้านการกระจายอำนาจ ขอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง เพื่อปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ด้านนโยบายการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ขอให้เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ
- ด้านนโยบายที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ขอให้มีการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยผลักดัน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า
- ด้านนโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ขอให้ยกเลิกนโยบายทวงคืนผืนป่าและแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพราะการดำเนินนโยบายดังกล่าวทำให้มีการละเมิด คุกคามชีวิตทรัพย์สินและส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่อาศัยและทำกินในที่ดินป่าทั่วประเทศ
- ด้านการป้องกันภัยพิบัติ ขอให้มีคณะกรรมการส่งเสริมระบบการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน เพื่อลดความเสี่ยงของประชาชนในการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การช่วยเหลือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูเยียวยาหลังเกิดเหตุ
- การคุ้มครองชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อชุมชนและชาติพันธุ์ในทุก ๆ ด้าน ขอให้เร่งลงนามรับรองร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชุมชนกลุ่มชาติพันธ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. ....
- ด้านสิทธิของคนไร้สถานะ แต่งตั้งกรรมการแก้ไขปัญหาสิทธิสถานะเป็นกรรมการกลางที่มีผู้ทรงคุณวุฒิมีภาคประชาชนที่มีประสบการณ์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน
- ด้านนโยบายรัฐสวัสดิการ โดยเสนอนโยบายและสวัสดิการถ้วนหน้าจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ
- ด้านที่อยู่อาศัย โดยให้รัฐจัดสรรที่ดินให้ประชาชนอยู่อาศัย จัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย หยุดใช้มาตรการไล่รื้อชุมชน
ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ร่วมชุมนุม
P-Move ส่งตัวแทนเจรจากับรัฐบาล
ในวันที่ 4 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้แทน P-Move เช่น นายประยงค์ ดอกลำไย นายจำนงค์ หนูพันธุ์ เข้าประชุมกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาล นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หลังจากนั้น นายภูมิธรรม ได้แถลงต่อสื่อมวลชน มีใจความว่า ผู้แทน P-Move มาทวงถามเรื่องที่เคยเสนอต่อรัฐบาล มีทั้งที่คลี่คลายไปบ้าง และไม่ได้คลี่คลายบ้าง ใช้เวลานานบ้าง มายืนยันแสดงความยากลำบาก ความทุกข์ของเขา ซึ่งตนก็ได้นำไปเรียนท่านนายกรัฐมนตรีได้ทราบว่า ขณะนี้มีประชาชนเดือดร้อน ท่านนายกฯ มอบให้ตนในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร้อยเอกธรรมนัส รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ามาดูแลส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องที่ดิน แต่ดูจากข้อเสนอไม่ได้มีแค่เรื่องที่ดินอย่างเดียว ยังมีเรื่องความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องที่ดินที่อยู่อาศัย และหลาย ๆ เรื่อง โดยจะให้ร้อยเอกธรรมนัสรับผิดชอบ ประสานงานให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 2 อาทิตย์นี้
นายภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะตั้งกรรมชุดหนึ่งขึ้นมา ไม่ใหญ่เกินไปเพื่อความคลองตัว โดยจะเรียกหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาให้เร็วที่สุด แต่เนื่องจากมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง บางเรื่องอาจทำได้เลย บางเรื่องอาจใช้เวลา เพราะต้องออกกฎหมาย
ขณะที่ผู้แทน P-Move นายจำนงค์ หนูพันธุ์ กล่าวว่า P-Move ยืนยันจะยังปักหลักที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลอย่างน้อยอีก 1 สัปดาห์ โดยจะไม่มีการย้ายไปชุมนุมที่หน้า UN ตามที่ สน.ดุสิต แจ้งประกาศให้เคลื่อนย้าย เพื่อรอติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า (10 ตุลาคม) ว่าจะมีการนำปัญหา รวมถึงข้อเสนอนโยบายทั้ง 10 ด้านเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.หรือไม่ โดยหากประเด็นใดสามารถเห็นชอบได้เลยก็ขอให้รัฐบาลพิจารณาเดินหน้าทันที ส่วนที่จะต้องใช้เวลาก็ขอให้มีมติ ครม.ที่ชัดเจนออกมา แล้วมาหาแนวทางกลไกการขับเคลื่อนกันต่อ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า นโยบายทั้ง 10 ด้าน เป็นความเดือดร้อน และจะส่งผลภาพรวมต่อประชาชนทั่วประเทศ
ผู้แทน P-Move (ซ้าย) กับนายภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรี (ขวา)
ข้อเสนอนโยบายที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม
ทั้งนี้ในส่วนข้อเสนอเชิงนโยบายด้านที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมนั้น P-Move ระบุสภาพปัญหาว่า นโยบายการจัดการที่ดินของรัฐที่ผ่านมาก่อให้เกิดการกระจุกที่ดินอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศมีที่ดินทำกินไม่พอเพียง รวมทั้งโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) รวมทั้งกฎหมายระเบียบและมติ ครม.ที่เกี่ยวข้องไม่ก่อให้เกิดการรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรที่ดินที่ยั่งยืน และไม่สอดคล้องกับหลักการรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรที่ดิน
ข้อเสนอเชิงหลักการ 1.กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยผลักดัน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า (เก็บตามมูลค่าและขนาดการถือครองอย่างแท้จริง) พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร พ.ร.บ.คุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อป้องกันมิให้ที่ดินที่เหมาะสมสำหรับการเกษตรถูกนำไปใช้ประโยชน์และเปลี่ยนแปลงผิดประเภท และให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
2.ทบทวนแนวทางและมาตรการในโครงการจัดที่ดินชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ทั้งนี้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับหลักการรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรที่ดิน
3.การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ต้องคุ้มครองวิถีชีวิตและระบบเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมให้สามารถเข้าถึงประโยชน์ของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจนั้นอย่างเท่าเทียม และต้องไม่กระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
4.ปรับปรุงประมวลกฎหมายที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกมิชอบ (มาตรา 61) และที่ดินทิ้งร้างว่างเปล่า (มาตรา 6) กระจายที่ดินให้ชุมชนไร้ที่ดิน รวมถึงศึกษาแนวทางการจำกัดการถือครองที่ดินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 34 – 49 ฯลฯ
วิธีการ 1.ให้มีคณะทำงานเพื่อยกร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 43 โดยในระหว่างที่ดำเนินการยกร่างกฎหมายฉบับนี้ ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมใน 100 วัน
2. ให้มีคณะทำงนศึกษาทบทวน พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ให้เร่งออกกฎกระทรวงในการจัดเก็บภาษีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่การถือครองที่ดินแบบกรรมสิทธิ์ร่วม โฉนดชุมชน และที่ดินแปลงรวมลักษณะอื่นๆ โดยคำนึงถึงหลักการสำคัญ คือ ให้คำนวณภาษีจากพื้นที่ของผู้ถือครอง และใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงย่อย ทั้งนี้ในระหว่างดำเนินการออกกฎกระทรวงขอให้ชะลอการเก็บภาษีที่ดินในลักษณะการถือครองแบบโฉนดชุมชน ที่ดินแปลงรวมลักษณะอื่น รอบปี พ.ศ. 2566 โดยทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
3.ให้ยกระดับโฉนดชุมชนเป็นการรับรองสิทธิ์ชุมชนในการจัดการที่ดินร่วมกันตามบทบัญญัติ พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 10 (4) 4. ให้มีคณะทำงานทบทวนแนวทางและมาตรการโครงการจัดที่ดินชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ฯลฯ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวง พม. ฯลฯ
ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ใช้เวลานานหลายปีต่อสู้เรื่องสิทธิที่อยู่อาศัยและทำกินที่ทางราชการประกาศเขตป่าทับซ้อนที่ดินที่ชาวบ้านอยู่อาศัยมาก่อน
ด้านสวัสดิการ : ที่อยู่อาศัย/ที่ดิน เสนอสร้างที่อยู่อาศัย 1 ,000 ยูนิตทุกตำบล
P-Move มีข้อเสนอเชิงนโยบายกด้านนโยบายรัฐสวัสดิการ ด้านที่อยู่อาศัย/ที่ดิน โดยระบุสภาพปัญหาว่า ปัญหาที่อยู่อาศัยกระทบกับกลุ่มคนจำนวนมาก ตั้งแต่ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้พักอาศัยในห้องเช่าราคาถูกมีคุณภาพต่ำ กลุ่มคนรายได้ปานกลาง รายได้น้อย ชุมชนแออัด เข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ จากข้อจำกัดด้านรายได้ เนื่องจากไม่มีแหล่งทุน ขาดเครดิตการกู้ยืม ฐานะการงานขาดความมั่นคง รายได้ไม่แน่นอน ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของรายได้ครัวเรือน มูลค่าการลงทุนในที่อยู่อาศัยของประชาชน 2.1 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 13 ของ GDP หนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนด้านที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 73,808 บาทต่อครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 35.9% จากหนี้สินเฉลี่ยของครัวเรือนทั้งหมด
ที่อยู่อาศัยในเขตเมืองและย่านธุรกิจมีราคาสูงมาก ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยมีอัตราสูงกว่าราคาซื้อขายที่อยู่อาศัยในการผ่อนระยะยาว ที่อยู่อาศัยราคา 2-5 ล้านบาท สำหรับโครงการในตลาดและโครงการต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท มีเพียงร้อยละ 4 จึงมีครัวเรือนไม่ถึงร้อยละ 50 ที่เข้าถึงตลาดที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับรายได้ การกระจุกตัวการถือครองที่ดิน คนที่ถือครองที่ดินมากที่สุด จำนวน 20% ถือครองที่ดินประมาณ 80% ผู้ถือครองที่ดินมากที่สุดถือครองที่ดินจำนวน 6.3 แสนไร่
ข้อเสนอเชิงหลักการ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย/ที่ดินเกษตร ไม่เกินร้อยละ 2 สร้างที่อยู่อาศัยมีคุณภาพให้ประชาชน 1,000 ยูนิตทุกตำบล กลไกราคาและค่าเช่าที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยรายได้ในพื้นที่ เงินอุดหนุนงบประมาณที่อยู่อาศัยประมาณ 10% ของรายได้เฉลี่ยครัวเรือน
วิธีการ กระทรวงการคลังกำหนดแนวทางร่วมกับ ขปส.ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย/ที่ดินเกษตร ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน ไม่เกินร้อยละ 2 และพิจารณาแนวทางกลไกราคาและค่าเช่าที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยรายได้ในพื้นที่
กระทรวง พม. การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดแนวทางร่วมกับ ขปส. ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยมีคุณภาพให้เช่าทุกตำบล โดยนำที่ดินของรัฐมาจัดทำ และแนวทางเงินอุดหนุนงบประมาณที่อยู่อาศัยประมาณ 10% ของรายได้เฉลี่ยครัวเรือน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการคลัง ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวง พม. กทม. สสส. เริ่มโครงการห้องเช่าราคาถูกในเมือง (ออกค่าเช่าห้องคนละครึ่งระหว่างหน่วยงานกับคนไร้บ้าน) และกำลังทำห้องเช่าราคาถูกในเขตหนองจอกและ จ.ปทุมธานี
ให้ พม. ทำที่พักเช่าราคาถูก-เพิ่มงบที่พักชั่วคราวเป็น 36,000 บาท
สภาพปัญหา 1. ข้อมูลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปีของรัฐบาล (ปี พ.ศ.2560-2579) พบว่า 5.87 ล้านครัวเรือน ยังมีที่อยู่อาศัยที่ไม่มั่นคง ครัวเรือนยากจนจำนวนมากต้องเสี่ยงต่อสถานการณ์ไล่รื้อจากภัยคุกคามของโครงการพัฒนาของรัฐที่มองข้ามความเป็นอยู่ของคนในชุมชน และปัญหาที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่การไร้ที่อยู่อาศัยจากสาเหตุอื่นๆ ที่เห็นอยู่ทั่วไปในสังคม เมื่อที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง ก็จะนำไปสู่แนวโน้มปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนจน และคนชายขอบที่จะหลุดพ้นจากความยากจน และเข้าสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างมีศักดิ์ศรี
2.ปัญหาราคาที่ดินในเมืองที่มีราคาแพง เกินกำลังของคนจนจะสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ จึงจำเป็นต้องใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐในเมือง แบ่งปันรองรับการจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับคนจนในเมือง
3.การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน ของหน่วยงานที่มีอยู่ ยังมีข้อติดขัดในระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดตั้ง และระบบสหกรณ์ ที่ต้องได้รับการปรับปรุงให้การดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยคนจนมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบริบทของคนจน
ข้อเสนอเชิงหลักการ 1.รัฐบาลต้องมีนโยบายให้กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานที่ดูแลที่ดินของรัฐ ให้แบ่งปันที่ดินเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนเมือง 2.รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนไม่ให้หน่วยงานใช้มาตรการทางกฎหมายมาไล่รื้อชุมชน แต่ใช้กระบวนการพูดคุยหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกันทั้งหน่วยงานและประชาชน
3.ให้ ครม. มีมติเห็นชอบให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของภาครัฐ ได้รับงบประมาณสนับสนุนแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยเช่นเดียวกับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร และให้โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
4.ต้องทบทวนการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ดินแบบแปลงรวม ที่ประชาชนรวมกลุ่มกันซื้อ-เช่าที่ดินมาบริหารร่วมกัน โดยให้คิดเกณฑ์การชำระภาษีกับแปลงย่อยที่แต่ละครัวเรือนครอบครองจริง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) 1.ให้มีนโยบายสนับสนุนการจัดที่อยู่อาศัยเช่าราคาถูก สำหรับคนไร้บ้าน คนจนเมือง และผู้มีรายได้น้อยทั่วไป โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช.’ ดำเนินการพัฒนารูปแบบที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับศักยภาพของคนจนเมืองกลุ่มต่างๆ
2.หลักเกณฑ์งบประมาณของโครงการที่อยู่อาศัยชั่วคราว(ไฟไหม้-ไล่รื้อ) ให้สอดคล้องกับต้นทุนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน จาก 18,000 บาทเป็น 36,000 บาท เพื่อตั้งหลักก่อนจัดสร้างที่อยู่อาศัยใหม่
กระทรวงมหาดไทย 1.ให้มีนโยบายไปยังท้องถิ่น เรื่องการออกทะเบียนบ้านให้กับประชาชนทุกหลังคาเรือน กับประชาชนทุกหลังคาเรือน เพื่อจะได้เข้าถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน เช่น การขอติดตั้ง ประปา-ไฟฟ้า โดยต้องได้รับการติดตั้งมิเตอร์แบบปกติ และไม่ต้องขออนุญาตติดตั้งจากหน่วยงานเจ้าของที่ดิน
2.ให้คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกประกาศตามมาตรา 17 ของ พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนของการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่จัดให้มีเคหะให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย รวมถึงจัดให้มีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1.ให้ปรับปรุงระเบียบการจัดตั้งสหกรณ์ให้สอดคล้องกับโครงการบ้านมั่นคง ให้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาการจัดตั้งสหกรณ์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานภายในเดือนตุลาคม 2566 และให้เปิดประชุมภายใน 15 พฤศจิกายน 2566 ให้ตั้งสหกรณ์รูปแบบใหม่ โดยให้มีการแก้กฎหมายให้ไม่ต้องมีการประกอบธุรกิจการแสวงหาผลกำไร
กระทรวงคมนาคม 1.การเร่งรัดการอนุมัติเช่าที่ดินเพื่อจัดสร้างที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคง 2.ปรับปรุงระเบียบ การปฏิบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการเช่าที่ดินต่อคนจนในโครงการบ้านมั่นคง โดยให้ตั้งกลไกการแก้ปัญหาชุมชนในที่ดิน รฟท. โดยมี รมช.กระทรวงคมนาคม (นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ) เป็นประธาน ภายในเดือนตุลาคม 2566 และให้เปิดประชุมภายใน 15 พฤศจิกายน 2566 ฯลฯ
ในช่วงรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลก 2566 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนได้ยื่นข้อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยต่อรัฐบาลเช่นเดียวกัน
******************
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รวมพลังคนจนเมืองทั่วประเทศ เปลี่ยนสลัม สู่บ้านมั่นคง บ้านแห่งศักดิ์ศรีที่ทุกคนร่วมสร้าง!
เมื่อความฝันของคนจนไม่บ้านกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ วันนี้พร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด เปลี่ยนแปลงสลัมให้เป็น "บ้านมั่นคง" ที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นมนุษย์
"วราวุธ" ย้ำ พม. ห่วงใย เหตุน้ำท่วมใต้ กำชับเยียวยากลุ่มเปราะบาง
วันที่ 21 ธันวาคม 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวง พม. ดำเนินการขับเคลื่อนศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ
ประกาศผล 8 กองทุน เข้ารับรางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชนดีเด่น ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2567
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหารชน) หรือ พอช. ร่วมกับ คณะทำงานพิจารณารางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชนประจำปี 2567 จัดเวทีพิจารณา รางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชน
ชุมชนทั่วประเทศ ระดมข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้รัฐ ในการประชุม ‘ระดับชาติสภาองค์กรชุมชนตำบล’ ครั้งที่ 16 ปี 2567 เชื่อมั่น “พลังชุมชน พลังประชาชน สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้”
การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลครั้งที่ 16’ ปี 2567 ผู้แทนสภาองค์กรชุมชน ทั่วประเทศ ระดมข้อเสนอเชิงนโยบายให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
“16 ปี สภาองค์กรชุมชนตำบล” “พัฒนาประชาธิปไตยฐานราก สร้างพลังชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง”
‘สภาองค์กรชุมชนตำบล’ จัดตั้งขึ้นมาตาม ‘พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551’ ปัจจุบันเป็นระยะเวลา 16 ปี มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบล เทศบาล และเขต
“วราวุธ” มอบ "ปลัด พม." ร่วมคณะนายกฯ “แพทองธาร” ลุยน้ำท่วมนครศรีฯ - สุราษฎร์ฯ ช่วยผู้ประสบภัย
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)